นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ว่าที่ประธานสภาผู้แทนราษฎร เผยถึงการเชิญเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รองเลขาธิการ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้าหารือ เพื่อเตรียมความพร้อม สำหรับพิธีรับสนองพระบรมราชโองการ โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งประธานสภาฯ และรองประธานสภาฯ ซึ่งคาดว่าจะเกิดขึ้นภายใน 1 – 2 วันนี้ 

ส่วนการเตรียมการเปิดประชุมสภาผู้แทนราษฎร และประชุมร่วมรัฐสภา หากมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ลงมาแล้ว จะประชุมสภานัดแรกในวันที่ 12 ก.ค. โดยมีระเบียบวาระเพียงให้ ส.ส. ที่ยังไม่ได้ปฏิญาณตนได้ปฏิญาณตนก่อนปฏิบัติหน้าที่ รวมทั้งจะปรึกษาหารือกันว่าจะประชุมสภาแต่ละสมัยจำนวนกี่วัน และวันใดบ้าง แม้ที่ผ่านมามีการจัดให้มีการประชุมทุกวันพุธ และวันพฤหัสบดีก็ตาม ก็ต้องขอความเห็นในที่ประชุมอยู่ดี

ทั้งนี้ การประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีจะมีขึ้นในวันที่ 13 ก.ค. เวลา 09.30 น. ซึ่งได้หารือกับนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา เรียบร้อยแล้ว โดยทางสำนักงานเลขาธิการสภาจะออกหนังสือเชิญสมาชิกทั้งสองสภามาประชุมร่วมกัน ซึ่งจะมีวาระเลือกนายกรัฐมนตรี แต่หากเลือกครั้งแรกไม่ได้ 376 เสียง จะต้องนัดประชุมใหม่

โดยสรุปคือ รัฐสภาจะต้องประชุม เพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีให้ได้ ถ้านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ได้ก็ต้องหาจนได้ เพราะรัฐสภามีอำนาจหน้าที่ในการเลือกนายกรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญ เพื่อไปบริหารประเทศ เพราะประเทศจะขาดนายกรัฐมนตรีไม่ได้

“การเลือกนายกรัฐมนตรี ต้องได้เสียง 376 เสียง และขาดอยู่ 64 เสียง ถ้ายังเลือกไม่ได้ก็ต้องทำให้ได้ และในรัฐธรรมนูญไม่ได้กำหนดว่า จะต้องเลือกกี่ครั้ง เป็นคนเดิมหรือคนใหม่ ต้องดูตามความเหมาะสม”

นายวันนอร์ ย้ำอีกว่า การเลือกนายกฯ ประธานจะตัดสินใจคนเดียวไม่ได้ ต้องปรึกษาทุกฝ่ายเพราะเรื่ององค์ประชุมเป็นเรื่องสำคัญ จึงต้องกำหนดวันที่ สมาชิกพร้อมร่วมประชุมเกินครึ่งให้ได้ 

“คนที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องเป็นคนที่มีคุณสมบัติครบถ้วน และตามรายชื่อที่เสนอไว้ต่อกรรมการการเลือกตั้ง หากเลือกแล้วยังไม่ได้ รัฐธรรมนูญก็เปิดทางกำหนดให้ เสนอคนนอกได้แต่ต้องใช้เสียง 2 ใน 3 ของสมาชิกรัฐสภา”

ที่มา : วิทยุรัฐสภา