องค์การอนามัยโลก (WHO) กำลังตรวจสอบเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ที่มีชื่อเรียกเป็นอักษรภาษากรีกว่า ‘mu’ หรือ ‘มิว’ เป็นไวรัสที่พบครั้งแรกในโคลัมเบียเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ซึ่งทาง WHO กล่าวว่าเชื้อไวรัสตัวนี้มีการกลายพันธุ์มากจนน่าจะมีศักยภาพในการหลบเลี่ยงภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากการติดเชื้อหรือการฉีดวัคซีนต้านโควิดมาก่อนหน้านี้แล้วได้

เชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่อย่าง ‘mu’ หรือที่นักวิทยาศาสตร์รู้จักในชื่อ B.1.621 ถูกเพิ่มเข้าไปในรายชื่อสายพันธุ์ที่น่าสนใจ (Variants of Interest) ของ WHO ตั้งแต่เมื่อวันที่ 30 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งมีการให้รายละเอียดไว้ว่าไวรัสตัวแปรตัวใหม่นี้มีการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมที่อาจบ่งบอกได้ว่าทั้งภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติของมนุษย์ วัคซีนต้านไวรัสในปัจจุบันหรือการรักษาด้วยโมโนโคลนัลแอนติบอดีที่ทำอยู่ทุกวันนี้อาจใช้ไม่ได้กับไวรัสตัวดังกล่าว

ซึ่งล่าสุดมีรายงานว่าที่ประเทศญี่ปุ่นพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์ ‘mu’ เป็นที่เรียบร้อยแล้ว โดยมีการระบุว่าพบนักท่องเที่ยว 2 รายที่ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์มิว รายหนึ่งเป็นผู้หญิงวัย 40 ปี เดินทางมาจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ช่วงปลายเดือนกรกฎาคม ส่วนอีกรายเป็นผู้หญิงวัย 50 เดินทางมาจากอังกฤษ ช่วงต้นเดือนกรกฎาคม

อย่างไรก็ตาม WHO ระบุเพิ่มเติมว่าไวรัส ‘mu’ หรือ ‘ไวรัสมิว’ ยังคงจำเป็นต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม เพื่อยืนยันว่าจะสามารถแพร่เชื้อได้มากขึ้น เป็นอันตรายถึงชีวิตหรือสามารถต่อต้านวัคซีนและการรักษาในปัจจุบันได้หรือไม่

นอกจากนี้ องค์การอนามัยโลกยังคงต้องคอยจับตาดูสายพันธุ์อื่น ๆ อีก 4 สายพันธุ์ รวมถึงไวรัสกลายพันธุ์อย่างแลมบ์ดาที่พบครั้งแรกในเปรูด้วย ที่ระบุว่าเกิดการระบาดในหลายประเทศและมีการเปลี่ยนแปลงทางพันธุกรรมที่อาจเป็นอันตรายมากกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส