ดูเหมือนอนาคตของแฟรนไชส์ ‘วิซาร์ดดิง’ เวิลด์ (Wizarding World) จะยังคงลุ่ม ๆ ดอน ๆ เหมือนมนต์เสื่อม อันเนื่องมาจากรายได้ของ ‘Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore’ (2022) ที่ฉายมาครบ 1 เดือน มีแนวโน้มว่าจะขาดทุน และจะกลายเป็นภาพยนตร์ในวิซาร์ดดิง เวิลด์ ที่ทำรายได้ต่ำที่สุดนับตั้งแต่มีแฟรนไชส์

แต่แฟน ๆ พอตเตอร์เฮดก็ยังพอจะมีหวัง เพราะมีรายงานว่า ‘เดวิด ซาสลาฟ’ (David Zaslav) ซีอีโอของ ‘วอร์เนอร์ บราเธอส์ ดิสคัฟเวอรี’ (Warner Bros. Discovery) กำลังมีแผนจะเจรจากับ ‘เจ.เค.โรว์ลิง’ (J.K.Rowling) และทีมงาน Wizarding World เพื่อพัฒนาเรื่องราวจากจักรวาลเวทมนตร์จาก Wizarding World ในรูปแบบคอนเทนต์บนแพลตฟอร์มสตรีมมิง

Wizarding World
‘เดวิด ซาสลาฟ’ (David Zaslav) CEO ของ ‘วอร์เนอร์ บราเธอส์ ดิสคัฟเวอรี’ (Warner Bros. Discovery)

‘เดวิด ซาสลาฟ’ (David Zaslav) CEO คนล่าสุดของ ‘วอร์เนอร์ บราเธอส์ ดิสคัฟเวอรี’ (Warner Bros. Discovery) อดีตผู้บริหารของ Discovery ที่เข้ามาดูแลบริษัทหลังการควบรวมกิจการระหว่าง วอร์เนอร์มีเดีย (WarnerMedia) และดิสคัฟเวอรี (Discovery) เมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา ได้เปิดเผยผ่านบทความ เกี่ยวกับแผนทางธุรกิจของเขากับทาง Wall Street Journal

โดยหนึ่งในแผนที่เขาได้เปิดเผยก็คือ การปรับปรุงแผนและพัฒนา 2 ภาพยนตร์แฟรนไชส์ที่อยู่ภายใต้ปีกของ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส (Warner Bros.) ทั้งแฟรนไชส์ภาพยนตร์ฮีโรในจักรวาล DC รวมทั้งการปรับแผนให้กับแฟรนไชส์ภาพยนตร์ในจักรวาล ‘Wizarding World’ ซึ่งเป็นจักรวาลขยายจากเรื่องราวของแฮร์รี พอตเตอร์ (Harry Potter) ที่เคยทำรายได้ให้กับ วอร์เนอร์ บราเธอร์ส อย่างมหาศาลด้วย

Wizarding World
แฮร์รี พอตเตอร์ (Harry Potter)

ตามรายงานระบุว่า เดวิดในฐานะ CEO กำลังเตรียมเข้าพบพูดคุยกับ ‘เจ.เค.โรว์ลิง’ (J.K.Rowling) นักเขียนเจ้าของแฟรนไชส์ แฮร์รี พอตเตอร์ และผู้เขียนบทภาพยนตร์ ‘Fantastic Beasts’ ทั้ง 3 ภาค รวมทั้งทีมงานผู้ดูแลจักรวาล Wizarding World เพื่อหารือเกี่ยวกับแผนในการขยายจักรวาลโลกเวทมนตร์ที่มีความสดใหม่ เพื่อลงในแพลตฟอร์มในเครือของตนเองอย่าง ‘HBO Max’ และ ‘HBO Go’ ในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้านี้

ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นไปตามแผนของเดวิด ที่ต้องการจะพับแผนโปรเจกต์ที่มีต้นทุนสูง รวมทั้งการเน้นการผลิตคอนเทนต์ทั้งภาพยนตร์และซีรีส์เพื่อป้อนลงช่องทางสตรีมมิง HBO Max และ HBO Go ให้มากขึ้นกว่าเดิม หากการหารือนี้เป็นไปได้ด้วยดี แฟน ๆ ก็อาจจะได้เห็นการขยายจักรวาลโลกเวทมนตร์ของพ่อมดน้อยแฮร์รี พอตเตอร์ ที่มีเรื่องราวมากมายมหาศาลรองรับอยู่แล้วได้อย่างอิสระ และลดความเสี่ยงขาดทุนจากการผลิตในรูปแบบภาพยนตร์ Blockbuster แต่เพียงอย่างเดียวมาโดยตลอด

Wizarding World
Fantastic Beasts

แม้จักรวาล Wizarding World จะเป็นจักรวาลภาพยนตร์ของ Warner Bros. ที่ทำรายได้มากที่สุดของบริษัท และเป็นจักรวาลภาพยนตร์ที่อยู่ในอันดับที่ 4 รองจากจักรวาลมาร์เวล (Marvel Cinematic Universe – MCU) จักรวาลสตาร์ วอร์ส (Star Wars) และจักรวาลสไปเดอร์-แมน (Spider-Man) แต่อย่างที่พอตเตอร์เฮดทราบกันดีว่า ณ ตอนนี้ ภาพรวมของจักรวาล Wizarding World กลับเสื่อมมนต์ขลังลงอย่างน่าใจหาย

โดยเฉพาะภาพยนตร์ ‘Fantastic Beasts’ ที่ตั้งใจว่าจะเป็นจักรวาลขยายของแฟรนไชส์แฮร์รี พอตเตอร์ ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูง แต่กลายเป็นว่า มีเพียงภาคแรกของแฟรนไชส์อย่าง ‘Fantastic Beasts and Where to Find Them’ (2016) ที่ทำรายได้ทั่วโลกสูงถึง 814 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้าง 175 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ส่วน ‘Fantastic Beasts: The Crimes of Grindelwald’ (2018) ภาพยนตร์ลำดับที่ 2 ทำรายได้รวมทั่วโลก 654 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากทุนสร้าง 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ

Wizarding World
แฮร์รี พอตเตอร์ (Harry Potter)

และในภาคล่าสุด ‘Fantastic Beasts: The Secrets of Dumbledore’ (2022) ภาพยนตร์ลำดับที่ 3 ที่เข้าฉายในโรงภาพยนตร์เมื่อ 15 เมษายน หรือ 1 เดือนที่ผ่านมา กลับทำรายได้ตอนเปิดตัว (เฉพาะการฉายในสหรัฐอเมริกา) ได้เพียงแค่ 43 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และทำรายได้รวมทั่วโลกได้เพียง 379 ล้านเหรียญสหรัฐ จากทุนสร้าง 200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ กลายเป็นภาพยนตร์ในแฟรนไชส์ Wizarding World ที่ทำรายได้รวมทั่วโลกน้อยที่สุดในจักรวาล Wizarding World

จากแผนเดิมที่ Wizarding World ได้ว่างแผนไว้ว่า จะมีการสร้างภาพยนตร์แฟรนไชส์ Fantastic Beasts มากถึง 5 ภาค แต่จากรายได้ที่มีแนวโน้มขาดทุน ก็มีความเป็นไปได้ว่า อีก 2 ภาคที่เหลือ อาจถูก Warner Bros. สั่งชะงักเอาไว้ก่อนหรือไม่ เพราะ ณ ตอนนี้ ทางบริษัทเองก็ยังไม่ได้ประกาศอย่างเป็นทางการว่าแฟรนไชส์นี้จะยังได้ไปต่อและบริษัทเองก็ยังไม่ได้ให้ไฟเขียวในการพัฒนาบทภาพยนตร์ลำดับที่ 4 ด้วย เนื่องจากว่าทาง Warner Bros. ยังคงรอเช็กกระแสและรายได้รวมสุทธิ ก่อนจะตัดสินใจว่าจะให้ไฟเขียวหรือไฟแดง

Wizarding World
Fantastic Beasts

รวมทั้งปัจจัยในด้านต่าง ๆ เช่น การปลด ‘แอนน์ ซาร์นอฟฟ์’ (Ann Sarnoff) ประธานบริษัท WarnerMedia ที่รับผิดชอบดูแลจักรวาล Wizarding World โดยตรง ซึ่งเป็นผลกระทบจากการควบรวมบริษัท กระแสต่อต้านผู้สร้างสรรค์อย่าง ‘เจ.เค.โรว์ลิง’ (J.K.Rowling) จากการแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ การแบน ‘เอซรา มิลเลอร์’ (Ezra Miller) หนึ่งในนักแสดงภาพยนตร์ ‘Fantastic Beasts’ เนื่องจากพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ทั้งหมดนี้มีส่วนทำให้แฟรนไชส์ Wizarding World เสื่อมมนต์ขลังลงอย่างมีนัยสำคัญ


ที่มา: comicbook, ign, variety, Wall Street Journal

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส