เมื่อพูดถึงตำนานตัวร้ายของโลกภาพยนตร์ที่มีแฟนคลับนับล้านแล้วล่ะก็ แน่นอนว่าพรีเดเตอร์ (Predator) คงเป็นหนึ่งในตัวละครที่ครองใจใครหลายคนเป็นแน่แท้ เพราะด้วยรูปลักษณ์สุดเท่และน่าเกรงขามของมัน ก็เป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้แฟรนไชส์นี้ ยังคงได้รับการสนับสนุนมาอย่างต่อเนื่อง ถึงแม้ว่าในยุคหลังภาพยนตร์ของพรีเดเตอร์จะได้รับเสียงวิจารณ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่ แต่เราก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าหนัง Predator (1987) ก็ยังคงเป็นภาพยนตร์ที่ครองใจแฟนคลับได้อย่างดี จนยากจะหาภาคไหนมาเทียบ

Predator (1987)

แต่อันที่จริงแล้วหนัง Predator น่ะ เกิดขึ้นด้วยมุกตลกที่คนอำกันเล่นล้วน ๆ เลยนะ มันเริ่มมาจากหนังเรื่อง Rocky ภาค 4 นั้นประสบความสำเร็จมาก ทำให้คนดูต่างแซวกันว่า ถ้ามาขนาดนี้เห็นทีคู่ต่อสู้คนต่อไปของร็อคกี้คงต้องเป็นเอเลียนแล้วแหละ ซึ่งนั่นเป็นสิ่งที่จุดประกายให้ผู้เขียนบทอย่าง จิม กับ จอห์น โทมัส (Jim & John Thomas) นำมุกตลกนี้ไปพัฒนาต่อ จนกลายเป็นบทร่างที่ชื่อว่า ‘Hunter’ นั่นเอง

เมื่อได้บทหนังแล้ว โจทย์ต่อมาจึงเป็นการตามหาตัวเอกที่ต้องแกร่งพอจะฟัดเหวี่ยงกับเอเลียนตัวนี้ได้ และอาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ (Arnold Schwarzenegger) ก็กำลังมือขึ้นกับภาพยนตร์เรื่อง The Terminator อยู่พอดี ซึ่งหนังเรื่องต่าง ๆ ที่เขาเป็นตัวเอกในเวลานั้น มักจะมีภาพจำแบบ One Man Army หรือก็คือชวาร์เซเน็กเกอร์เพียงคนเดียวก็โค่นทั้งกองทัพตัวร้ายได้ ทีมงานจึงอยากลองดูว่า เมื่อชวาร์เซเน็กเกอร์สุดแกร่งคนนี้ต้องโดนมนุษย์ต่างดาวไล่ล่าให้จนตรอกจะเป็นอย่างไร ในที่สุดทีมงานจึงหยิบยื่นบทตัวเอกอย่าง อลัน ดัช เชฟเฟอร์ให้กับเขา

อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ ในบท อลัน ดัช เชฟเฟอร์

กองถ่าย Predator ได้ไปถ่ายกันไกลถึงป่าอบอ้าวในเม็กซิโก ซึ่งแรกเริ่มเลยเจ้าเอเลียนตัวนี้ถูกออกแบบโดย Boss Film Studios แต่ทว่ารูปลักษณ์ของมันดูจะคล้ายคลึงกับแมลงซะมากกว่า แม้แต่ชวาร์เซเน็กเกอร์ยังอดแซวไม่ได้ว่า ‘หน้าตามันเหมือนจิ้งจกผสมเป็ดสุด ๆ‘ โดยปัญหาต่อมาคือ ชุดของเจ้าเอเลียนเนี่ยมันถูกออกแบบให้ใส่ถ่ายทำในสตูดิโอ เพราะชุดมันทั้งร้อนอบอ้าวและต้องใช้ทีมงานคนอื่น ๆ ช่วยในการเคลื่อนไหว ผู้ที่อยู่ในชุดนี้จึงทำได้เพียงแค่โดดไปมาเหมือนกบ แต่กองถ่ายดันมาถ่ายกันไกลถึงป่าดงดิบที่มีทั้งโคลนและอากาศอบอ้าว มันจึงทำให้ชุดนี้มีความยากต่อการถ่ายทำเป็นที่สุด

เจ้า Predator ในเวอร์ชันแรกโดย Boss Film Studios

ซึ่งปัญหาต่อมาก็เกิดขึ้นจนได้ เมื่อผู้สวมชุดเอเลียนอย่าง ฌอง-คล็อด แวน แดม (Jean-Claude Van Damme) รู้สึกว่าบทที่ตัวเองกำลังแสดงอยู่นั้นไม่ได้เป็นไปอย่างที่คิด แม้ว่าเขาจะเคยเป็นสตันท์แมนมาก่อน แต่ชุดนั้นก็ร้อนเกินกว่าจะใส่และดีไซน์ฉากต่อสู้ได้ ในที่สุดแวน แดมจึงโบกมือลาบทนี้ไปอย่างเลี่ยงไม่ได้

ชุด Predator ในเวอร์ชันแรกที่เคลื่อนไหวยากสุด ๆ
PREDATOR 30th Anniversary! Revisit PREDATOR Behind the Scenes at Stan Winston Studio
เวอร์ชันชุดสีแดงที่ไว้สำหรับใส่ CG ในฉากล่องหน ซึ่งออกมาดูตลกมากกว่าน่าเกรงขาม

หลังจากนั้นกองถ่ายจึงตระหนักได้ว่าชุดของพรีเดเตอร์คือปัญหาใหญ่ที่ทำให้พวกเขาไปต่อไม่ได้ พวกเขาจึงลงเอยที่หยุดพักการถ่ายทำเพื่อกลับไปพัฒนาชุดใหม่กันก่อน ซึ่งในเวลานั้นชวาร์เซเน็กเกอร์ก็นึกขึ้นได้ว่าเขาพอรู้จักคนคนนึงที่น่าจะช่วยทีมงานได้ และเขาจึงให้เบอร์ติดต่อชายคนนั้นไป

รัฐแคลิฟอร์เนียปี 1986 ช่วงเวลาที่ยุ่งที่สุดของ Stand Winston Studio บริษัทผู้ผลิตหุ่นกลสเปเชียลเอฟเฟกต์ชื่อดัง ซึ่งในเวลานั้นพวกเขาก็กำลังทำงานกันอย่างเขมักเขม้นเพื่อให้ทันการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องหนึ่งอยู่พอดี ซึ่ง สแตน วินสตัน (Stan Winston) นักทำสเปเชียลเอฟเฟกต์และผู้พ่วงตำแหน่งเจ้าของบริษัท ก็กำลังไล่สั่งงานลูกทีมอยู่ด้วย ทันใดนั้นเขาก็ได้รับโทรศัพท์ โดยปลายสายก็แนะนำตัวว่าเขาเป็นโปรดิวเซอร์ชื่อ โจเอล ซิลเวอร์ (Joel Silver) ซึ่งตอนนี้กำลังถ่ายทำหนังที่เกี่ยวกับเอเลียนอยู่ในป่า แต่ชุดดันมีปัญหานิดหน่อย และซิลเวอร์ก็ได้รับคำแนะนำมาจาก อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ ว่าวินสตันอาจจะช่วยเหลือพวกเขาได้

สแตน วินสตัน กับผลงานในหนัง The Terminator

วินสตันจึงขอบทหนังมาพิจารณาสักครู่และเขาก็พบสิ่งที่น่าทึ่งว่า เขาหลงไหลกับมนต์เสน่ห์ของเจ้านักล่าในเรื่องนี้มาก และเมื่อเพื่อนรักอย่างชวาร์เซเน็กเกอร์ฝากฝังมา เขาจึงตบปากรับงานทันที

แต่ความยากลำบากยังไม่หมดแค่นั้น เพราะวินสตันมีเวลาเพียง 6 สัปดาห์ที่จะสร้างเจ้านี่ขึ้นมาใหม่ เมื่อวินสตันเดินไปบอกกับทีมงานในบริษัท ทุกคนถึงกับบ่นกลับมา

“นี่คุณจะฆ่าเราอย่างนั้นเหรอ”

นั่นเป็นเพราะในเวลาปกติ งานบริษัทในช่วงนี้ก็แน่นอยู่แล้ว และชุดสเปเชียลเอฟเฟกต์ที่พวกเขาทำ ก็ต้องใช้เวลาอยู่เกือบปีถึงจะทำให้เสร็จสมบูรณ์ได้ แต่วินสตันกลับรับงานนี้มาเพื่อทำให้เสร็จใน 6 สัปดาห์เนี่ยนะ มันจึงกลายเป็นหายนะสำหรับทีมงานชัด ๆ เหตุที่วินสตันรับงานนี้มานั้น อีกนัยหนึ่ง เขาก็รู้ดีว่าหนังเรื่องนี้จะต้องดังอย่างแน่นอน เขาจึงรับอาสาเป็นคนออกแบบเจ้าเอเลียนตัวนี้ด้วยตนเอง เพื่อให้มันเสร็จสิ้นทันกำหนด

วินสตันเริ่มออกหาแรงบันดาลใจในการสร้างเจ้าเอเลียนตัวนี้ โดยความสำคัญคือเขาต้องการสร้างสัตว์ประหลาดในชุดเกราะที่มีรูปร่างคล้ายคลึงกับมนุษย์ แต่มันต้องดูไม่ใช่มนุษย์ หลังจากนั้นวินสตันก็เริ่มร่างตัวละครขึ้นมา วันหนึ่งวินสตันก็ได้ไปหา โจเอล ซิลเวอร์ ที่ห้องทำงานและเขาก็สะดุดตากับงานศิลปะชิ้นหนึ่งที่อยู่ในห้อง มันเป็นภาพวาดของนักรบ Rastafarian ที่มาจากต่างโลก จากนั้นเขาจึงเริ่มร่างตัวละครเอเลียนที่ถักผมเดรดล็อกนี้ขึ้นมา

รูปปั้นหัวของ Predator
ชุดเกราะของ Predator

แต่ทว่าแม้ว่าวินสตันจะได้ไอเดียในการสร้างส่วนของตัวแล้ว แต่ที่เขาติดอยู่คือดีไซน์ส่วนหัวของมัน เพราะทำอย่างไรมันก็ดูไม่น่าเกรงขามซักที วันหนึ่งในขณะที่เขากำลังเดินทางไปงานสัมมนาที่ญี่ปุ่นร่วมกับ เจมส์ แคเมรอน (James Cameron) พวกเขาก็ได้คุยกันถึงแนวคิดที่จะสร้างเอเลียนตัวนี้ขึ้น

“ฉันอยากเห็นเอเลียนที่มีขากรรไกรข้างล่างนะ เพราะมันไม่เคยมีมาก่อนในหนัง”

คาเมรอนพูด

ภาพร่างดีไซน์ปากที่ปรับให้เป็นแบบขากรรไกร

และแล้วคำพูดนี้ก็จุดประกายให้วินสตันนำเอกลักษณ์นี้ไปใส่ให้ตัวละครพรีเดเตอร์ที่เขาออกแบบ จนเกิดเป็นรูปลักษณ์ที่เราเห็นกันในปัจจุบัน ซึ่งวินสตันก็ทำงานทุกวันไม่ได้พักตลอด 6 สัปดาห์จนทีมงานสามารถกลับไปถ่ายทำได้ทันในที่สุด 

แม้ว่าหนังจะเรียกคนดูด้วยการให้ตัวเอกเป็น อาร์โนลด์ ชวาร์เซเน็กเกอร์ แต่หลังจากหนังเข้าฉายก็เป็นอย่างที่เราทราบกันดีว่า หนังเรื่องนี้ได้ส่งให้พรีเดเตอร์ก้าวขึ้นมาเป็นตัวร้ายสุดเท่ตลอดกาล จนเราอดคิดไม้ได้เลยว่า คนเมื่อปี 80 จะเชื่อมั้ยว่า มุกตลกที่คนเอามาล้อหนังร็อคกี้ จะกลายร่างเป็นแฟรนไชส์ตัวร้ายสุดเท่ผู้มีแฟนคลับมหาศาลทั่วโลกจนทุกวันนี้

ที่มา: stanwinstonschool, wikipedia, Predator, mensjournal, screenrant, screenrant

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส