หลังจากที่เมื่อปลายเดือนมีนาคมที่ผ่านมา บรูซ วิลลิส (Bruce Willis) นักแสดงรุ่นใหญ่ที่อยู่ในวงการมานานเกือบ 50 ปี ได้ประกาศอำลาอาชีพนักแสดงภาพยนตร์อย่างเป็นทางการ อันเนื่องมาจากอาการทางสมองที่เรียกว่า Aphasia หรือ ภาวะบกพร่องทางการสื่อความ ที่เขากำลังเผชิญอยู่จนไม่สามารถพูด เขียน สื่อความ และสามารถกลับไปทำงานอาชีพนักแสดงได้อย่างเต็มที่

แต่ดูเหมือนว่าเส้นทางอาชีพนักแสดงของวิลลิสจะไม่ได้หายไปง่าย ๆ เพราะล่าสุดมีการเปิดเผยว่า วิลลิสได้ขายสิทธิ์ในการให้อนุญาตใช้ ‘แฝดดิจิทัล’ (Digital Twin) หรือการนำใบหน้าของเขาไปใช้กับเทคโนโลยี Deepfake เพื่อสร้างฝาแฝดดิจิทัลของตัวเขาเองให้ไปปรากฏอยู่บนหน้าจอ ในสื่อต่าง ๆ หรือแม้แต่ในภาพยนตร์ได้โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องไปอยู่ในกองถ่ายอีกต่อไป

Bruce Willis Deepfake

บริษัทที่ได้สิทธิ์อนุญาตสร้างแฝดดิจิทัล จากอดีตนักแสดงฮอลลีวูดชื่อดังนั่นก็คือบริษัท Deepcake บริษัทเจ้าของแพลตฟอร์มสร้าง Deepfake จากสหรัฐอเมริกานั่นเอง โดยงานแรกของฝาแฝดทิพย์ของบรูซชิ้นนี้ก็คืองานพรีเซนเตอร์โฆษณาเครือข่ายโทรคมนาคม MegaFon จากประเทศรัสเซีย ในโฆษณาเราจะได้เห็นบรูซ วิลลิส ที่สร้างขึ้นมาจากเทคโนโลยี Deepfake มาปรากฏในโฆษณาชิ้นนี้ และที่สำคัญคือ งานนี้เราจะได้เห็นใบหน้าของตัวละคร จอห์น แมกเคลน (John McClane) พระเอกคนอึดพูดภาษารัสเซียได้อย่างคล่องแคล่วอีกต่างหาก

โดยมีการเปิดเผยว่า บริษัทจะมีการใช้ Deepfake ของวิลลิส กับแคมเปญทางการตลาดและโฆษณาของ MegaFon ทั้งหมด 15 ชิ้น โดยตอนแรกนั้นจะได้ อิเลีย ไนชูลเลอร์ (Ilya Naishuller) ผู้กำกับภาพยนตร์ชาวรัสเซียที่เคยกำกับหนังแอ็กชัน ‘Nobody’ (2021) มาร่วมกำกับ ส่วน บรูซ วิลลิส ตัวจริงก็จะได้ค่าตอบแทนด้วย ซึ่งคาดว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 1-2 ล้านเหรียญ

Bruce Willis Deepfake

เบื้องหลังกระบวนการสร้างฝาแฝดดิจิทัลนี้ ทีมงานของ Deepcake ได้สร้างแฝดดิจิทัลด้วยการนำเอาใบหน้าของวิลลิส จากฐานข้อมูลมาจากภาพยนตร์ดังของเขาเองทั้ง ‘Die Hard’ (1988) และ ‘The Fifth Element’ (1997) จำนวน 34,000 เฟรม นำมาผ่านกระบวนการปรับปรุงคุณภาพ เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลของอัลกอริธึมให้กับโครงข่ายประสาทเทียม (Artificial Neural Network) ในการจำลองลักษณะใบหน้าของดาราดังขึ้นมา

https://www.instagram.com/p/CXwB3-UMXLG/?hl=en

หลังจากนั้น ทีมงานก็จะนำเอาใบหน้า Deepfake ไปแปะทับกับใบหน้าของ คอนสแตนติน โซโลฟอฟ (Konstantin Solovyov) ตัวแสดงแทนชาวรัสเซียที่มาแสดงเป็นวิลลิสอีกที โดยมีการใช้ AI ในการควบคุมท่าทาง การขยับหมุนใบหน้าและคอ แสง รวมทั้งการใช้ฟิลเตอร์ AI เพื่อปรับปรุงรายละเอียดของผิวหน้า และเพิ่มมิติรายละเอียดของฟันและดวงตาให้เหมือนจริงมากยิ่งขึ้น ซึ่งใช้เวลาในทุกขั้นตอนเสร็จสิ้นทั้งหมดเพียง 14 วันเท่านั้น

Bruce Willis Deepfake
https://www.youtube.com/watch?v=C-86jaUKMX0&list=TLGGW21JPy8Gru0yOTA5MjAyMg&t=16s

โดยวิลลิสได้กล่าวในแถลงการณ์บนเว็บไซต์ของทาง Deepcake ว่า “ผมชื่นชอบในความแม่นยำต่อตัวละครของผม มันเป็นโอกาสที่ดีสำหรับผมที่จะได้ย้อนเวลากลับไปอีกครั้ง โครงข่ายประสาทเทียมได้จำลองผลงาน ‘Die Hard’ และ ‘Fifth Element’ จึงทำให้ตัวละครมีลักษณะคล้ายกับผมในช่วงเวลานั้น

“ด้วยการถือกำเนิดของเทคโนโลยีรุ่นใหม่ ผมสามารถกลับมาสื่อสาร ทำงาน และมีส่วนร่วมในการถ่ายทำภาพยนตร์ได้แม้ว่าจะอยู่ในทวีปอื่น มันเป็นประสบการณ์ใหม่ที่น่าสนใจสำหรับผมมาก ๆ ขอขอบคุณทีมงานทุกคนที่ทำให้เกิดสิ่งนี้ขึ้นด้วยครับ”

Bruce Willis Deepfake

ก่อนหน้านี้เทคโนโลยี Deepfake ถูกนำเอามาใช้บ้างแล้วในวงการบันเทิงฮอลลีวูด เช่นการลดอายุนักแสดงให้อ่อนวัยลง (De-aging) หรือการใช้ Deepfake ในการจำลองใบหน้าของนักแสดงขึ้นมาใหม่ในกรณีที่นักแสดงมีอายุเกินกว่าบทบาทที่ตัวเองได้รับ เช่นในกรณีที่ลูคัสฟิล์ม (Lucas Film) ที่ได้ใช้เทคโนโลยี Deepfake ในการสร้างใบหน้าของลุค สกายวอล์กเกอร์ (Luke Skywalker) วัยหนุ่มขึ้นมาใหม่ในซีรีส์ Star Wars ทั้ง ‘The Mandalorian’ และ ‘The Book of Boba Fett’ เป็นต้น


ที่มา: Daily Mail, Unilad, Telegraph, IGN

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส