James Bond เป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนาน เป็นดั่งซีรีส์ที่จุดประกายให้เด็กน้อยในวันนั้น โตมาเป็นผู้กำกับที่ยิ่งใหญ่ในวันนี้ ไม่เว้นแม้แต่พ่อมดแห่งฮอลลีวูด สตีเวน สปีลเบิร์ก (Steven Spielberg) ที่มีความปรารถนาอันแรงกล้าว่า ถ้าได้เข้ามาเหยียบฮอลลีวูด เขาจะต้องกำกับ James Bond ให้ได้

แม้อายุของแกจะล่วงเลยมาถึง 76 ปี ผ่านการกำกับภาพยนตร์มามากมาย จนชีวิตไม่ต้องพิสูจน์อะไรให้ใครเห็น เป็นผู้กำกับที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดคนหนึ่งในฮอลลีวูดก็ว่าได้ แต่ทว่าพ่อมดแห่งฮอลลีวูดคนนี้กลับไม่เคยได้กำกับหนัง 007 เลยสักครั้ง นั่นเป็นเพราะอะไรกัน วันนี้เราจะพาทุกคนไปแบไต๋ให้ได้รู้

ต้องย้อนความไปที่ประวัติศาสตร์ของ James Bond ก่อนเลย เพราะอย่างที่เรารู้กันว่าแฟรนไชส์ของยอดสายลับคนนี้ นับว่าเป็นหนึ่งในแฟรนไชส์ที่เขี้ยวสุด ๆ พวกเขารู้ว่าตัวเองอยากทำอะไร ต้องปรับตัวแบบไหนถึงจะอยู่รอดมาจนยุคนี้ ดังนั้นแล้วจึงไม่ใช่ใครจะมาแสดงหรือมากำกับภาพยนตร์ชุด James Bond ได้ แต่ต้องเป็นคนที่ผู้สร้างเล็งเห็นแล้วว่าเหมาะสมเท่านั้น 

ตลอดหลายสิบปีที่ผ่านมา การหาตัวผู้กำกับ James Bond ก็ไม่ได้ยากเลย เพราะมีคนจำนวนมาก ตบเท้าเข้ามาขอสานต่อเรื่องราวสายลับคนนี้ แต่น่าเสียดายที่ผู้กำกับมากมายตั้งแต่ อัลเฟรด ฮิตช์ค็อก (Alfred Hitchcock) ไปจนถึง เควนทิน แทแรนทิโน (Quentin Tarantino) ต่างก็ถูกโปรดิวเซอร์ของ James Bond ปฏิเสธ แม้แต่ปู่สตีเวน สปีลเบิร์กก็ยังไม่เว้น

ย้อนกลับไปในปี 70 ช่วงเวลาอันเป็นก้าวแรกของสปีลเบิร์กในฮอลลีวูด หลังจากที่ตอนนั้นเขาเพิ่งทำหนัง JAWS เสร็จหมาด ๆ มันทำให้สปีลเบิร์กเชื่อว่า เขามีศักยภาพมากพอที่จะสานต่อเรื่องราวของสายลับ 007 ได้ 

ในวันหนึ่ง สปีลเบิร์กได้ไปเที่ยวที่ฝรั่งเศส และบังเอิญเจอกับ โรเจอร์ มัวร์ (Roger Moore) นักแสดงผู้รับบท เจมส์ บอนด์ในตอนนั้นที่ปารีส ซึ่งสปีลเบิร์กก็ถือโอกาสทำความรู้จักกับมัวร์ และเล่าถึงความปรารถนาของเขาให้มัวร์ฟัง พวกเขานั่งคุยกันอยู่นานมาก เพราะสปีลเบิร์กเล่าความฝันให้มัวร์ฟังด้วยสายตาอันเปล่งประกาย แต่ทว่าในตอนนั้นหนังของสปีลเบิร์กที่มัวร์เคยดูมีเพียงแค่เรื่อง Duel เท่านั้น ซึ่งมัวร์ก็ชอบหนังเรื่องนั้นเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว มัวร์จึงสัญญาว่าจะกลับไปคุยกับโปรดิวเซอร์ของ 007 เพื่อให้สปีลเบิร์กได้ทำหนังสมใจ 

โรเจอร์ มัวร์

หลังจากนั้นมัวร์ได้ตรงเข้าไปหา อัลเบิร์ต บร็อกโคลี (Albert Broccoli) โปรดิวเซอร์ของ James Bond และผู้ก่อตั้ง Eon Productions ซึ่งมัวร์ก็ได้เล่าเกี่ยวกับแนวคิด James Bond ของสปีลเบิร์กให้บร็อกโคลีฟัง 

“ตอนที่ผมเริ่มสร้างภาพยนตร์ แฟรนไชส์เดียวที่ผมสนใจและอยากมีส่วนร่วมคือ James Bond” 

สปีลเบิร์กกล่าว 
“ความฝันของผมคือการสร้างหนังเล็ก ๆ สักเรื่องให้มันดัง จากนั้นก็รอบรอคโคลีโทรหาและ ชวนให้ผมมากำกับ James Bond”

หลังจาก โรเจอร์ มัวร์ ได้นำเรื่องไปคุยแล้ว บรอคโคลีจึงก็ได้ศึกษาดูว่า เจ้าผู้กำกับคนนี้เป็นใครกัน ถึงกล้ามาเสนอตัวกำกับ 007 และบร็อกโคลีก็พบว่าประสบการณ์ของสปีลเบิร์กในตอนนั้นยังไม่มากพอ เขารู้สึกว่ามันเร็วไปที่สปีลเบิร์กจะทำ James Bond นั่นทำให้บร็อกโคลีปฏิเสธสปีลเบิร์กไป

อัลเบิร์ต บร็อกโคลี

สปีลเบิร์กไม่ยอมแพ้ กลับมาทำหนังของตัวเองเพื่อสั่งสมประสบการณ์ต่อ ในช่วงเวลานั้นเขาเพิ่งถ่าย Close Encounters of the Third Kind เสร็จ มันยังพอมีช่วงเวลาที่เขารู้สึกอยากพักผ่อน เขาจึงชวนเพื่อนรัก จอร์จ ลูคัส (George Lucas) ไปพักผ่อนที่ฮาวาย ซึ่งในระหว่างเที่ยวเล่นกัน สปีลเบิร์กก็เปรยเล่น ๆ ว่า เขาอยากสร้างภาพยนตร์แอ็กชันผจญภัย ที่เหมือนกับ James Bond และคำพูดนี้ก็ได้ไปจุดประกายอะไรบางอย่างในหัวของลูคัส ลูคัสจึงหันมาตอบสปีลเบิร์กว่า “ฉันมีไอเดียที่ดีกว่านั้น” ไม่นาน พวกเขาทั้งคู่จึงซุ่มพัฒนาโปรเจกต์หนังผจญภัยเรื่องหนึ่งขึ้นมา

สตีเวน สปีลเบิร์ก และ จอร์จ ลูคัส

หลังจาก Close Encounters of the Third Kind ออกฉาย หนังก็ได้รับความนิยมมาก ในเวลานั้นทั้ง JAWS กับ Close Encounters กลายเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงที่ส่งให้ชื่อของสปีลเบิร์กมาอยู่ในทำเนียบผู้กำกับแถวหน้าได้ไม่ยาก

เมื่อชื่อเสียงกับผลงานการันตีคุณภาพขนาดนี้ สปีลเบิร์กก็รู้แน่นอนว่า เขาสั่งสมประสบการณ์มามากพอแล้ว เขาจึงตัดสินใจโทรหาบร็อกโคลีด้วยตนเอง เพื่อขอกำกับ James Bond แต่ทว่านี่ก็เป็นอีกครั้งที่บร็อกโคลีปฏิเสธ เพราะช่วงนั้น Close Encounters of the Third Kind ได้รับความนิยมสุด ๆ และบร็อกโคลีเชื่อว่าสตูดิโอของเขาคงจ่ายเงินค่าตัวให้สปีลเบิร์กไม่ไหว เขาจึงต้องปฏิเสธสปีลเบิร์กไปอีกครั้ง

Close Encounters of the Third Kind

แม้ว่าสปีลเบิร์กจะเป็นตัวเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับ James Bond มากแค่ไหน แต่คนไม่ใช่ก็ไม่ใช่อยู่ดี ซึ่งการที่เขาถูกปฏิเสธทำให้เขาตัดสินใจพัฒนา James Bond ของตัวเองโดยผสมกลิ่นอายการผจญภัยไปด้วย หลังจากปรับบทไปมาอยู่นาน ในที่สุดมันก็กลายเป็น Raiders of the Lost Ark ซึ่งเป็นภาคแรกของซีรีส์นักล่าขุมทรัพย์ ‘Indiana Jones’

การสร้าง Indiana Jones ขึ้นมา เป็นเหมือนการทำความเคารพแฟรนไชส์ 007 อันเป็นที่รักในแบบฉบับของสปีลเบิร์ก ซึ่งในซีรีส์ Indiana Jones เองก็มีอีสเตอร์เอ้กหลายอย่างที่ทำให้คนดู ดูแล้วต้องนึกถึง 007 อยู่เช่นกัน

การได้แรงบันดาลใจจาก James Bond นั้นก่อกำเนิด Indiana Jones และการมาของ Indiana Jones ก็ทำให้แฟรนไชส์ของ 007 ต้องมีการปรับตัวขึ้นอีก 

“สปีลเบิร์กสร้างหนัง Indiana Jones ที่เหนือกว่า James Bond ไปหนึ่งก้าว และนั่นทำให้เราต้องขยับตัวเองเพื่อก้าวตามให้ทัน” 
โรเจอร์ มัวร์ ผู้รับบท 007

ที่มา: screenrant, cbr, thethings

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส