‘American Pie’ เป็นหนึ่งในภาพยนตร์แฟรนไชส์ของฮอลลีวูดที่ประสบความสำเร็จมาก ภาพยนตร์ทั้ง 4 เรื่องภายใต้ชื่อ ‘American Pie’ ทำเงินรวมกันได้มากถึง 990 ล้านเหรียญ ยังไม่นับรวมภาพยนตร์ที่สร้างลงดีวีดีอีก 4 เรื่อง แม้จะฟังดูเหมือนไม่มากนัก แต่ต้องพิจารณาด้วยว่า ‘American Pie’ เป็นหนังทุนต่ำ ต้นทุนสร้างสูงสุดก็คือ ‘American Wedding’ปี 2003 อยู่ที่ 55 ล้านเหรียญเท่านั้น ส่วน ‘American Pie’ภาคแรกปี 1999 นั้นก็ใช้ทุนสร้างน้อยนิดมาก แค่เพียง 12 ล้านเหรียญ แต่ทำเงินถล่มทลายไปมากถึง 234 ล้านเหรียญ

แต่รู้ไหมครับ ในขณะที่สตูดิโอทำกำไรได้หลายเท่าตัวจากทุนสร้างเพียงนั้น แต่ ฌอน วิลเลียม สก็อตต์ (Seann William Scott) หนึ่งในนักแสดงที่โด่งดังจากบท ‘สติฟเลอร์’ นั้น ได้ค่าตัวจาก ‘American Pie’ภาคแรก เพียงแค่ 8,000 เหรียญเท่านั้น ตีมูลค่าเป็นเงินไทยในปี 1999 ก็ประมาณ 5 แสนบาท

ฌอน วิลเลียม สก็อตต์ ขณะมาร่วมรายการ ‘The Rich Eisen Show’

สก็อตต์ในวันนี้เขาอายุ 46 ปี แล้ว เขาได้ย้อนเล่าถึงค่าตอบแทนอันน้อยนิดจากภาพยนตร์คอมเมดี้ที่เรียกได้ว่า ‘คลาสสิกตลอดกาล’ ระหว่างที่ไปร่วมรายการ ‘The Rich Eisen Show’ เมื่อพิธีกรถามสก็อตต์ว่าเขาได้ค่าตอบแทนเท่าไหร่ แล้วคำตอบก็ทำเอาพิธีกรอึ้งไปพักใหญ่

“ผมคิดว่าใช่นะ ใช่ล่ะ เพราะผมจำได้ว่าหลังจากนั้นผมไปซื้อ ธันเดอร์เบิร์ดมือสอง (รถยนต์ Ford คลาสสิกปี 1955 – 1957) ราคาประมาณ 5,000 เหรียญ หรืออาจจะ 6,000 เหรียญ ไม่แน่ใจ”
สก็อตต์เล่าให้พิธีกรฟังหลังจากเขาได้รับเงินค่าตัว
“แต่ผมจำไม่ได้หรอกนะว่าอีก 2,000 เหรียญ ผมใช้ไปกับอะไร”

แม้ว่าจำนวนเงิน 8,000 เหรียญ นั้นดูน้อยนิดมากเมื่อเทียบกับค่าตัวนักแสดงฮอลลีวูดทั่วไป แต่สำหรับสก็อตต์ในวันที่เขายังไม่มีชื่อเสียง แล้วได้รับเงินก้อนนี้เขาก็รู้สึกว่า ‘เป็นเงินจำนวนมาก’ แล้วสำหรับเขาในวันนั้น แต่เขาก็ยอมรับว่าเขาใช้เงินก้อนนี้หมดภายในเวลาไม่นาน หลังจากนั้นเขาก็ไปทำงานเป็นพนักงานขาย ชูร์โร (ปาท่องโก๋สเปน) ที่สวนสัตว์แอลเอ
“บางทีมันอาจจะน้อยกว่า 8,000 ก็ได้นะ” สก็อตต์เสริมในช่วงท้าย

ฌอน วิลเลียม สก็อตต์ ในบท ‘สติฟเลอร์’

แต่ด้วยความที่เป็นตัวขโมยซีนประจำเรื่อง ทำให้ ‘สติฟเลอร์’ กลายเป็นตัวละครที่คนดูชื่นชอบที่สุด ส่งผลให้เขาเป็นนักแสดงจาก ‘American Pie’ที่มีงานชุกที่สุด มากเสียกว่า เจสัน บิกส์ (Jason Biggs) นักแสดงนำของเรื่องเสียอีก หลังจาก ‘American Pie’ภาคแรก สก็อตต์ก็มีงานต่อเนื่องมากมายอย่างเช่น ‘Final Destination’, ‘Road Trip’, ‘Dude, Where’s My Car?’ และ ‘Evolution’ แถมยังได้รับบทนำประกบ โจ เหวินฟะ ใน ‘Bulletproof Monk’ ปี 2003 อีกด้วย ฉะนั้นเมื่อสตูดิโอสร้าง ‘American Reunion’ ภาคที่ 4 ของแฟรนไชส์ในปี 2012 ค่าตัวของสก็อตต์จึงกระโดดไปเป็น 5 ล้านเหรียญ 10 เท่าของค่าตัวที่เขาได้รับในภาคแรก สูงที่สุดในกลุ่มนักแสดงทั้งหมด รองลงมาคือ อลิสัน ฮานนิแกน (Alyson Hannigan) และ ยูจีน เลวี (Eugene Levy) ได้ไปคนะล 3 ล้านเหรียญ ส่วนคนอื่นได้กันราว ๆ 500,000 เหรียญ ถึง 750,000 เหรียญ

ทุกวันนี้ ฌอน วิลเลียม สก็อตต์ ยังคงยึดอาชีพนักแสดง เขามีผลงานแสดงออกมาอยู่เนือง ๆ ผลงานโดดเด่นล่าสุดในยุคหลังคือการได้รับบทนำในทีวีซีรีส์ “Lethal Weapon” และพากย์เสียงเป็น ‘Crash’ ตัวพอสซัม ใน ‘Ice Age’ ทุกภาค

ที่มา : unilad IMDB the-numbers