แม้ ณ ตอนนี้ การสละชีพของฮีโรอย่าง ไอรอนแมน (Iron Man) หรือ โทนี สตาร์ก (Tony Stark) ที่รับบทโดย โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ (Robert Downey Jr.) ในภาพยนตร์ ‘Avengers: Endgame’ (2019) จะกลายเป็นตำนาน และเป็นหนึ่งหมุดหมายสำคัญของเหตุการณ์ใน MCU (Marvel Cinematic Universe) และบทบาทนี้ก็กลายมาเป็นที่รักของแฟน ๆ Marvel ในที่สุด

สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้ก็คือ ดาวนีย์ จูเนียร์ ไม่ใช่ตัวเลือกแรกที่ถูกคัดเลือกให้มารับบท Iron Man ในหนัง ‘Iron Man’ ภาคแรกที่ฉายในปี 2008 แต่กลับเป็นนักแสดงที่หลายคนอาจไม่คาดคิด นั่นก็คือแอ็กชันสตาร์อย่าง ไคลฟ์ โอเวน (Clive Owen) คนที่เปิดเผยเรื่องนี้ก็คือ เควิน ไฟกี (Kevin Feige) ประธานของ Marvel Studios ที่ได้ไปกล่าวสุนทรพจน์ในพิธีสําเร็จการศึกษาของมหาวิทยาลัยเซาเทิร์นแคลิฟอร์เนีย (University of Southern California – USC) ในฐานะศิษย์เก่า

“ตอนที่เราคัดเลือกนักแสดงเพื่อมารับบท Iron Man พวกเรากำลังมองหานักแสดงหลาย ๆ คนเลยครับ พวกเราต้องหาส่วนผสมที่ลงตัว ระหว่างความมีหัวใจ ความเข้มแข็ง และความสามารถพิเศษ ในฐานะที่เป็นหนังของ Marvel เรื่องแรกที่เปิดประตูสู่โลก เราจึงไม่มีอะไรให้เดิมพันสูงไปกว่านี้อีกแล้ว ความสำเร็จของหนังเรื่องนี้ และอนาคตของสตูดิโอทั้งหมดของเรา จึงต้องแบกอยู่บนบ่าของนักแสดงเพียงคนเดียว”

Robert Downey Jr. Iron Man Marvel Studios

นั่นจึงเป็นที่มาที่เขาต้องมองหา โทนี สตาร์ก มหาเศรษฐีเพลย์บอยที่กลายมาเป็นซูเปอร์ฮีโรเกราะเหล็กในแบบที่พวกเขาต้องการอย่างเข้มข้น ชื่อนักแสดงคนแรกที่ถูกวางตัวเอาไว้ให้มารับบทนี้ก็คือ ไคลฟ์ โอเวน (Clive Owen) นักแสดงแอ็กชันสตาร์ที่โด่งดังในยุค 2000

“และมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายนัก ทีมงานของผมต้องร่วมมือกับผู้กำกับของเรา จอน ฟาฟโรว์ (Jon Favreau) เพื่อคัดเลือกรายชื่อนักแสดงขึ้นมา เราระบุคนที่ใช่ และขยายข้อเสนอไปยังตัวเลือกเบอร์ต้น ๆ ของเรา นักแสดงที่เราติ๊กเครื่องหมายในช่องตัวเลือกเหล่านั้นทั้งหมด ล้วนแล้วแต่เป็นคนที่เรามั่นใจว่าจะได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และคนนั้นคือ ไคลฟ์ โอเวน แต่สุดท้าย เขาเองไม่สนใจ ก็เลยขอผ่าน”

จากเหตุการณ์นั้น ทำให้ไฟกีตระหนักว่า “นั่นคือกฏเกณฑ์ของชีวิตที่ไม่มีใครขีดเขียนเอาไว้ครับ การไม่ได้ตัวเลือกแรก อาจเป็นเรื่องที่ดีที่สุดที่อาจเกิดขึ้นได้กับคุณ เพราะคุณย่อมรู้ดีว่า สิ่งที่ดีกว่าตัวเลือกแรก คือการได้ตัวเลือกที่ถูกต้อง และในกรณีของเรา แน่นอน ตัวเลือกนั้นก็คือ โรเบิร์ต ดาวนีย์ จูเนียร์ ที่ทำให้หนังเรื่องแรกของสตูดิโอของเรา กลายเป็นหนังที่ได้รับคำวิจารณ์ที่ดีที่สุด และทำรายได้สูงสุดของปีนั้น”

ไม่มีรายละเอียดเปิดเผยว่าทำไมโอเวนจึงปฏิเสธบทบาท โทนี สตาร์กไป แต่ด้วยลุคความเป็นดาราเจ้าเสน่ห์ที่บังเอิญว่าทั้งเขาและ ดาวนีย์ จูเนียร์ ดันมีอายุใกล้เคียงกันพอดี (ดาวนีย์ จูเนียร์ อ่อนเดือนกว่าโอเวนนิดหน่อย) และโอเวนในตอนนั้น ก็ถือเป็นนักแสดงแอ็กชันยอดนิยมในช่วงยุค 90s-2000 ที่มีผลงานการแสดงในหนังทริลเลอร์และแอ็กชันออกมามากมาย

Clive Owen Children of Men

ทั้งฟิล์มนัวร์จัดจ้าน ‘Sin City’ (2005), ‘Children of Men’ (2006) หนังแอ็กชันทริลเลอร์เข้มข้นของผู้กำกับ อัลฟอนโซ กัวรอน (Alfonso Cuarón) หนังล้างแค้นสุดแมส ‘Shoot ‘Em Up’ (2007) และรับบทเป็นตัวร้ายใน ‘Gemini Man’ (2019) ปัจจุบันเขาเองก็ยังมีงานแสดงอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ไม่ค่อยรับงานระดับบล็อกบัสเตอร์ให้ได้เห็นสักเท่าไหร่

หลังผ่านวิกฤติมานับไม่ถ้วน ‘Iron Man’ ถือเป็นโปรเจกต์หนังเรื่องแรกของ Marvel Studios ที่มีความเสี่ยงไม่น้อย เพราะทุนสร้างเป็นเงินที่บริษัทกู้ยืมมาจากสถาบันการเงิน และไอรอนแมนยังถือเป็นคาแรกเตอร์เบอร์รองที่ยังไม่มีใครรู้จักมากนัก แถมการเลือก ดาวนีย์ จูเนียร์ มารับบทก็เสี่ยงหนัก เพราะเคยมีประวัติเสีย ๆ หาย ๆ จากการยุ่งเกี่ยวยาเสพติด ที่เกือบทำให้เขาแทบหมดอนาคต

จะมีก็แต่ผู้กำกับอย่างฟาฟโรว์ ที่มองว่าเขาคือตัวเลือกที่ใช้ และมองว่าเขาจะเป็นแบบเดียวกับที่ จอห์นนี เดปป์ (Johnny Depp) กลายเป็นภาพจำของบทกัปตันแจ็ก สแปร์โรว์ ใน ‘Pirates of the Caribbean’ ซึ่งคำกล่าวนั้นก็กลายเป็นจริง เพราะบทไอรอนแมน กลายเป็นบทบาทติดตัว ดาวนีย์ จูเนียร์ แบบแทบจะแยกไม่ออก ทำให้เขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์ที่มีผลงานยอดเยี่ยมไม่ขาดสาย และยังทำให้ Marvel Studios กลายเป็นผู้นำของหนังซูเปอร์ฮีโรของฮอลลีวูดในเวลาต่อมาจนถึงปัจจุบันด้วย


ที่มา: CinemaBlend, Den of Geek, CBR

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส