เป็นธรรมดาของเดือนกุมภาพันธ์ในประเทศไทยที่แม้นักบุญวาเลนไทน์จะไม่เคยย่างกรายมาก็ตาม แต่บ้านเราที่นิยามตัวเองเป็นเมืองพุทธย่อมไม่เคยพลาดที่จะเกาะกระแสเทศกาลแห่งความรัก และแน่นอนนี่เป็นช่วงเวลาที่หนังรักจะเบ่งบานไม่แพ้ดอกเบี้ยเงินกู้ในช่วงกลางเดือน ปีนี้มีหัวหอกอย่างคุณชายสายล่ามโซ่อย่าง Mr.Grey ใน Fifty Shades Darker, หนังรักไทยถ่ายในต่างแดนอย่าง รักของเรา The Moment และก็มาถึงคิวของหนังรักไทยสไตล์กิมจิ อย่าง 1.44 พื้นที่รัก หรือ Mind Memory ของผู้กำกับ มนัสนันท์ กุดหอม และ สุพจน์ คูณดี สร้างโดยบริษัท เฟฮู อินฟินีตี้ จำกัด เรื่องนี้ที่ถือฤกษ์เข้าฉายปิดเดือนแห่งความรัก

Play video

และในเช้าวันหนึ่ง ไมนด์ ได้นำพาให้ภัทรไปรู้จัก มินจี

สำหรับเรื่องราวของ 1.44 พื้นที่รัก Mind Memory กล่าวถึงมิตรภาพและความรักรอบตัวนาย ภัทร์ (เจมส์ มาร์) โปรแกรมเมอร์และซีอีโอบริษัท ทรีพี (3P)ที่มีผู้ร่วมก่อตั้งอย่าง พีท (ณัฐวุฒิ เจนมานะ) หนุ่มมาดกวนที่แอบหลงรัก แพรว (พัสกร พลบูลณ์) เพื่อนสาวคนสนิท ซึ่งทั้งคู่หาเรื่องทะเลาะกันได้ทุกโอกาส ชีวิตของภัทร์นอกจากเพื่อนทั้งสองคนแล้วก็ยังมี ไมนด์ (MIND) แอปพลิเคชั่นสุดรักที่เขาสร้างจากความทรงจำวัยเด็กคอยเป็นเลขาส่วนตัวช่วยหาข้อมูลและข่าวสารในวงการไอที และในเช้าวันหนึ่ง ไมนด์ ได้นำพาให้ภัทรไปรู้จัก มินจี (ฮัม อึนจอง สมาชิกวง T-ara) รองประธานบริษัทเฟฮู บริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำที่กรุงโซล เกาหลีใต้ ที่กำลังเปิดตัวแอปพลิเคชั่นเพื่อช่วยเหลือคนตาบอดด้วยระบบเซนเซอร์ จนมิตรภาพก่อตัวขึ้นหน้างานเปิดตัว

มินจี ดูจะสนใจในแอปพลิเคชั่น ไมนด์ ของ ภัทรเป็นพิเศษ แต่ภัทรเลือกจะเก็บ ไมนด์ ไว้เป็นความลับ โดยสัญญาจะช่วยพัฒนาโปรเจคต์ แอปพลิเคชั่นเพื่อผู้สูงอายุของ มินจี เป็นการตอบแทนก่อนกลับกรุงเทพ ซึ่งความสัมพันธ์ทั้งคู่อยู่ในสายตาของ จีน่า (จุฑามาศ วิชัย หรือ จอย วงไกอา) เลขาและเพื่อนสนิทของ มินจี มาโดยตลอด โดยหารู้ไม่ว่าภายใต้บุคลิกดูเป็นมิตร จีน่า กำลังจะสร้างรอยร้าวสำคัญให้ทั้งความสัมพันธ์ทางธุรกิจและความผูกพันธ์ส่วนตัวของทั้งคู่

จุฑามาศ วิชัย หรือ จอย ไกอา รับบท จีน่า เลขาคนสนิทของ มินจี ที่อาจหวังดีประสงค์ร้าย ดั่งหลุดมาจากมิวสิควีดิโอของ ปาน ธนพร

แม็กซ์ ณัฐวุฒิ เจนมานะ นักร้องหนุ่มหล่อจาก The Voice รับบท พีท หน้าที่ในบริษัทคือพูดจากวนประสาท และหาของกิน

จากเรื่องย่อเห็นได้ว่าบทภาพยนตร์พยายามผสมผสานเรื่องราวความรักกับเทคโนโลยีสมัยใหม่ แต่กลับล้มเหลวที่จะให้คนดูสัมผัสได้ทั้งความโรแมนติกและความน่าเชื่อถือของเทคโนโลยีในเรื่อง ตั้งแต่หุ่นยนต์รับใช้ของภัทรที่เหมือนหุ่นขายตั๋วหนังธรรมดาใช้งานอะไรไม่ได้นอกจากส่งของให้คน หรือการที่พระเอกสร้างแอปพลิเคชั่น ไมนด์ ตัวละครโฮโลแกรมที่ออกแบบมาคล้ายตัวละครเกมออนไลน์ซึ่งทำอะไรไม่ได้มากไปกว่าการหาข้อมูลแบบเสิร์ชเอนจิน อย่าง กูเกิล และที่โป๊ะแตกที่สุดคือใช้เทคนิคพิเศษในการนำเสนองานแอปพลิเคชั่นของ ภัทร ให้ มินจี ที่อยู่ดีๆก็มีการยิงโฮโลแกรมสามมิติล้ำๆจากเอ่อ….จอไอแพด

ที่ซ้ำร้ายคือรายละเอียดของตัวงานที่ภัทรนำเสนอคือจะให้ มินจี ทำหุ่นยนต์ ซึ่งล้าสมัยกว่าการใช้เซนเซอร์ในโปรเจคต์คนตาบอดก่อนหน้าเสียอีก นี่ยังไม่รวมถึงฉากการแฮคข้อมูลที่เป็นภาพกราฟิกรูปไฟล์คอมพิวเตอร์แล้วภาพหน้าร้ายๆ ของตัวการที่ทำให้ทั้งคู่ผิดใจกันก็ปรากฏขึ้นสร้างความขบขันแบบไม่ตั้งใจให้คนดูซะงั้น เลยกลายเป็นว่าเทคโนโลยีที่ควรจะสร้างคาแรคเตอร์ให้ตัวละครนำกลับกลายเป็นนำเสนอออกมาดูหลอกเด็กไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย และเกี่ยวเนื่องกับกิจการด้านไอทีของพระเอก ผมยังไม่เข้าใจประโยชน์ของผู้ร่วมงานอย่าง พีท และ แพรว นัก คนแรกไม่ทำอะไรมากไปกว่าทำอาหารและต้มบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกิน ส่วนคนหลังนอกจากการเปิดสมุดหน้าเหลืองเอานิ้วเขี่ยจอไอโฟน บ่นว่างานยากแล้ว เธอก็ไม่เคยอยู่บริษัทได้แต่ตะลอนไปซื้อของให้เพื่อนทั้งสองจนไม่ค่อยมั่นใจในมาตรฐานการทำงานของบริษัททรีพีที่กำลังร่วมงานในโปรเจคต์ข้ามชาติกับทางเกาหลีใต้เท่าไหร่นัก

ตัวโฮโลแกรม แอปพลิเคชั่น ไมนด์ (MIND) ที่หลายคนลงความเห็นว่า เสิร์ชกูเกิล เองก็ได้

ใบเฟิร์น พัสกร พลบูลณ์ รับบท แพรว หุ้นส่วนสาวที่ พีท หลงรัก เธอมักบริหารงานบริษัทด้วยการใช้บริษัทบังหน้าไปเกาหลี และแอบไปช็อปปิ้งขณะเพื่อนกำลังทำงาน

มีการยกเลข 1.44 ในชื่อเรื่องมาเป็นกิมมิคอ้างอิงถึงพื้นที่เก็บข้อมูลของฟลอปปีดิสก์ อุปกรณ์เก็บข้อมูลสุดวินเทจ

นอกจากการแสดงระดับลมหนาวเกาหลียังอายของ เจมส์ มาร์ แล้วก็ยังมีโฮโลแกรมล้ำๆที่ใช้ซีจีทั่วไปกับหุ่นกระป๋องที่หน้าเหมือนหุ่นขายตั๋วโรงหนังแห่งหนึ่ง ให้ชมกันด้วย

ในส่วนความโรแมนติกของหนังนอกจากการนำเสนอความสัมพันธ์ของพระนางได้ประดักระเดิดทั้งเรื่อง แม้ความน่ารักของ ฮัม อึนจอง จะส่งประกายสเน่ห์ทุกฉากที่ปรากฏตัวแต่เหมือนมีคนมากดปิดออร่าแอลอีดีของเธอทันทีเมื่อเจอ  แอ็คติ้งที่แช่แข็งไว้ตั้งแต่ละครสุภาพบุรุษจุฑาเทพของ เจมส์ มาร์ จนไม่แน่ใจว่าอากาศติดลบของกรุงโซลหรือการแสดงของเขาอะไรยะเยือกกว่ากัน และการยกเลข 1.44 ในชื่อเรื่องมาเป็นกิมมิคอ้างอิงถึงพื้นที่เก็บข้อมูลของฟลอปปีดิสก์ อุปกรณ์เก็บข้อมูลสุดวินเทจ (ใช่ครับแผ่นดิสก์สี่เหลี่ยมที่เก็บรูปถ่ายรูปเดียวก็เต็มแล้วนั่นแหละ) ที่มาเปรียบเปรยถึงพื้นที่ความทรงจำฝังใจสมัยเด็กของภัทร ซึ่งยอมรับว่าหากไม่มีฉากย้อนอดีตหรือ แฟลชแบ็คเฉลยเราคงเข้าใจว่าพระเอกน่าจะมีปัญหาด้านระบบประสาทถึงมีพื้นที่เก็บข้อมูลน้อยเพียง 1.44 เมกะไบต์เท่านั้น ทั้งที่หนังพยายามทำซึ้งด้วยการใช้เป็นบทสนทนาเพื่อนำไปสู่โฆษณาการท่องเที่ยวเกาหลี เมื่อ มินจี อาสาพาภัทรและเพื่อนไปเที่ยวที่เก๋ๆ อย่าง คลาสชงชาและทำขนมเกาหลี รวมถึงโชว์ทำอาหารแนวตลก ที่เป็นสปอนเซอร์ของหนังที่ดันเป็นสิ่งที่คนดูเห็นจากภาพยนตร์เรื่องอื่นมาเป็นเวลานานจนเหมือนหนังมาฉายช้าไปประมาณ 5 ปีเป็นอย่างน้อย

ฮัม อึนจอง จากวง T-ara ที่เปล่งออร่าในทุกช็อตที่ปรากฎตัว

ฉากหลังสุดโรแมนติกที่เห็นในหนังเกาหลีจนเบื่อ

และที่ต้องบันทึกไว้เลยคือ 1.44 พื้นที่รักเป็นหนังที่แหกกฎการด้านออกแบบงานสร้างแบบเลี้ยวหักศอก ตั้งแต่ฉากแถลงข่าวเปิดตัวที่เซ็ตเหมือนไปยืมห้องจัดงานงานแต่งชาวบ้านที่แขกเขาทานอาหารเหลือไว้มาถ่าย ฉากออฟฟิศกรุงโซลที่ไม่ต่างจากห้องติดหน้าต่างแถบสีลม  หรือที่อุตส่าห์ไปถ่ายทำสถานที่ท่องเที่ยวเกาหลีก็ดันใช้สเตดี้ถ่ายฉากสนทนาและเคลื่อนกล้องหลบคนจนแสงอาทิตย์เข้ากล้องเกิดแสงแฟลร์ทำให้แต่ละช็อตไม่เท่ากันอีก ซึ่งผมคงไม่สาธยายต่อหรอกนะว่าหนังมีการถ่ายภาพแบบขาดๆเกินๆ จนเหมือนโฮมวีดีโอในหลายช็อต จนไม่แน่ใจว่าคุณภาพของมันเหมาะสมกับการฉายโรงจริงรึเปล่า

แม้รีวิวนี้จะกล่าวถึงข้อเสียมาเยอะ แต่หนังก็ทำให้เราหัวเราะได้แบบไม่ตั้งใจในหลายฉากเลยทีเดียว ทั้งซีนที่ไม่รู้ว่าถ่ายมาทำไม การให้ตัวละคร พีท และ แพรว ทะเลาะกัน พูดจายียวนกวนประสาทและ พูดนอกบทใส่กันทุกฉากแม้ไม่ทำให้เรื่องเดินหน้า รวมถึงฉากแฟลชแบ็คที่รบกวนคอหนังโรแมนติกไปดูแล้วบอกทีว่า คนสติดีๆที่ไหนมักพกฟลอปปีดิสก์ไปเที่ยวทะเลกันหือ…

ปิดท้ายด้วย โฮโลแกรม หลอกเด็กจากจอไอแพด