งานนี้ต้องบอกว่าพี่ไม่ได้มาเล่นๆ เมื่อ “เลียม กัลลาเกอร์”  ปล่อยเพลง “One of Us” ออกมา เมื่อแรกฟังเราก็ได้รู้แล้วว่า เพลงนี้เขาจงใจเขียนถึงพี่ชายสุดที่เลิฟ “โนล กัลลาเกอร์” ที่กินเกาเหลากันยังไม่อิ่มเสียที แถมล่าสุดโนลก็บอกแล้วว่าไม่มีคืนดีแน่นอน แต่หากพี่โนลได้ดู MV เพลง “One of Us” ของน้องเลียมที่เพิ่งปล่อยออกมาแล้วล่ะก็  ไม่แน่งานนี้อาจมีใจอ่อนกันบ้างล่ะ

MV เพลง “One of Us” เพิ่งปล่อยออกมาสดๆร้อนๆเมื่อวันที่ 28 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งต้องบอกว่ามีนัยยะสำคัญอย่างแน่นอน เนื่องด้วยเป็นวันครบรอบ 10 ปีที่ Oasis ประกาศยกเลิกคอนเสิร์ตในเทศกาลดนตรี Rock En Sein Festival ที่ประเทศฝรั่งเศส หลัง โนล กัลลาเกอร์ ลาออกจากวง จึงถือว่าวันนี้เป็นวันที่วง Oasis แตกอย่างเป็นทางการ และเป็นจุดเริ่มต้นของความบาดหมางของสองพี่น้องที่ยากจะสมานให้ดีดังเดิม

สำหรับ MV ตัวนี้ เขียนบทโดย Steven Knight ผู้กำกับซีรีส์แนวอาชญากรรมทางโทรทัศน์ช่อง BBC ของอังกฤษเรื่อง “Peaky Blinders”  และกำกับ MV โดย Anthony Byrne ผู้ซึ่งจะเข้ามากำกับซีรีส์ “Peaky Blinders”  นี้ในซีซั่นที่ 5

“One of Us” หรือในชื่อเต็มๆว่า ‘One Of Us: The Ballad of the Blue Eyed Boy’ เป็นเรื่องราวของเลียมที่เดินเข้าไปสู่ท้องทุ่งแห่งความทรงจำและพาเราไปย้อนรำลึกถึงความหลัง พร้อมคลี่คลายความรู้สึก ที่เขาซ่อนเอาไว้ภายใน ออกมาให้เราได้เข้าใจอย่างลึกซึ้งเป็นครั้งแรก หลังจากที่ต้องแยกทางจากพี่ชายและยุบวง Oasis ไปเมื่อ 10 ปีก่อน

เมื่อเราตั้งใจดู MV ตัวนี้แล้วพินิจพิเคราะห์ตาม เราจะพบว่า เลียม ซ่อนสาระสำคัญเอาไว้ในนี้ ซึ่งก่อนอื่นอยากให้เพื่อนๆลองชมกันก่อน แล้วเดี๋ยวเราจะมา “ถอดรหัส” กันว่าเลียมต้องการจะสื่ออะไรผ่าน MV ตัวนี้

Play video

เอาล่ะครับ คราวนี้เรามาเริ่มถอดรหัสกัน

มาเริ่มกันที่สิ่งแรก


1.เก้าอี้สามตัว ของสามสิ่ง

สิ่งแรกที่สังเกตเห็นได้จาก MV ตัวนี้เลยก็คือ “เก้าอี้สามตัว” และอะไรก็ตามที่เป็นเลยสาม เช่น ม้าสามตัว , ดอกกุหลาบสามดอก , เงาที่ปรากฏขึ้นบนจอเป็นสามเงา เป็นต้น ซึ่งความหมายในตรงนี้จะปรากฏชัดเมื่อเรื่องราวดำเนินไป แล้วมีฉากที่เลียมนั่งที่เก้าอี้พร้อมกับพี่คนโต คือ “พอล กัลลาเกอร์” เวอร์ชันในวัยเด็ก แล้วมีเก้าอี้ว่างอยู่ตรงกลางซึ่งเป็นที่นั่งของพี่คนกลางคือ “โนล กัลลาเกอร์” นั่นเอง นั่นแสดงว่าเลขสามนั้นหมายถึง ความเป็นครอบครัว ความเป็นพี่น้องสามคนของบ้านกัลลาเกอร์ได้แก่ พอล โนล และเลียม นั่นเอง


2.เก้าอี้ที่ว่างเปล่า

เรายังอยู่ในประเด็นของเรื่องเก้าอี้อยู่ ตามที่ได้เล่าไว้ว่าในฉากที่เลียมมานั่งที่เก้าอี้นั้น มีพอลมานั่งอยู่ด้วย แต่เก้าอี้ตรงกลางที่ควรจะเป็นของโนลนั้นยังไม่มีใครมานั่ง นั่นหมายความว่า เลียมกำลังจะสื่อว่าที่นั่งตรงนี้ที่เป็นของโนลมันยังว่างอยู่อยากให้โนลกลับมาเป็นเหมือนเดิม เป็นพี่เป็นน้อง เป็นเราสามคนพี่น้องดังเดิม แต่สุดท้ายแล้ว พอลก็หายไปอีก เหลือเพียง “เลียมน้อย” นั่งอยู่คนเดียว สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกอันโดดเดี่ยวของเลียมในเวลานี้


3. ม้าหลงฝูง กุหลาบที่ขาดหาย และ ความโดดเดี่ยวของเลียม

มาต่อที่ประเด็นความโดดเดี่ยวของเลียมกันต่อ นอกจากเรื่องเก้าอี้แล้วยังมีอีกหลายส่วนของ MV นี้ที่ชี้ให้เห็นถึงความรู้สึกโดดเดี่ยวของเลียม ดังเช่นม้าสามตัวมันจะมีอยู่ตัวหนึ่งที่มีแต้มสีดำ ไม่เหมือนตัวอื่นที่เป็นสีขาวล้วน

นอกจากนี้ในช่วงท้ายของ MV เราจะเห็นว่ามีม้าตัวหนึ่งกำลังเดินกลับเข้ามารวมกับมาอีกสองตัวที่เหลือ  ซึ่งม้าตัวนั้นน่าจะหมายถึงเลียมที่รู้สึกว่าตัวเองโดดเดี่ยวเหลือแต่เพียงผู้เดียว แต่สุดท้ายความรู้สึกข้างในคือต้องการกลับไปอยู่กับพี่ๆนั่นเอง

นอกจากนี้ยังมีเรื่องของกุหลาบที่เลียมเหน็บไว้ที่หน้าอกมาตั้งแต่ต้น MV ซึ่งเราสามารถสังเกตเห็นได้แต่ต้น แต่ไม่รู้ความหมายที่แน่ชัด ต่อมาเราจะเห็นว่าเลียมได้เดินมาที่ริมแม่น้ำ มองเห็นกุหลาบสองดอกอยู่บนผิวน้ำเคียงคู่กัน จากนั้นเขาจึงโยนกุหลาบของตนเองลงไปรวมกับกุหลาบอีกสองดอก  เป็นความหมายในแบบเดียวกันกับเรื่องม้าข้างต้น คือ เลียมอยากจะกลับไปรวมเป็นหนึ่งเดียวกับพี่ๆทั้งสอง

 


4. สาม-สอง-หนึ่ง

มีจุดที่น่าสนใจต่อจากประเด็นเมื่อครู่ นั่นก็คือในช่วงท้าย MV เราจะเห็นเลียมยืนชูนิ้วจากสามนิ้ว เป็นสองนิ้ว และหนึ่งนิ้ว โดยมีภาพตัดสลับเข้ามาโดยตลอด ซึ่งตรงนี้มีนัยยะสำคัญที่น่าสนใจดังนี้

ช่วงที่เลียมชู “สามนิ้ว” จะมีภาพตัดสลับเข้ามาสามภาพ คือ เก้าอี้สามตัว ม้าสามตัว และสามพี่น้อง เลียม โนล และพอล ซึ่งตรงนี้สื่อออกมาอย่างชัดเจนแล้วว่าสามสิ่งที่ปรากฏตรงจุดต่างๆของ MV เพลงนี้ สื่อความถึงสามพี่น้องกัลลาเกอร์นั่นเอง

ต่อมาเลียมจะชู “สองนิ้ว” ซึ่งไม่ได้หมายความว่า “สู้ตาย” แต่หมายถึงว่าเมื่อเวลาผ่านไป จากสามก็กลายเป็นสอง ซึ่งคนที่หายไปเลียมหมายถึง “โนล” นั่นเอง

เลียมพอลมองหน้ากันแบบว่า “เอาไงดีวะ”

กุหลาบหล่นหายไปหนึ่งดอก

สุดท้ายเลียมชู “หนึ่งนิ้ว” (เป็นนิ้วชี้นะครับ) จากนั้นจึงต่อด้วยภาพเลียมยืนโดดเดี่ยวเพียงลำพัง ก่อนที่จะกลายเป็นเลียมน้อยผู้โดดเดี่ยว สะท้อนให้เห็นถึงความรู้สึกโดดเดี่ยวของเลียม ซึ่งมีอยู่สองภาพแทรกเข้ามาคือ ภาพมือที่เป็นส่วนหนึ่งของภาพ “The Creation of Adam” (1512) โดย มีเกลันเจโล (Michelangelo) และ ภาพม้าที่เดินกลับเข้ามาในฝูง ซึ่งสื่อให้เห็นถึงความรู้สึกของเลียมที่อยากจะกลับมาใกล้ชิดกับพี่ทั้งสอง ได้อยู่ด้วยกันสามพี่น้องเหมือนอย่างเคยในวัยเด็ก  ก่อนที่เลียมจะปิดท้ายภาพทั้งหมดด้วยเก้าอี้ที่ว่างเปล่าบนหาดทรายเงียบเหงา ซึ่งอาจจะเป็นความจริงของชีวิตที่ว่าสุดท้ายก็ไม่มีใคร เหลือเพียงร่องรอยของอดีตทิ้งเอาไว้ ก่อนที่มันจะถูกคลื่นซัดสาดหายไป

 


5. จุดอื่นๆที่น่าสนใจ

ยังคงมีบางจุดที่เรายังไม่ได้พูดในข้อก่อนๆ ซึ่งขอมาเก็บตกในข้อนี้กันครับ

หนึ่งเลยคือข้อความ “ONE OF US IN TIME” ที่ปรากฏอยู่บนกำแพง ซึ่งข้อความนี้มาจากเนื้อเพลงเพลงนี้ซึ่งมีใจความว่า

“Come on, I know you want more
Come on, and open your door
After it all you’ll find out
You were always one of us
Act like you don’t remember
You said we’d live forever
Who do you think you’re kiddin’?
You were only one of us
In time”

“มาเถอะ ฉันรู้ว่านายต้องการมากกว่านี้ 

มาเถอะ เปิดประตู (เปิดใจ) ของนายซะ 

แล้วนายจะพบว่า 

นายเป็นหนึ่งในพวกเราเสมอมา 

นายทำตัวเหมือนจำอะไรไม่ได้

นายบอกว่านายจะอยู่ไปตลอดกาล 

นายคิดว่านายเป็นใคร ล้อเล่นใช่มั้ย?

นายจะเป็นหนึ่งในพวกเราแค่ ณ ช่วงเวลานี้เท่านั้นล่ะ” 

จุดต่อมาคือเมื่อเปิดบานประตูแล้วจะมีตัวเลข 28.08.09. อยู่ซึ่งนั่นก็คือวันที่ 28 สิงหาคม ปี 2009 อันเป็นวันที่ Oasis ประกาศยกเลิกคอนเสิร์ตในเทศกาลดนตรี Rock En Sein Festival ที่ประเทศฝรั่งเศส หลัง โนล กัลลาเกอร์ ลาออกจากวง จึงถือว่าวันนี้เป็นวันที่วง Oasis แตกอย่างเป็นทางการ  เสมือนกับว่าบานประตูนี้เป็นประตูที่พาไปสู่ความทรงจำครั้งเก่าเมื่อครั้งยังทำวง Oasis ด้วยกัน ซึ่งช็อตตอนที่เห็นตัวเลขนี้ที่บานประตูถูกถ่ายด้วยเลนส์ฟิชอาย ชวนให้นึกถึงภาพปกอัลบั้ม  “Don’t Believe the Truth” (2005) ของ Oasis

ซึ่งพอเมื่อเลียมเปิดประตูเข้าไปในห้องแล้วจะเห็นเครื่องฉายหนังกำลังฉายแสงไปที่ผ้าใบขาวตรงกลางห้อง จากนั้นเมื่อเลียมได้เดินเข้าไป ได้ปรากฏเงาของเลียมขึ้น ก่อนที่เงาเดียวนี้จะถูกทำให้กลายเป็นสาม สื่อความถึงหนึ่งเป็นสาม คือความปรารถนาที่จะเป็นหนึ่งเดียวกันกับพี่น้องของเลียม เป็นอีกครั้งที่มีการตอกย้ำถึงความหมายในประเด็นนี้


จบแล้วครับ แค่นี้ก็ชัดเจนมากแล้วว่าเลียมนั้นอยากจะสื่อสารอะไรออกมาให้เราได้รับรู้ ที่สำคัญคนที่เลียมอยากให้ดู MV นี้มากที่สุดก็คงเป็น “พี่โนล” ของเขานี่ล่ะ ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่โนลดูแล้วจะคิดเห็นเป็นประการใด ไว้เรารอติดตามข่าวกันต่อไปดีกว่านะครับ ส่วนเพื่อนๆคนไหนพบเจออะไรน่าสนใจ หรือสามารถถอดความหมายอะไรได้เพิ่มเติมจากนี้อีก ฝากแชร์กันมาได้เลยนะครับ

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส