ขึ้นแท่นหนึ่งในอสุรกายที่น่ากลัวที่สุดในหนังฮอลลีวู้ดไปตั้งแต่ออกมาปรากฏโฉมใน IT : Chapter one (2017) ไปแล้ว ด้วยความที่ เพนนีไวซ์ เป็นอสุรกายที่มากไปด้วยอิทธิฤทธิ์และอภินิหารมากมาย แต่ความโหดดุก็ไม่ได้น้อยไปกว่าปีศาจรายอื่น จึงทำให้ IT ถูกพูดถึงในฐานะหนังสยองขวัญที่มีความสยองมากในยุคหลังนี้ ส่งผลให้หนังทำรายได้ถล่มทลายไปกว่า 700 ล้านเหรียญ ขึ้นตำแหน่งแชมป์หนังสยองขวัญที่ทำรายได้สูงที่สุดตลอดกาล

ทิม เคอร์รี ในภาพลักษณ์ “เพนนีไวซ์” ตัวแรก ในมินิซีรีส์ปี 1990

เพนนีไวซ์ เป็นหนึ่งในปีศาจที่ สตีเฟน คิง ปรมาจารย์นิยายสยองขวัญเป็นผู้สร้างสรรค์ขึ้นมา ให้มีภาพลักษณ์เป็นตัวตลกผมแดง จมูกแดง หน้าขาวอย่างที่เราคุ้นเคยกัน และคนแรกที่ถ่ายทอดภาพลักษณ์ความสยองของเพนนีไวซ์จากตัวหนังสือให้ออกมาเป็นภาพก็คือ ทิม เคอร์รี เขารับบทเป็น “เพนนีไวซ์” ใน IT เวอร์ชันมินิซีรีส์ 2 ตอนจบเมื่อปี 1990 ฝีมือของทิม เคอร์รี ได้รับการสรรเสริญว่าทำให้เพนนีไวซ์ดูน่าขนพองสยองเกล้ามาก และอยู่ในความทรงจำผู้คนมาเกือบ 30 ปี จนกระทั่ง IT ถูกหยิบมาสร้างอีกครั้งในรูปแบบภาพยนตร์ ทำให้ บิลล์ สการ์สการ์ด นักแสดงหนุ่มผู้ได้รับมอบหมายให้เป็น “เพนนีไวซ์” คนใหม่ ต้องได้รับความกดดันอย่างสูงที่จะต้องสร้างภาพลักษณ์ให้กับเพนนีไวซ์ที่จะต้องน่ากลัวไม่แพ้เวอร์ชันของทิม เคอร์รี และจะต้องไม่ยึดถือแนวทางการตีความของทิมมากเกินไป ซึ่งบิลล์ ก็ทำออกมาได้ดีและเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ทำให้ IT : Chapter one ประสบความสำเร็จ

5 กันยายน นี้ เพนนีไวซ์ จะกลับมาอีกครั้งด้วยความแค้นต่อ “แก๊งขี้แพ้” ที่กำราบมันลงได้เมื่อ 27 ปีก่อน เพนนีไวซ์ในรอบนี้จะกลับมาพร้อมความอาฆาตพยาบาท และพัฒนาทักษะในการเล่นกับความกลัวของเหยื่อมากขึ้น เพราะ”แก๊งขี้แพ้”ทำให้มันได้สัมผัสความกลัวเป็นครั้งแรกตั้งแต่ถือกำเนิดมา แต่ก่อนที่จะไปสัมผัสกับความสยองครั้งใหม่ของเพนนีไวซ์ มาทำความรู้จักกับเจ้าปีศาจตัวตลกรายนี้ให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มอรรรถรสในการชม IT : Chapter Two และนี่คือ 10 เรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับเพนนีไวซ์ ที่บางเรื่องคุณอาจไม่เคยรู้มาก่อนก็ได้

1.เพนนีไวซ์ อยู่มาก่อนจักรวาลถือกำเนิดเสียอีก

IT เป็นนิยายลำดับที่ 18 ของสตีเฟน คิง ชื่อเรื่อง IT นั้น สตีเฟน คิง ตั้งใจแทนตัวตนของ “เพนนีไวซ์” อสูรร้ายของเรื่อง ที่ไม่ใช่ชื่อว่า “เพนนีไวซ์” ก็เพราะว่าร่างเพนนีไวซ์ เป็นเพียงร่างหนึ่งที่มันโปรดปรานเท่านั้น “มัน” ในที่นี้ไม่มีตัวตนภาพลักษณ์ที่แน่นอน ไม่มีเพศ ไม่มีอายุที่แน่ชัด สตีเฟน คิง ได้บรรยายที่มาของ “มัน” ไว้ว่า มันถือกำเนิดในมิติที่ชื่อว่า “มาโครเวอร์ส” มันอยู่ที่นั่นมาก่อนที่จะจักรวาลของเราจะถือกำเนิดเสียอีก แล้วมันก็เข้าโลดแล่นในจักรวาลของเรา แล้วก็มาตกลงบนโลกในยุคดึกดำบรรพ์ “มัน”เลือกที่จะจำศีลเป็นเวลายาวนานนับแต่นั้น มาตื่นขึ้นในศตรวรรษที่ 18 ในเมืองเดอร์รี ที่มันยังคงเลือกอยู่ในเมืองนี้มานับแต่นั้น หลังจากตื่นขึ้นมา มันก็เริ่มสร้างวัฏจักรการดำรงชีพของมัน ด้วยการบริโภคความกลัวของมนุษย์เป็นอาหารหลัก แล้วก็กลับไปจำศีลเป็นเวลา 27 ปี แล้วก็ตื่นขึ้นมาล่าเด็ก ๆ ในเมืองเดอร์รีอีกครั้ง ตั้งแต่ศตวรรษที่ 18 เป็นต้นมา “มัน”อยู่เบื้องหลังการหายสาบสูญของชาวเมืองเดอร์รีแล้วกว่า 300 ชีวิต

2.มันคือมนุษย์ต่างดาวที่มาพร้อมพลังพิเศษ

เพราะถือกำเนิดมาจากโลกต่างมิติ เพนนีไวซ์จึงมาพร้อมพลังพิเศษที่เหนือกว่ามนุษย์โลกมากมาย ในฉบับนิยายนั้น สตีเฟน คิง ได้บรรยายพลังและความสามารถของเพนนีไวซ์ไว้มากมาย หลัก ๆ ที่ยังคงถ่ายทอดมาให้เห็นในหนังด้วยก็เช่นการเล่นสนุกกับความกลัวของเหยื่อ เพนนีไวซ์จะอ่านเข้าไปในจิตของเหยื่อได้ จนรู้ว่าเหยื่อกลัวอะไร แล้วมันก็จะแปลงร่างเป็นตัวที่เหยื่อกลัว ในฉบับนิยายมันเคยแปลงร่างเป็น แดรกคูลา และ มัมมี่ มาแล้ว

อีกความสามารถพิเศษที่น่ากลัวของเพนนีไวซ์คือการควบคุมจิตใจของเหยื่อให้เห็นภาพตามที่มันต้องการได้ อย่างตอนที่มันจะล่อเด็กให้มาเป็นเหยื่อ มันจะเสกลูกโป่งสีแดงออกมาล่อให้เด็กวิ่งตามไปจนถึงที่กบดานของมัน ไม่เพียงแค่สร้างภาพมายาเท่านั้น เพนนีไวซ์ยังสามารถสร้างเสียงและกลิ่นที่เจาะจงเฉพาะเหยื่อของมันเท่านั้นที่สัมผัสได้ พลังของมันเคยแก่กล้าถึงขั้นควบคุมสภาพอากาศ สร้างพายุและฟ้าผ่าได้อีกด้วย ความชั่วร้ายของมันถึงขนาดที่ว่าใช้มือสัมผัสต้นไม้แล้วต้นไม้ก็จะเหี่ยวเฉา

3.มีความสามารถคล้ายกับ เฟรดดี้ ครูเกอร์

เฟรดดี้ ครูเกอร์ จากแฟรนไชส์ Nightmare on Elm.Street หนึ่งในปีศาจอมตะจากฮอลลีวู้ด ที่แฟนหนังคุ้นเคยกันดีกับเอกลักษณ์ปีศาจหน้าเละ ใส่หมวกปีกกว้างและเสื้อลายขวาง ผู้มีถุงมือกรงเล็บเป็นอาวุธ เฟรดดี้ ครูเกอร์ จะไม่ปรากฏตัวจริงออกมาเป็นรูปกายที่จับต้องได้ แต่จะสังหารเหยื่อในความฝันเท่านั้น และในความฝันนั้นคือดินแดนของเฟรดดี้ ครูเกอร์ ที่มันจะควบคุมจิตการรับรู้ของเหยื่อได้ทั้งหมด มันจะลงลึกไปถึงจิตใจเหยื่อเพื่อค้นหาว่าเหยื่อกลัวอะไรมากที่สุด แล้วเฟรดดี้ก็จะพาจิตใจของเหยื่อให้ไปเจอกับสิ่งนั้น

ด้วยวิธีการสนุกกับความกลัวของเหยื่อนี้ เป็นแนวทางเดียวกับที่เพนนีไวซ์ก็ชื่นชอบที่จะทำให้เหยื่อกลัวจนถึงขีดสุดก่อนจัดการเหยื่อ แล้วทั้งคู่ก็ยังมีความสามารถในการแปลงร่างเป็นใครก็ได้ เพียงแต่เพนนีไวซ์จะเหนือกว่าตรงที่สามารถสร้างภาพมายาให้เหยื่อเห็นได้บนโลกจริง แต่เฟรดดี้ ครูเกอร์ ถูกกำหนดขอบเขตไว้แค่ในโลกความฝัน

4.เชื่อมโยงกับนิยาย The dark Towers

ทั้ง IT และ The Dark Towers ต่างเป็นนิยายชื่อดังของสตีเฟน คิง แล้วทั้งคู่ก็ถูกดัดแปลงเป็นภาพยนตร์แล้วยังออกฉายห่างกันแค่เดือนเดียว แม้ The Dark Towers จะไม่ได้ไปต่อ แต่ก็ยังดีที่ IT กลับได้รับเสียงชื่นชมและทำรายได้ดี ก็ช่างเป็นเรื่องบังเอิญที่ว่านิยายทั้ง 2 เรื่องนี้ ออกฉายไล่ ๆ กัน แล้วเวอร์ชันนิยายก็ยังมีเนื้อหาบางส่วนอ้างอิงถึงกัน อย่างที่กล่าวไปก่อนหน้านี้ ถึงถิ่นกำเนิดของเพนนีไวซ์นั้นมาจาก “มาโครเวอร์ส” จักรวาลต่างมิติ และไม่ได้มีเพียงเพนนีไวซ์ที่มาจากมิตินั้น ยังมีเต่ายักษ์นามว่า “มาตูริน” ที่ตามเพนนีไวซ์ออกมาด้วย กลายเป็นว่าเจ้าเต่ามาตูริน คือคู่ปรับตลอดกาลของเพนนีไวซ์ และเป็นศัตรูรายเดียวที่เพนนีไวซ์รู้สึกขยาด แล้วเจ้าเต่ามาตูรินนี่แหละที่ข้ามไปมีบทบาทใน The Dark Towers อีกด้วย มันถูกพูดถึงในฐานะ 1 ใน 12 ผู้พิทักษ์แห่งแสงที่ช่วยค้ำจุนการคงอยู่ของ The Dark Towers

ส่วนในหนัง The Dark Towers ก็มีอีสเตอร์ เอ้ก ที่อ้างอิงถึงเพนนีไวซ์ด้วย เป็นฉากสวนสนุกร้าง แล้วก็มีซากปรักหักพังเครื่องเล่นที่แสดงป้ายชื่อว่า “PENNYWISE”

5.เพนนีไวซ์ อยู่ในอันดับที่ 8 ของ รายชื่อตัวละครสยองขวัญที่น่ากลัวที่สุด

ในปี 2014 นิตยสาร โรลลิง สโตน เปิดให้ผู้อ่านได้เข้ามาโหวตรายชื่อตัวละครสยองขวัญที่น่ากลัวที่สุด และ”เพนนีไวซ์” ก็ติดอยู่ในอันดับที่ 8 ดูเหมือนว่าจะอยู่อันดับล่าง ๆ แต่ถ้าพิจารณาในฐานะที่ว่า “เพนนีไวซ์” เป็นปีศาจตัวเดียวในรายชื่อนี้ ที่ปรากฏตัวออกมาแค่ในมินิซีรีส์ 2 ตอนจบแค่นั้น วันที่จัดโหวตนั้นยังไม่ได้สร้างออกมาเป็นภาพยนตร์ด้วยซ้ำ ในขณะที่ตัวละครสยองในอันดับ 1 – 7 นั้นต่างมีหนังออกมาหลายภาคแล้ว

อย่างเช่นอันดับ 1 นั้นคือ ไมเคิล มายเออร์ จาก Halloween ก็มีหนังออกมาแล้วถึง 9 ภาค , อันดับ 2 เฟรดดี้ ครูเกอร์ จาก Nightmare on Elm.Street ก็มีหนัง 9 ภาคแล้วเช่นกัน อันดับที่ตามมาก็เช่น เจสัน วอร์ฮี , ฮันนิบาล และ พินเฮด ต่างก็มีหนังเกินกว่า 1 ภาคทั้งนั้น ความน่ากลัวของเพนนีไวซ์ ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่แค่ในนิยายและจอทีวีเท่านัน แต่มันยังสร้างกระแสให้ผู้คนรู้สึก “กลัวตัวตลก” กันไปทั่วโลก

6.เพนนีไวซ์ ตัวแทนของตัวตลกสยองขวัญทั่วทุกมุมโลก

จุดเริ่มต้นในปี 2013 ชาวบ้านในเมืองนอร์ธแฮมป์ตัน ประเทศอังกฤษ ได้ร้องเรียนกับทางตำรวจว่าพวกเขาโดน “ตัวตลกน่ากลัว” ที่หน้าตาเหมือน เพนนีไวซ์ มาคุกคามอยู่นานนับเดือนแล้ว เมื่อตำรวจตามหาต้นตอก็เจอว่า ตัวตลก เหล่านั้นเป็นฝีมือของกลุ่มผู้สร้างหนังท้องถิ่น ที่เอาตัวตลกมาหลอกคนแล้วก็แอบถ่ายวิดีโอทำเป็นเรียลลิตี้โชว์ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของกระแสตัวตลกสยองขวัญ

หลังจากนั้นก็เกิดเหตุคุกคามจากตัวตลกอีกหลายประเทศ อิตาลี, แคนาดา, ออสเตรเลีย กลายเป็นปรากฏการณ์ในวงกว้างช่วงปลายปี 2016 มีผู้พบเห็นตัวตลกน่ากลัว และถูกคุกคามในอีกหลายรัฐในอเมริกา ทำให้บรรดาตัวตลกกลายเป็นสัญลักษณ์ของความน่ากลัว บรรดาเด็ก ๆ จากที่เคยชื่นชอบตัวตลกก็กลายเป็นกลัวตัวตลกกันไปหมด ส่งผลให้บรรดานักแสดงตัวตลกต่างไม่มีงานจ้าง พวกเขาจึงชี้นิ้วโทษไปที่สตีเฟน คิง ผู้ริเริ่มสร้างภาพลักษณ์ความน่ากลัวให้กับตัวตลก

7.สตีเฟน คิง เผยแรงบันดาลใจในการสร้างเพนนีไวซ์

สตีเฟน คิง เล่าถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้เขาเขียน “IT” และสร้างสรรค์ “เพนนีไวซ์” ขึ้นมา เหตุจากคืนหนึ่งสตีเฟน ออกจากบ้านไปกินพิซซ่า ระหว่างทางจากร้านพิซซ่ากลับบ้าน รถเขาเกิดเสีย ก็เสียเวลาซ่อมจนเสร็จ ขับกลับบ้านต่อ ช่วงที่ขับข้ามสะพานนั้น จินตนาการในฐานะนักประพันธ์ก็ผุดขึ้นมาเป็นภาพ ยักษ์โทรล อาศัยอยู่ใต้สะพานนั้น กลายเป็นแรงบันดาลใจให้เขาอยากเขียนนิยายเกี่ยวกับอสุรกาย แม้ว่าไอเดียเริ่มต้นยังห่างไกลกับผลลัพธ์ที่ออกมาเป็นนิยาย “IT” นัก สตีเฟน คิง ก็อธิบายถึงจุดเชื่อมโยงดังนี้ “ผมอยากเอาอสุรกายหลาย ๆ ตัวมารวมกันในเรื่องเดียวให้มากที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้ ผมอยากได้แวมไพร์ มนุษย์หมาป่า มัมมี่ก็มีด้วย ผมอยากเอาทุกตัวเนี้ยมามัดรวมกันให้ออกมาเป็น อสุรกายที่น่ากลัว น่าขยะแขยง น่ารังเกียจ เป็นอสูรที่คุณไม่อยากพบเจอมันแน่นอนในชีวิตนี้ แค่คุณเห็นมัน ก็จะทำให้คุณกรีดร้องแล้ว ผมก็ยังจินตนาการต่อไป ถ้าเราเป็นเด็ก ตัวอะไรล่ะที่จะทำให้เรากลัวมากที่สุด แล้วผมก็ได้คำตอบนั่นก็คือ…………….ตัวตลก”
นั่นล่ะครับ จุดเริ่มต้นจากยักษ์โทรลเพียงตัวเดียว กลายเป็นอสุรกายตัวที่ 2 ตัวที่ 3 แล้วก็กลายมาเป็น เพนนีไวซ์ ในที่สุด

8.เพนนีไวซ์กินได้ทุกสิ่งอย่าง

แม้ว่าของโปรดที่สุดของมันคือ “เด็ก” มันจะทำให้เด็กกลัวถึงขีดสุดก่อน แล้วค่อยกิน เพราะรสชาติของเด็กน้อยตอนที่กลัวที่สุดจะอร่อยที่สุด แต่มีเรื่องราวอ้างอิงจากนิยายว่าแท้จริงแล้วเพนนีไวซ์กินได้ทุกสิ่งอย่างที่มันอยากกิน มันจึงมีอีกฉายาว่า “ตัวกินโลก” ถ้าเพนนีไวซ์อยากจะกินทุกอย่างต่อไปเรื่อย ๆ มันก็จะกินได้จนกว่าโลกนี้สะอาด

9.บิลล์ สการ์สการ์ด มีเวลาเตรียมตัวรับบท “เพนนีไวซ์” แค่เพียง 10 วัน

ในทีแรกนั้น IT อยู่ในมือของ แครี โจจิ ฟูกุนากะ ในตำแหน่งผู้กำกับ แล้วเขาวางตัว วิลล์ เพาเตอร์ (นักแสดงที่มีใบหน้าประหลาดหนึ่งในนักแสดงนำ Midsommar) ให้มารับบทเป็น “เพนนีไวซ์” แต่แล้ว แครี ก็ถอนตัวไป ได้ แอนดี้ มุสเซติ มารับหน้าที่แทน แล้วก็ดึงตัว บิลล์ สการ์สการ์ด มารับบท “เพนนีไวซ์” ซึ่งนับว่าเป็นช่วงเวลาที่กะทันหัน เขามีเวลาเตรียมตัวก่อนเข้ากล้องแค่ 10 วันเท่านั้น เขาทำการบ้านด้วยการชมมินิซีรีส์ IT เพื่อทำความรู้จักกับตัวตนของเพนนีไวซ์ และตัวละครแก๊งขี้แพ้ ที่จะเป็นเหยื่อของเขา ความตั้งใจของบิลล์ คือเขาอยากจะดึงความรู้สึกกลัวจริง ๆ ของนักแสดงเด็กในเรื่องออกมาให้ได้สมจริงที่สุด บิลล์จึงไม่พบกับบรรดานักแสดงเด็กในเรื่องเลย บรรดาสมาชิกแก๊งขี้แพ้จะไม่เคยพบเห็นหน้าตาตัวตนของบิลล์ แต่จะได้เห็นเขาครั้งแรกในภาพลักษณ์ของ “เพนนีไวซ์” ในขณะแสดงเท่านั้น

10.เพนนีไวซ์ พูดภาษาสวีเดน

บิลล์ สการ์สการ์ด เป็นสมาชิกในครอบครัวของนักแสดงชาวสวีเดน เขาเป็นลูกชายของ สเตลแลน สการ์สการ์ด นักแสดงชื่อดังผู้อยู่ในวงการแสดงมากว่า 40 ปี และยังเป็นน้องชายของอเล็กซานเดอร์ สการ์สการ์ด ผู้รับบท “ทาร์ซาน” คนล่าสุดใน The Legend of Tarzan (2016) ส่วนบิลล์นั้นก็เข้าวงการแสดงมาเกือบ 20 ปีแล้ว ส่วนใหญ่ได้บทสมทบในหนังดังหลายเรื่อง Allegiant, deadpool 2, Atomic Blonde พอมาได้รับบท “เพนนีไวซ์” จึงนับว่าเป็นบทบาทสำคัญที่สุดในชีวิตการแสดง ที่เขาต้องทุ่มเทให้อย่างมาก ซึ่งผู้กำกับก็พึงพอใจกับฝีมือการแสดงของบิลล์ และด้วยความที่บิลล์เป็นชาวสวีดิชโดยกำเนิด สามารถพูดภาษาสวีเดนได้คล่อง และเป็นภาษาที่แปลกหู ผู้กำกับแอนดี้ จึงมีไอเดียให้ เพนนีไวซ์ พูดภาษาสวีเดนในบางฉาก ช่วยเสริมภาพลักษณ์ที่แปลกประหลาดให้กับเพนนีไวซ์ได้มากขึ้น

ผ่านมาทั้ง 10 ข้อ ผู้อ่านน่าจะได้รับข้อมูลที่น่าทึ่งเบื้องหน้าและเบื้องหลังของ “IT” ได้รับรู้แง่มุมที่น่ากลัวลึกลับของเพนนีไวซ์ และความทุ่มเทตั้งใจของ บิลล์ สการ์สการ์ด ผู้อยู่เบื้องหลังความน่ากลัวของเพนนีไวซ์ ไปพบพบกับความน่ากลัวของ เพนนีไวซ์ และร่วมกันเอาใจช่วยกับแก๊งขี้แพ้ว่ารอบนี้พวกเขาจะกำราบเพนนีไวซ์ได้อย่างไร พบกับการกลับมาที่ดุและโหดมากขึ้นของเพนนีไวซ์ พร้อมกันทุกโรงทั่วประเทศ ตั้งแต่ 5 กันยายน เป็นต้นไป

 

อ่านรีวิว IT CHAPTER TWO กดที่ลิงก์นี้เลยจ้ะ

 

อ้างอิง

อ้างอิง

อ้างอิง