ไม่รู้ว่างานชุกจนไม่ว่างดูหรือว่าไม่ค่อยสนใจจะดูหนังของคนอื่นเท่าไหร่ จากรายงานล่าสุด ปู่ Martin Scorsese ผู้ออกมาสร้างดราม่าแหกอก Marvel Studios ว่าทำแต่สิ่งที่ไม่ใช่หนังแต่เป็นสวนสนุกมากกว่า (เรียกได้ว่า เป็นดราม่าชามใหญ่สุดของวงการภาพยนตร์ฮอลลีวูดปี 2019 ซึ่งตัวละครในหนังปู่หลายตัวก็เทียบเคียงกับตัวละครใน Marvel ได้อยู่นะ) ก็ออกมายอมรับกับสื่อว่า จนถึงขณะนี้ตัวเขาก็ยังไม่ได้ชม Joker  ภาพยนตร์จากตัวละครคอมิกของ DC ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงในปีที่ผ่านมา กวาดทั้งคำชมและทำรายได้เกิน 1 พันล้านเหรียญฯ ทั่วโลก (อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่) ซึ่งคนดูและนักวิจารณ์หลายคนก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ผลงานของ Tod Phillips นั้นได้รับอิทธิพลและแรงบันดาลใจอย่างมากจากผลงานเก่า ๆ ของ Scorsese ไม่ว่าจะเป็น Taxi Driver (1976)  หรือ The King of Comedy (1982) ถึงขนาดมีการแซวแรงว่า ถ้าหนัง Joker ได้รับรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมที่เวทีไหน คนขึ้นไปรับก็ควรจะเป็น Scorsese มากกว่า Phillips กันเลยทีเดียว

Scorsese ในกองถ่าย Taxi Driver

Scorsese ในกองถ่าย Taxi Driver

Scorsese ในกองถ่าย The King of Comedy

Scorsese ในกองถ่าย The King of Comedy

“ผมรู้จักหนัง Joker เป็นอย่างดี และผมก็รู้จักผู้กำกับรวมถึงผู้อำนวยการสร้างหนังเรื่องนั้นเป็นอย่างดีด้วย แม้ว่าผมจะมีเหตุผลส่วนตัวที่ตัดสินใจไม่กำกับ แต่ผมก็ใช้เวลาถึง 4 ปีเลยนะที่จะตัดใจเดินออกมา แน่นอนว่าผมได้เห็นสคริปต์ทั้งหมด และผมก็ได้เห็นพลังของมันตั้งแต่แรก ยิ่งหนังได้ Joaquin มาเล่นด้วยละก็ ผมก็ยิ่งเชื่อว่า หนังต้องดังและประสบความสำเร็จตั้งแต่ยังไม่ถ่ายทำแล้ว” Scorsese เคยให้สัมภาษณ์เอาไว้

เทียบช็อตต่อช็อต Joker กับ The King of Comedy

เทียบช็อตต่อช็อต Joker กับ The King of Comedy

Joker และ Taxi Driver ที่ให้บรรยากาศหม่นมืดเหมือนกัน

Joker และ Taxi Driver ที่ให้บรรยากาศหม่นมืดเหมือนกัน

Robert De Niro จากหนังที่เป็นแรงบันดาลใจทุกเรื่องของ Joker ก็ได้มาเล่นใน Joker ด้วย

Robert De Niro จากหนังที่เป็นแรงบันดาลใจทุกเรื่องของ Joker ก็ได้มาเล่นใน Joker ด้วย

ก่อนหน้านี้ผู้กำกับวัยเก๋าจะได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการพัฒนาโพรเจกต์และเกือบจะได้กำกับ Joker ก่อนจะได้หันเหมาทำหนังที่ใฝ่ฝันอยากทำมาตลอด 10 ปี อย่าง The Irishman (อ่านรีวิวฉบับเต็มได้ที่นี่) ซึ่งมีนักแสดงคู่บุญอย่าง Robert De Niro นำแสดงอยู่ด้วย หนังไม่สามารถหาค่ายหนังที่กล้าลงทุนกับเทคโนโลยีลดอายุของใบหน้า (De-Aging) ซึ่งต้องลงทุนสูงมากเมื่อ 10 ปีก่อน จนกระทั่งมาเจอนายทุนอย่าง Netflix ที่กล้าลงทุนด้วยงบสร้างที่สูงถึง 175 ล้านเหรียญฯ ซึ่งก็น่าจะทำให้ Scorsese ได้กลับไปเยือนเวทีรางวัลสำคัญของปีนี้ด้วยเช่นกัน จากหนังความยาว 4 ชั่วโมง ที่ได้รับเสียงชื่นชมจากทั้งฝั่งนักวิจารณ์และคนดู ซึ่ง Netflix ก็ได้ใช้ความพยายามอย่างหนักกับการโปรโมตเพื่อให้เข้าตากรรมการเช่นเดียวกับที่โปรโมต Roma จนชนะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมเมื่อปีก่อน

ผู้กำกับ Martin Scorsese ในกองถ่าย The Irishman

ผู้กำกับ Martin Scorsese ในกองถ่าย The Irishman

นอกจากนี้ Scorsese ก็เคยออกมาชื่นชมการแสดงของ Joaquin Phoenix ที่เป็นตัวเต็งรางวัลออสการ์นำชายยอดเยี่ยมและอีกหลายเวทีรางวัลในปีนี้ออกสื่ออีกด้วย

Joaquin Phoenix กับบทบาทที่ดีและโด่งดังที่สุดของเขา

Joaquin Phoenix กับบทบาทที่ดีและโด่งดังที่สุดของเขา

“ผมก็คิดว่า Martin น่าจะยังไม่ได้ดูหนัง Marvel ของพวกเราด้วยเหมือนกัน” CEO Disney อย่าง Bob Iger ออกมาตอบโต้ Scorsese เมื่อปลายปีก่อน ในตอนที่เขาให้สัมภาษณ์กับสื่อว่า อยากจะนัดเคลียร์ความเข้าใจกับ Scorsese เป็นการส่วนตัว ซึ่งสื่อก็ได้คาดการณ์กันว่า เอาเข้าจริง ๆ แล้ว ผู้กำกับที่งานชุกสุด ๆ อย่าง Scorsese ก็คงไม่ได้มีเวลาดูหนังสมัยนี้เยอะเหมือนตอนยังหนุ่ม ยิ่งพอมาดูบางเรื่องก็เลยเกิดอาการผิดหวังที่ไม่ได้เห็นศิลปะในศาสตร์ภาพยนตร์เหมือนในยุคของเขา จึงพาลตัดสินไปว่าหนังฮีโรของยุคสมัยนี้กลายเป็น “สวนสนุก” ไป อย่างไรก็ดี คอหนังบางคนถึงกับบอกว่า ถ้าไม่มีเวลาดูหนังยุคนี้ (หรือตามสมัยไม่ทัน) ปู่ก็ควรจะหุบปาก หยุดวิพากษ์วิจารณ์ และเอาเวลาไปทำหนังของตัวเองจะดีกว่า

ก็เป็นไปได้ว่า ส่วนหนึ่งที่กลายเป็นความน้อยใจและความแค้นลึก ๆ ของปู่ Martin ก็อาจเกิดมาจากการที่เขาไม่สามารถหาทุนสร้างให้กับหนัง The Irishman ของเขาได้นับ10 ปี เพราะว่าหนังของเขาไม่ใช่หนังฮีโรหรือหนังฟอร์มยักษ์ที่สตูดิโอจะกล้าลงทุนระดับเฉียด 200 ล้านเหรียญฯ (และเสี่ยงเจ๊ง เพราะเป็นหนังเนื้อหาล้าสมัย เต็มไปด้วยนักแสดงเก่า ซึ่งทุนสร้างไม่น่าเกิน 40-60 ล้านเหรียญฯ) เมื่อ Joker ที่ทุนสร้างแค่ 55 ล้านเหรียญฯ ทำรายได้จากทั่วโลกแทบไม่ต่างจากหนัง Marvel

ปู่ Scorsese จึงขอขึ้นขบวนประกาศชัยชนะในหนังที่เขาเคยมีส่วนร่วม รวมถึงกล่าวชื่นชมการแสดงของ Joaquin เพื่อสื่อให้เห็นว่า พื้นที่ของหนังดังและประสบความสำเร็จ ก็เป็นของหนังที่รุนแรง มืดหม่น ไม่ได้ผาดโผนอย่างซ้ำซาก และไม่ต้องลงทุนสูงแต่เต็มไปด้วยแนวคิดและศิลปะได้เหมือนกัน

อ้างอิง

อ้างอิง

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส