กำลังจะได้ชมกันในวันที่ 25 พฤษภาคมที่จะถึงนี้แล้ว สำหรับซีรีส์รถด่วนขบวนสุดท้ายหลังโลกหายนะอย่าง Snowpiercer ที่ออกอากาศทางโทรทัศน์ที่สหรัฐฯ ช่อง TNT ส่วนในบ้านเราได้ชมทางสตรีมมิง Netflix ซึ่งสำหรับหลายคนที่สงสัยว่า ฉบับซีรีส์นี้คือการนำฉบับหนังเมื่อปี 2013 มารีเมกใช่หรือไม่? เพราะดูจากตัวอย่างแล้วไม่เห็นตัวละครเดิม ๆ จากในหนังกลับมา วันนี้ What the Fact มีคำอธิบายมาบอกแล้ว นั่นคือซีรีส์ที่จะได้ชมนั้นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนในฉบับหนัง หรือก็คือเหตุการณ์ในภาคต้นนั่นเอง

Snowpiercer ดัดแปลงมาจากนิยายภาพของฝรั่งเศสเรื่อง “Le Transperceneige” ของ Jacques Lob และ Jean-Marc Rochette ตีพิมพ์เมื่อปี 1982 ซึ่งผู้กำกับบงจุนโฮเอามาดัดแปลงเป็นฉบับหนังในปี 2013 บอกเล่าเรื่องราวโลกในอนาคตที่กลายเป็นยุคน้ำแข็ง ผู้รอดตายกลุ่มสุดท้ายอาศัยอยู่บนรถไฟที่แล่นไม่มีวันหยุดที่ต้องแล่นตลอดเวลาไปบนรางรถไฟที่วิ่งรอบโลก ที่เนื้อหาถูกใจบงจุนโฮจนเอามาทำเป็นหนังก็เพราะเนื้อเรื่องนั้นมีจุดเด่นอยู่ที่การวิพากษ์ประเด็นชนชั้นทางสังคมเช่นเดียวกับที่ทำกับ Parasite (2019)

Daveed Diggs และ Jennifer Connelly
Daveed Diggs และ Jennifer Connelly
Daveed Diggs และ Sheila Vand
Daveed Diggs และ Sheila Vand

ตามไทม์ไลน์ของฉบับนิยายภาพนั้น เรื่องราวโลกล่มสลายเพราะอุณหภูมิโลกถึงจุดเยือกแข็งจนทำให้เมืองต่าง ๆ ในโลกกลายเป็นน้ำแข็งไปหมดนั้นเกิดขึ้นในปี 2014 รถไฟที่วิ่งด้วยพลังงานแม่เหล็กขบวนนี้สร้างขึ้นโดยวิศวกรชื่อ “วิลฟอร์ด” และมีการออกแบบแต่ละตู้ของรถไฟแบ่งตามชนชั้นวรรณะทางสังคมตั้งแต่รวยสุดไปจนยากจนสุด คนรวยอยู่โบกี้หน้าสุด ยากจนสุดอยู่โบกี้หลังสุด โดยเหตุการณ์ในซีรีส์ที่จะได้ชมกันนี้ จะเป็นเหตุการณ์หลังเหตุหายนะ 7 ปี

ซีรีส์ Snowpiercer (2020)
ซีรีส์ Snowpiercer (2020)

ส่วนเหตุการณ์ในฉบับหนัง ตอนต้นเรื่องได้บอกว่าเหตุการณ์ได้เกิดขึ้นในปี 2031 หรือ 15 ปีหลังจากเหตุหายนะ Chris Evans รับบทเป็น “เคอร์ติส เอเวอร์เรต” ผู้โดยสารชนชั้นล่างที่บุกไปทวงถามความยุติธรรมจากวิศวกรผู้สร้างรถไฟอย่างวิลฟอร์ด (รับบทโดย Ed Harris) ที่อยู่โบกี้หัวขบวนหลังจากผู้โดยสาร 74% ของขบวนกำลังจะอดตายแต่พวกหัวขบวนยังคงอยู่กันอย่างสุขสบายดี ส่วนฉบับนิยายภาพนั้น มีบอกเล่าเหตุการณ์ตั้งแต่เกิดเหตุหายนะ ครอบคลุมไปจนถึง 17 ปีหลังเกิดเหตุ ซึ่งก็คือช่วงเวลาหลังฉบับหนังไปอีกนั่นเอง

Snowpiercer ฉบับซีรีส์ยังคงได้บงจุนโฮกลับมารับหน้าที่อำนวยการสร้างร่วมกับ Graeme Manson จาก ซีรีส์ Orphan Black และ Flashpoint และได้นักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์จาก A Beautiful Mind (2001) อย่าง Jennifer Connelly มารับบทเป็น “เมลานี คาวิลล์” หัวหน้าเจ้าหน้าที่จอมโหดที่ดูแลผู้โดยสารชั้นหนึ่งที่หรูหราที่สุดของขบวน สมทบด้วย Daveed Diggs นักแสดงเจ้าของรางวัลโทนีจากแวดวงละครเวที มารับบทเป็น “อังเดร เลย์ตัน” อดีตตำรวจนักสืบที่เป็นชนชั้นต่ำสุดในขบวนรถไฟขบวนนี้ และได้ถูกตามตัวให้มาสางคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในรถไฟ จนถึงตอนนี้ก็มีแนวโน้มว่าซีรีส์จะประสบความสำเร็จจนทีมงานเตรียมสร้างซีซัน 2 ไว้แล้ว

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส