ถ้าไม่มีสถานการณ์โควิด คอหนังทั่วโลกก็คงจะได้ดู No Time To Die หนัง James Bond ภาคสุดท้ายของ Daniel Craig ไปแล้ว หนังเลื่อนฉายไปเป็น 20 พฤศจิกายน และในตลาดต่างประเทศน่าจะไม่เลื่อนฉายอีกถ้าโมเดลการฉายของ Tenet ที่ฉายแบบไม่สนตลาดสหรัฐฯ สร้างรายได้ให้ค่ายหนังและโรงหนังทั่วโลกที่ขาดเงินจนแทบจะไม่ไหวกันหมด เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมกันชม Beartai What The Fact จึงหยิบ 10 ภาพยนตร์สายลับพยัคฆ์ร้ายที่ดีที่สุดตามคะแนนของเว็บไซต์ให้คะแนนหนัง Rotten Tomatoes โดยเป็นการหยิบคะแนนจากฟังมหาชนคนดู (ที่ไม่ได้รวมกับฝั่งนักวิจารณ์) เรียกว่า เป็น 10 หนังดีของ 007 ที่ครองใจคนดูมากที่สุดในบรรดา 25 เรื่อง
อันดับ 10 The Living Daylights (1987) – 66%
เป็น James Bond อีกคนที่รับบทน้อยที่สุดไว้แค่ 2 เรื่อง สำหรับ Timothy Dalton แต่หนึ่งในนั้นก็เป็นหนังที่ถูกใจแฟน ๆ อยู่พอสมควร กับการปรากฏตัวครั้งแรกของเขาในตอน The Living Daylights มีการวิเคราะห์กันว่า ที่ Bond ของ Dalton ไม่ประสบความสำเร็จนั้นเพราะท่าที “ใจร้อนแต่อ่อนไหว” ไม่เจือความตลกเลยมากเกินไปของเขา พลิกแนวจาก Roger Moore มากเกินไป และความจริงตอนแรกผู้อำนวยการสร้างจะให้ Pierce Brosnan มาเล่นตั้งแต่ตอนนี้เลยแต่ติดสัญญาซีรีส์ทางทีวีเรื่อง Remington Steel อยู่ จึงได้มาเล่นในอีก 2 ภาคถัดไป และได้ Dalton ที่เป็นนักแสดงละครเวทีเช็คเสปียร์มาแทน


- นักแสดง: Timothy Dalton, Maryam d’Abo, Jeroen Krabbé, Joe Don Baker, John Rhys-Davies
- ผู้กำกับ: John Glen (007-A View to a Kill Octopussy, License to Kill, Christopher Columbus: The Discovery)
- ชื่อภาษาไทยของหนัง: 007 พยัคฆ์สะบัดลาย
- วายร้ายประจำเรื่อง: นายพล Georgi Koskov แห่งโซเวียตที่ทำทีว่าขอลี้ภัย
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 40/51 ล้านเหรียญฯ
- เรื่องย่อ: ณ ช่องแคบยิบรอลตา แผนกสายลับ 00 James Bond เข้าร่วมปฏิบัติการ แต่ก็มีสายลับ KGB ของสหภาพโซเวียตแฝงตัวเข้ามาหาสังหาร 004 แต่ Bond ก็สังหารสายลับ KGB คนนั้นได้ ต่อมา Bond ได้รับการติดต่อจากสายลับในเวียนนาว่า นายพล Georgi Koskov แห่งโซเวียตได้ติดต่อขอลี้ภัยพร้อมจะขายความลับในช่วงสงครามเย็นให้ฝั่งชาติเสรี แต่ Koskov เกือบถูกฆ่าโดยนักเล่นเชลโลหน้าสวย Kara Milovy สุดท้าย Bond ช่วย Koskov ลี้ภัยได้สำเร็จผ่านทางท่อเชื่อมส่งน้ำมันระหว่างประเทศ ก่อนที่ภายหลังจะเพิ่งรู้ตัวว่า เป็นการซ้อนแผนจัดฉากของโซเวียตที่จะแทรกซึม Koskov เข้ามาปฏิบัติการร้าย
อันดับ 9 You Only Live Twice (1967) – 68%
หนัง James Bond ลำดับที่ 5 ที่พลิกแนวไปจากเดิมตรงที่มาดำเนินเรื่องกันที่ประเทศญี่ปุ่น และใช้นักแสดงญี่ปุ่นกันเกือบตลอดทั้งเรื่อง หลังจากเรื่องนี้ Sean Connery ขอถอนตัวจากบท Bond หลังจากเรื่องนี้ หนังจึงได้ George Lazenby มารับบท Bond ใน On Her Majesty’s Secret Service (1969) แต่หนังประสบความล้มเหลวมาก ทำให้ผู้อำนวยการสร้างต้องกลับไปจีบ Connery มาสร้างความเชื่อมั่นอีกครั้ง ในภาคนี้หนังได้แสดงท่าทีกดขี่ทางเพศกับเพศหญิงอย่างชัดเจน ซ้ำสองด้วยการเป็นผู้หญิงเอเชียอย่างญี่ป่นเสียด้วย ตั้งแต่ฉากรวมรักของ Bond กับสาวฮ่องกงและญี่ปุ่นจำนวนมาก แต่ถึงอย่างนั้น Bond ก็ได้เข้าพิธีแต่งงานแบบญี่ปุ่น (ปลอม ๆ เพื่อทำงานลับ) เป็นคร้ังแรก


- นักแสดง: Sean Connery, Donald Pleasence, Akiko Wakabayashi, Mie Hama, Tetsurô Tanba
- ผู้กำกับ: Lewis Gilbert (007-Moonraker, The Spy Who Loved Me, Educating Rita)
- ชื่อภาษาไทยของหนัง: จอมมหากาฬ 007
- วายร้ายประจำเรื่อง: คู่ปรับตลอดกาล Blofeld แห่ง Spectre
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 9/111 ล้านเหรียญฯ
- เรื่องย่อ: องค์การร้ายระดับโลก Spectre ร่วมมือกับประเทศจีน สร้างยานอวกาศพิเศษเพื่อดูดกลืนยานอวกาศของสหรัฐฯ และสหภาพโซเวียต เพื่อให้เกิดการเข้าใจผิดระหว่างกันของขั้วมหาอำนาจและหวังจะให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 กองทัพเรือของอังกฤษต้นสังกัดเดิมของผู้การ Bond จึงขอความช่วยเหลือมายังหน่วย MI6 และขอให้ 007 ออกปฏิบัติการ มีการสร้างเรื่องว่า Bond ออกสืบราชการลับในฮ่องกงและถูกยิงตาย แต่จริง ๆ แล้วเป็นการสร้างข่าวลวง เขาบุกไปถึงญี่ปุ่นได้สู้กับซามูไรและนินจา ตามไปจนเจอฐานลับของ Spectre ที่ซ่อนไว้ในปล่องภูเขาไฟ และได้เผชิญหน้ากับคู่ปรับตลอดกาล Blofeld เป็นครั้งแรกในภาคนี้ ที่บอกกับ Bond (ที่แกล้งตายไปแล้วว่า) “คุณมีแค่สองชีวิตเท่านั่นละ”
อันดับ 8 Thunderball (1965) – 73%
ลิขสิทธิ์การสร้างหนัง James Bond ทุกตอนนั้นเป็นของบริษัท EON Production ของ Albert R. Broccoli และ Harry Saltzman จะมีก็แต่เรื่องราวในนิยายจากภาค Thunderball นี้เองที่ลิขสิทธิ์เป็นของ Kevin McClory ที่ถือลิขสิทธิ์ร่วมกับ Ian Flemming ผู้เขียนนิยาย EON ได้ทุมงบมหาศาลเพื่อซื้อสิทธิ์นิยายเรื่องนี้มาสร้าง ทำให้งบสร้างถีบตัวจาก 3 ล้านเหรียญฯ ในภาคก่อนเป็น 9 ล้านเหรียญฯ และก็ยังต้องยอมให้ Kevin McClory เป็นผู้อำนวยการสร้างแต่เพียงผู้เดียว Thunderball ยังเป็นหนัง 007 ที่ทำรายได้สูงสุดของ Sean Connery ด้วย
ต่อมา McClory ก็ได้นำเนื้อหาตอนนี้มารีเมกเป็นหนัง Bond อีกตอนที่ไม่ถูกนำรวมเข้าไปในจำนวน 50 เรื่องของ EON Production ชื่อเรื่อง Never Say Never Again (1983) ซึ่งได้ Sean Connery กลับมารับบทเดิมและเล่นในหนังที่เนื้อเรื่องเหมือนเดิมเป๊ะ


- นักแสดง: Sean Connery, Claudine Auger, Adolfo Celi, Luciana Paluzzi, Rik Van Nutter
- ผู้กำกับ: Terrence Young (007-Dr. No, From Russia With Love, Bloodline, Inchon)
- ชื่อภาษาไทยของหนัง: ธันเดอร์บอล 007
- วายร้ายประจำเรื่อง: มหาเศรษฐี Largo สมาชิกหมายเลข 2 ขององค์กร Spectre
- ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 9/141 ล้านเหรียญฯ
- เรื่องย่อ: องค์กร Spectre วางแผนขโมยระเบิดปรมาณู 2 ลูกขององค์การ Nato โดย Blofeld ได้มอบหมายให้สมาชิกหมายเลข 2 Largo เป็นผู้ดำเนินการ โดยให้สมาชิกขององค์กรปลอมตัวเพื่อเป็นนักบินของ Nato และสังหารนักบินตัวจริง Largo ส่งมือสังหารคนสวย Fiona เข้าไปจัดการฆ่านักบินที่ศูนย์พักฟื้นสุขภาพที่ James Bond ไปรักษาตัวจากอาการบาดเจ็บอยู่พอดี Spectre ขโมยระเบิดปรมาณู 2 ลูกได้สำเร็จและเรียกค่าไถ่ 289 ล้านเหรียญฯ หรือ 100 ล้านปอนด์ ไม่อย่างนั้นจะถล่มใส่สักเมือง ไม่อังกฤษก็สหรัฐฯ Bond จึงต้องออกปฏิบัติการภายใต้รหัสลับ Thunderball เขาออกเดินทางไปหมู่เกาะบาฮามาส ได้รับความช่วยเหลือจาก CIA Felix Leiter เพื่อแทรกซึมเข้าไปตัว Largo ผ่านทาง Domino เมียเก็บของ Largo
(อ่านต่อหน้าถัดไป)