Military Operation Movies
Military Operation Movies

ดูครบหรือยัง? 15 หนังปฏิบัติการทางทหารจากเรื่องจริง “สุดมัน” ในรอบ 20 ปี

ในช่วงนี้คอหนังสงครามและหนังปฏิบัติการทางทหารน่าจะได้ไปชมหนังเรื่อง Outpost กันแล้ว นำแสดงโดย Orlando Bloom และ Scott Eastwood ดัดแปลงจากหนังสือ “The Outpost: An Untold Story of American Valor” ของนักข่าว CNN สร้างจากเหตุการณ์จริงของเหตุการณ์เมื่อ เช้าตรู่วันที่ 3 ตุลาคม 2009 กองกำลังตาลีบัน 300 คนเข้าโจมตีทหารอเมริกันกลุ่มหนึ่งจากรอบด้านที่หุบเขาคัมเดชอยู่ใกล้พรมแดนอัฟกานิสถาน-ปากีสถาน ฝ่ายตรงข้ามสามารถซุ่มโจมตีได้จากที่สูง แต่ก็นับว่าโชคดีที่สมรรถนะอาวุธของฝั่งตาลีบันนั้นยังเปรียบกันไม่ได้ ถึงอย่างนั้นทหารอเมริกัน 57 คนก็บาดเจ็บกว่าครึ่ง และเสียชีวิตไป 8 ราย (อ่านรีวิวเรื่องนี้ของ WTF)

หนังเรื่องนี้ได้รับการพูดถึงว่าเป็นหนังสงครามสุดมัน สร้างได้สมจริงจนควรเข้าไปชมในโรงภาพยนตร์ แต่นอกจากหนังเรื่องนี้แล้ว ตลอด 20 ปีที่ผ่านมาฮอลลีวูดก็ได้ส่งหนังปฏิบัติการทางทหารหลายเรื่องที่ดูสนุก สมจริง และเข้าไปอยู่ในใจคอหนังมาหลายเรื่อง บางเรื่องก็ถึงขนาดคว้ารางวัลออสการ์ภาพยนตร์ยอดเยี่ยมหรือได้เข้าชิง เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นหนังที่สร้างจากเรื่องจริงและยิ่งสร้างด้วยทีมสร้างมากฝีมือ ก็จะเป็นที่ถูกใจคณะกรรมการรางวัลนอกเหนือจากคนดูด้วย What the Fact ขอรวบรวม “15 หนังปฏิบัติการทางทหารจากเรื่องจริง “โคตรมันสุด” ในรอบ 20 ปี” มาให้ไปตามเก็บให้ครบ (หลายเรื่องมีแล้วบน Netflix)

ชวนอ่าน “10 อันดับ “หนังสงคราม” ทำเงินสูงที่สุดในโลก

12 STRONG (2018)ดูได้บน Netflix

สร้างจากเรื่องจริงของหน่วยทหารสหรัฐฯ ชุดแรกที่ถูกส่งเข้าไปรบกับกลุ่มทหารตาลีบันในอัฟกานิสถานหลังเหตุการณ์ 11 กันยายน 2001 หนังดัดแปลงจากหนังสือสารคดี “Horse Soldiers: The Extraordinary Story of a Band of US Soldiers Who Rode to Victory in Afghanistan” ของนักข่าวนิวยอร์กไทม์ Doug Stanton และดัดแปลงเป็นบทหนังโดย Ted Tally จาก The Silence of the Lamb (1992) และ Peter Craig จาก The Town ภายใต้การกำกับครั้งแรกของ Nicolai Fuglsig ช่างภาพข่าวที่เคยไปทำงานท่ามกลางสงครามโคโซโวมาแล้ว

12 Strong เล่าเรื่องราวของทหารกล้า 12 นายของหน่วย ODA 595 ที่อาสาเป็นแนวหน้าหน่วยแรกไปโจมตีกลับกลุ่มตาลีบันหลังเหตุการณ์วินาศกรรมช็อกโลก Chris Hemsworth รับบทเป็นกัปตัน Mitch Nelson หัวหน้าหน่วย Green Beret ที่ได้รับมอบหมายภารกิจให้นำทีมไปสนับสนุนกับกองทหารพันธมิตรท้องถิ่นในประเทศอัฟกานิสถานที่นำโดยนายพล Dostum (Navid Negahban) ผู้เป็นปรปักษ์กับพวกตาลีบันอีกที ทั้งหมดต้องเข้ายึดเมืองมาซาร์ อี ชารีฟ ที่เคยเป็นที่มั่นของกลุ่มพันธมิตรในอัฟกานิสถานคืนจากตาลีบัน เพื่อไม่ให้กลุ่มผู้ก่อการร้ายแผ่ขยายอำนาจและจะทำให้มีการโจมตีสหรัฐฯ ในครั้งต่อไป โอกาสรอดของพวกเขาคือ ต้องโค่นกองทัพศัตรูที่จำนวนมากกว่าหลายเท่าในสัดส่วน 40 ต่อ 1

หน่วยทหาร ODA 595 เข้ามาประจำการที่ป้อมอลาโม ได้ทำความรู้จักกับนายพล Dostum ผู้นำหน่วยทหารพันธมิตร หน่วย ODA 595 รับฟังแผนการคร่าว ๆ แล้วเดินทางคืบหน้าตามติดนายพลและคณะไปทีละหมู่บ้านจนรุกคืบไปใกล้ มาซาร์ อี ชารีฟ จนกระทั่งหน่วย ODA 595 และกองทหารของ Dostum มาถึงช่องแคบเทียนกี ประตูด่านสุดท้ายก่อนจะถึงเมืองมาซาร์ อี ชารีฟ และต้องประทะกับทัพของทัพพันธมิตรของตาลีบันสุดโหดที่มีรถยิงจรวดเป็นอาวุธหนักและดูจะได้เปรียบต่อฝ่ายทหารอเมริกันที่มีแค่อาวุธเบาและพาหนะเป็นม้าเท่านั้น

หน่วยทหาร ODA 595 ตัวจริงถ่ายกับอนุสาวรีย์ของพวกเขาในนิวยอร์ก

ODA595 ทั้งหน่วยต้องผ่านประสบการณ์เลวร้ายในระยะเวลาเกือบ 2 เดือน และต้องทนปวดร่างกับการนั่งบนหลังม้าเป็นเวลานาน ๆ ถึงแม้วันนั้นปฏิบัติการของพวกเขาจะเป็นภารกิจลับ แต่มาถึงวันนี้พวกเขาก็ได้รับการสดุดีสรรเสริญเกียรติในฐานะผู้กล้าที่สร้างชัยชนะและความอัปยศให้กับกลุ่มตาลีบันมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์ ทางการได้เปิดเผยวีรกรรมของพวกเขาในปี 2012 ด้วยการสร้างอนุสาวรีย์เป็นหุ่นทหารม้า ตั้งไว้บริเวณลิเบอร์ตี้ปาร์คหรือกราวด์ซีโรที่ตึกแฝดเวิลด์เทรดเซ็นเตอร์ถล่มลงมานั่นเอง (อ่านรีวิวเรื่องนี้ของ WTF)

  • สมรภูมิรบ/ปีที่เกิดเหตุการณ์: ประเทศอัฟกานิสถาน ปี 2001
  • นักแสดง: Chris Hemsworth, Michael Shannon, William Fichtner, Michael Peña, Elsa Pataky
  • ผู้กำกับ: Nicolai Fuglsig
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 35 / 67 ล้านเหรียญฯ

THE WALL (2017)

หนังทุนต่ำที่มีตัวละครหลักอยู่แค่ 2-3 ตัว บอกเล่าเรื่องราวของสองทหารคู่หูที่ออกไปปฏิบัติหน้าที่ซุ่มยิงในสงครามอิรักกลางทะเลทราย แล้วดันกลายเป็นเหยื่อเสียเองเมื่อถูกพลซุ่มยิงของข้าศึกฝ่ายตรงข้ามเล่นงาน ทหารหนึ่งในสองถูกยิงล้มและขยับตัวไม่ได้ ส่วนอีกนายมีเพียงกระสุนไม่กี่นัดกับกำแพงที่ทำท่าจะล้มพังมาช่วยเป็นกำบังให้ ทั้งคู่ต้องหาวิธีเอาตัวรอดจากข้าศึกโดยใช้ไหวพริบและการร่วมมือกัน

แม้จะเป็นหนังทุนต่ำก็จริง แต่ก็ได้ Aaron Taylor-Johnson จาก Godzilla (2014) และ Tenet (2020) รวมถึงนักมวยปล้ำชื่อดัง John Cena ที่ได้นำแสดงในแฟรนไชส์ฮิต Fast 9 มาแสดงด้วย ส่วนผู้กำกับก็มากฝีมือและกำกับหนังฮิตมาหลายเรื่องอย่าง Doug Liman จาก Edge of Tomorrow (2014), Mr. & Mrs. Smith (2005), The Bourne Identity (2002) หนังไม่ได้เป็นเหตุการณ์จริงของบุคคลหรือก็คือทหารในเรื่อง แต่เป็นการจำลองจากสงครามอิรักที่เกิดขึ้นจริงระหว่างปี 2003-2011 ที่สหรัฐฯ บุกโค่นเผด็จการ Saddam Hussein โดยอ้างว่าประเทศอิรักมีอาวุธชีวภาพร้ายแรงซ่อนอยู่ แต่สุดท้ายก็ไม่เคยมีใครหาเจอ

  • สมรภูมิรบ/ปีที่เกิดเหตุการณ์: ประเทศอิรัก ปี 2003-2011
  • นักแสดง: Aaron Taylor-Johnson, John Cena
  • ผู้กำกับ: Doug Liman (Edge of Tomorrow, Mr. & Mrs. Smith, The Bourne Identity)
  • รายรับรวมทั่วโลก: 4 ล้านเหรียญฯ

13 HOURS: THE SECRET SOLDIERS OF BENGGHAZI (2016)

หนังเล่าถึงเหตุการณ์โจมตีสถานเอกอัครราชทูตสหรัฐในเมืองเบงกาซี ประเทศลิเบีย เมื่อปี 2012 อันเป็นเหตุให้ Christopher Stevens เอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำลิเบีย ตัวแทนคณะทูตชาวอเมริกัน และทหารอเมริกันต้องเสียชีวิตรวมแล้ว 4 ศพในที่เกิดเหตุ ผู้ก่อการคือกองกำลังอาสาสมัครติดอาวุธอันเป็นผลสืบเนื่องมาจากการประท้วงต่อต้านภาพยนตร์เรื่อง Innocence of Muslims ที่มีการออกฉายในลิเบียเวลานั้น หนังมีประเด็นละเอียดอ่อนและถูกเข้าใจว่ามีเจตนาฉายเพื่อดูหมิ่นศาสนาอิสลาม

เหตุการณ์นี้ถือเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงมากที่มีเจ้าหน้าที่ทางการทูตของสหรัฐฯ ถูกสังหาร (คนแรกในรอบ 30 ปี) โดยหนังดัดแปลงจากหนังสือที่บอกเล่าเหตุการณ์นี้ของ Mitchell Zuckoff โฟกัสไปที่เรื่องราวของเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 6 นายที่พยายามต่อสู้และตอบโต้การโจมตีของผู้ก่อการร้ายทุกวิถีทาง เพื่อรักษาชีวิตเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ที่นั่น แต่ทำสำเร็จได้เพียงแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น

เมื่อหนังออกฉายก็เกิดดราม่าขึ้นอีกระลอก ประชาชนในเบงกาซีของประเทศลิเบียต่างพากันวิพากษ์วิจารณ์ภาพยนตร์เรื่องนี้ในโซเชียลมีเดียอย่างหนัก โดยมองว่า มีเนื้อหาดูถูกชาวเมืองและพูดถึงการโจมตีชาวอเมริกันอย่างรุ่นแรงเกินจริง จน Michael Bay ผู้กำกับต้องออกมาแย้งว่า หนังเรื่องนี้พยายามสร้างให้ตรงกับความเป็นจริงมากที่สุดแล้ว (แม้จะยังเป็นปริศนาว่า ทูตสหรัฐฯ ตายเพราะสำลักควันไฟภายในสถานทูตหรือตายด้วยเหตุอื่น เพราะมีภาพปรากฏว่าชาวเมืองได้พยายามนำร่างของทูตไปส่งโรงพยาบาล และมีการตั้งข้อสันนิษฐานอีกแนวทางหนึ่งว่า ท่านทูตถูกสังหารในรถที่พาขับหนีออกมาจากสถานทูตแล้วต่างหาก แต่ในหนังไม่ได้นำเสนอแบบนั้น)

กระแสวิจารณ์ภาพยนต์เรื่องนี้ มีขึ้นในช่วงที่ Hilary Clinton อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ได้เข้าให้ปากคำต่อคณะกรรมการวิสามัญของสภาคองเกรส สหรัฐฯ ที่พรรครีพับลิกัน (ฝั่งตรงข้ามกับ Clinton จากพรรคเดโมแครตที่ครองเสียงข้างมากและสอบสวนเธออย่างก้าวร้าว) โดยบอกว่า เธอแสดงความรับผิดชอบอย่างดีที่สุดต่อโศกนาฎกรรมที่ทำให้ชาวอเมริกันเสียชีวิต 4 คน รวมทั้งเอกอัครราชทูต และปฏิเสธว่า ไม่เคยบอกปัดคำร้องขอยกระดับรักษาความปลอดภัยของสถานกงสุลในเบงกาซีที่ถูกกลุ่มหัวรุนแรงบุกโจมตีด้วย

  • สมรภูมิรบ/ปีที่เกิดเหตุการณ์: ประเทศลิเบีย ปี 2012
  • นักแสดง: John Krasinski, Pablo Schreiber, Toby Stephens, James Badge Dale, Max Martini
  • ผู้กำกับ: Michael Bay (Pearl Harbor, Armageddon, The Rock)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 50 / 69 ล้านเหรียญฯ
  • บทบาทบนเวทีออสการ์: เข้าชิงออสการ์ 1 สาขา (ผสมเสียงยอดเยี่ยม)

AMERICAN SNIPER (2015)ดูได้บน Netflix

Chris Kyle ทหารหน่วยซีลประจำกองทัพเรือสหรัฐเป็นพลแม่นปืนเพื่อพิทักษ์พี่น้องทหารที่รับเคียงบ่าเคียงไหล่ในสงครามประเทศอิรัก เขาเป็นพลแม่นปืนที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์ทางทหารของสหรัฐฯ จนได้รับสมญาว่าเป็นตำนาน เมื่อชื่อเสียงของเขาดังขึ้นก็ทำให้เขากลายเป็นเป้าหมายของข้าศึก มีการตั้งค่าหัวเงินรางวัลหากสังหารเขาได้ ขณะเดียวกัน Chris ก็ต้องทำหน้าที่ของพ่อและสามีที่ดีไปพร้อมกันด้วยสำหรับลูกเมียที่อยู่แนวหลังในสหรัฐฯ แม้ว่าจะมีทั้งอันตรายในแนวหน้าและปัญหาชีวิตในแนวหลัง เขาก็ยังมาปฏิบัติหน้าที่รับใช้ชาติถึง 4 รอบด้วยกัน ให้สมกับคติของหน่วยที่ว่าจะไม่ทิ้งกัน

หนังดัดแปลงจากชีวิตจริงของ Chris Kyle ซึ่งเขียนชีวประวัติตัวเองเป็นหนังสือในชื่อเดียวกับหนัง ตีพิมพ์ในปี 2012 ก่อนที่เขาจะถูกสังหารที่สนามยิงปืนในรัฐเท็กซัสเมื่อปี 2013 จากนาวิกโยธินรุ่นน้องที่เขาพาไปสนามยิงปืนซึ่งพบว่ามีอาการป่วยทางจิตจากการเข้าร่วมสงครามอย่างยาวนาน Clint Eastwood ผู้กำกับมือเก๋ามารับผิดชอบเรื่องนี้หลังจาก Steven Spielberg ถอนตัวออกไป และ Bradley Cooper นักแสดงนำที่รับบทเป็น Chris Kyle ได้คุยกับตัวจริงแค่ครั้งเดียวทางโทรศัพท์ นาน 2 นาทีก่อนที่สองสัปดาห์ต่อมา Chris จะเสียชีวิต หลังจากนั้น Bradley ก็ใช้เวลาเตรียมตัวอย่างหนักถึง 8 เดือน เพื่อเตรียมรับบทให้เหมือน Chris มากที่สุด รวมถึงเพิ่มน้ำหนัก 18 กิโลกรัมด้วย

  • สมรภูมิรบ/ปีที่เกิดเหตุการณ์: ประเทศอิรัก ปี 2003-2011
  • นักแสดง: Bradley Cooper, Kyle Gallner, Keir O’Donnell, Sienna Miller, Jonathan Groff
  • ผู้กำกับ: Clint Eastwood (Sully, Invictus, Flags of Our Fathers, Million Dollar Baby)
  • ทุนสร้าง/รายรับรวมทั่วโลก: 58 / 547 ล้านเหรียญฯ
  • บทบาทบนเวทีออสการ์:
    • ชนะ 1 สาขารางวัล (ตัดต่อเสียงยอดเยี่ยม)
    • เข้าชิง 5 สาขารางวัล (ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม, นักแสดงนำชายยอดเยี่ยม (Bradley Cooper), บทภาพยนตร์ดัดแปลงยอดเยี่ยม, ตัดต่อยอดเยี่ยม, ผสมเสียงยอดเยี่ยม)

EYE IN THE SKY (2015)

Eye in the Sky ภาพยนตร์สะท้อนความจริงของสงครามยุคใหม่ที่ต่อสู้ด้วยกันด้วยอากาศไร้คนขับอย่าง โดรน ได้ดารานักแสดงเจ้าของรางวัลออสการ์อย่าง Helen Mirren จาก The Queen (2006) มานำแสดง สมทบด้วย Alan Rickman จากแฟรนไชส์ Harry Potter, Aaron Paul จากซีรีส์ Breaking Bad, และ Barkhad Abdi จาก Captain Phillips (2011) หนังโจรสลัดโซมาเลียที่สร้างจากเรื่องจริงอีกเรื่อง ในเรื่องนี้ Mirren รับบทเป็นผู้พัน Katherine Powell ทหารอังกฤษระดับบังคับบัญชาที่ต้องตัดสินใจใช้โดรนระบุตำแหน่งผู้ก่อการร้ายและโจมตีเป้าหมายในกรุงไนโรบี ประเทศเคนยา (เป็นเหตุการณ์สมมติ แต่อ้างอิงจากวิทยาการที่สหรัฐฯ นำมาใช้แล้วจริง ๆ)

การตัดสินใจโจมตีที่ดูเหมือนจะทำได้ง่ายเพียงแค่กดปุ่ม แต่ในความเป็นจริงนั้นเต็มไปด้วยความยากลำบากทางจริยธรรม ซึ่ง Eye in the Sky ถ่ายทอดประเด็นดังกล่าวได้อย่างละเอียดอ่อน แรกเริ่มเดิมทีปฏิบัติการของผู้พันมีจุดมุ่งหมายเพื่อตามจับกุมสองผู้ต้องหาก่อการร้ายคนสำคัญในกลุ่มอัล-ชาบับ รายหนึ่งเป็นชายหนุ่มชาวโซมาเลีย ส่วนอีกรายเป็นภรรยาของเขา ทั้งคู่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดฆ่าตัวตายในห้างสรรพสินค้ากลางกรุงไนโรบี ซึ่งส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายสิบคน หน่วยข่าวกรองของอังกฤษสืบทราบว่าจะมีการนัดพบลับ ๆ ของกลุ่มอัล-ชาบับ ซึ่งสองสามีภรรยาจะส่งมอบ 2 สมาชิกใหม่ คนหนึ่งเป็นชาวอเมริกัน อีกคนเป็นชาวอังกฤษไปเข้ากลุ่ม

เมื่อถึงเวลาผู้ก่อการร้ายทั้งคู่อยู่ท่ามกลางกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ การบุกล้อมจับจะนำไปสู่การยิงปะทะและสูญเสียชีวิต ดังนั้นผู้พัน Powell กับนายพล Frank Benson (Alan Rickman) จึงเห็นชอบให้ใช้ขีปนาวุธยิงถล่ม แต่ที่ประชุมของรัฐบาลอังกฤษไม่เห็นด้วย พวกเขายืนกรานให้ดำเนินการตามภารกิจดั้งเดิม นั่นคือจับเป็นเท่านั้น สถานการณ์กลับพลิกผันในชั่วพริบตา เมื่อภารกิจต่อมาของผู้ก่อการร้าย กล้องโดรนเผยให้เห็นเหตุการณ์ภายในบ้านว่าคนกลุ่มนี้กำลังวางแผนจะก่อเหตุด้วยระเบิดฆ่าตัวตาย ซึ่งหากทำสำเร็จประชาชนผู้บริสุทธิ์จำนวนมากจะต้องตาย การยึดมั่นในหลักการที่ว่า รัฐบาลอังกฤษจะไม่ใช้โดรนแทรกแซงโจมตีในประเทศที่สงบสุข เริ่มสั่นคลอนจากข้อเท็จจริงว่าหากคนร้ายแยกขึ้นรถ 2 คัน โดรนซึ่งมีอยู่มีลำเดียวจำเป็นต้องเลือกตามรถแค่คันเดียว และหากเลือกผิดก็อาจทำให้การก่อวินาศกรรมครั้งสำคัญประสบผลสำเร็จ

(อ่านต่อหน้าถัดไป)