ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง

ในโอกาสที่ภาพยนตร์อภิมหาแห่งการแกง อย่าง ‘ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง’ จะได้ฤกษ์เข้าโรงภาพยนตร์แล้วในวันนี้ ‘หนุ่ย พงศ์สุข’ และทีมงาน #beartai ได้มีโอกาสไปพูดคุยกับสองเพื่อนซี้นักแกงในตำนาน และผู้อยู่เบื้องหลังการแกงในภาพยนตร์เรื่องนี้ ที่พี่เปิ้ลเรียกว่าเป็น ‘ออร์แกนิก มูฟวี่’ กับการถ่ายทำบันทึกเรื่องราวการเป็นไอดอลของน้อง ๆ วง CGM48 และการเรียนรู้จาก 4 ตัวเป้งแห่งวงการบันเทิง พร้อมกับมหกรรมการแกงที่จัดเต็มยาวนานกว่า 15 เดือน ถึงออฟฟิศสหมงคลฟิล์ม อินเตอร์เนชั่นแนล

สงสัยกันไหมว่า เขาวางแผนถ่ายทำกันอย่างไร? เก็บภาพ บันทึกเสียงอย่างไร และพวกเขาจัดการฟุตเตจกว่า 4,000 ชั่วโมง ให้ออกมาเป็นหนังความยาวเกือบสองชั่วโมงได้อย่างไร รวมถึงการคิดและวางแผนแกงที่วางแผนที่วางแผนยาวนาน และพร้อมปรับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา รวมถึงคำถามที่ว่า ทำไมพวกเขาต้องกลับมาแกงกันอีกในยุคโควิดที่วงการภาพยนตร์ดูจะยังไม่ฟื้นดีสักเท่าไหร่ แม้จะมีวัคซีนแล้วก็ตาม

‘หนุ่ย พงศ์สุข’ จะมาแบไต๋เรื่องทั้งหมดนี้กันแบบหมดเปลือกแบบไม่มีแกง!


ผมทราบเรื่องเรื่องที่ทั้งคู่มาทำหนังเรื่องนี้ เพื่อที่จะเป็นการขึ้นทศวรรษใหม่ของวงการการแกง แล้วคำว่าห้าวเป้ง ก็เป็นคำของพี่เปิ้ลเองตั้งแต่ยุคโน้น ประมาณ 13 ปีก่อน ห้าวเป้งนี่คือฟีลลิ่งยังไงครับ

เป้ : กล้ามาก ความเจ๋ง ความใหญ่

เปิ้ล : ห้าวคือความกล้า แล้วยังเป้งอีก มันก็คือความห้าวแบบใหญ่ ๆ

พี่เป้ครับ ผมทราบจาก Synopsis มาว่า หนังเรื่องนี้ใช้เวลาถ่ายทำประมาณ 15 เดือน แล้วก็สร้างสถานการณ์โดยเอาดาราทั้งแจ็ค แฟนฉัน, น้าเน็ก, ยังโอม, กันต์ กันตถาวร และน้อง ๆ CGM48 ทำยังไงให้เขาไม่รู้ตัวครับ ตั้งหนึ่งปีกับสามเดือน #beartai เราอยากรู้เรื่องเทคนิคพวกนี้ ทั้งกล้องที่ใช้ ไมค์ที่อัดเสียง พอจะเปิดเผยได้มั้ยครับ

เป้ : ด้วยประสบการณ์ของเรานั่นแหละ มันต้องเนียนนิดหนึ่ง คือมันมีขั้นตอนของมัน ถ้าจะคุยต้องคุยยาว เบื้องต้นเลยก็คือ ทำงานกับน้อง ๆ พวกนี้ ก็ต้องมีข้อมูล น้อง ๆ มีทั้งหมด 25 คน แล้วเราจะได้ข้อมูลมาได้ยังไง เราก็ต้องมีการพูดคุย มีทีมงานหลายชุด ทั้งทีมงานที่เข้าไปอยู่กับน้อง ทีมสารคดี ซึ่งปกติทาง CGM48 หรือ BNK48 จะต้องมีสารคดี (Senpai) ของเขาอยู่แล้ว น้องจะเห็นอยู่แล้วว่ามีสารคดีถ่าย แต่เราก็จะมีทีมสารคดีพิเศษจากกรุงเทพฯ ไปอีกทีม

ซึ่งพอน้อง ๆ เจอทีมนี้ทีไร น้อง ๆ จะรู้สึกว่าโดนดึงไปทำภารกิจตรงโน้น ตรงนี้ ตรงนั้น ไปสร้างสถานการณ์พิเศษ และเราก็จะมีทีมกล้องที่ติดอยู่กับหอทั้งหมด เวลาที่ไม่ได้อยู่กับเขา เพราะว่าเวลาที่เราไม่ได้อยู่ เราต้องเห็นว่าเขาทำอะไร ใครมีพฤติกรรมยังไง เราก็ต้องรู้เพื่อศึกษาและเก็บข้อมูล

ห้าวเป้งจ๋าอย่าแกงน้อง

เปิ้ล : ประตูทางเข้า ประตูทางออก ห้องซ้อม ขนาดตุ๊กตา (มะเมี่ยง) ที่ตั้งอยู่ก็มีกล้อง คือด้วยประสบการณ์ที่เราทำแคนดิดมาประมาณ 20 กว่าปี เราศึกษามามาก แล้วเราก็พลาดมาเยอะ อย่างเช่นเวลาที่เราอยากให้เป้าของเราไปทางซ้าย แต่ว่าเขาไปทางขวา เราจะต้องทำยังไง ซึ่งเรื่องพวกนี้เราฝึกไว้หมดแล้วไง เพราะฉะนั้น พอมาถึงวันนี้ มันเป็นเรื่องง่ายขึ้นนะ

เพราะสมัยก่อนตอนที่รายการ (สาระแน) มันดัง ทุกคนระแวงหมด พอเห็นคนโดนยิงกันตาย เลือดสาด ก็ทักเลย “สาระแน…” คนก็เลยระวังกันไปหมด เฮ้ย มึงจะมาแกล้งกูหรือเปล่า แต่พอมันผ่านไปสิบกว่าปี มันเหมือนว่าเหตุการณ์มันสงบไปแล้ว เพราะฉะนั้น เราทำอะไรได้ง่ายขึ้น คนไม่ได้ระแวงอะไร แล้วยิ่ง CGM48 ก็เป็นน้องใหม่ด้วย เป็นเด็ก 13-14 ปี ไปเข้าค่าย เข้าแคมป์เพื่อฝึกตัวเองให้เติบโตไปเป็นไอดอลซูเปอร์สตาร์เหมือน BNK48 ซึ่งก็เป็นเด็กน้อย มันก็เลยง่ายสำหรับแก่ ๆ อย่างพวกเราที่หวังจะไปแกงเด็ก พอเขาไม่ระแวง การทำงานก็จะง่ายขึ้น

ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง

ผมเข้าใจว่าเขาคงไม่ระแวง เพราะเขาโตไม่ทันยุคสาระแน แต่คนที่อยู่สายทีวีมานานอย่างน้าเน็กนี่ โดนแกงได้ไงครับ

เปิ้ล : พวกนี้แหละตัวเก๋า ขนาดตอนที่ติดต่อไปว่า “น้า…เดี๋ยวจะทำหนังเรื่องนึง มาช่วยเล่นหน่อย จะไปแกงเด็ก ๆ ไปช่วยสอนน้อง ๆ หน่อย” น้าตอบกลับมาว่า “เฮ้ย แล้วจะแกงน้าหรือเปล่า” คือกลิ่นมันย้อนกลับมา ทุกคนเลย พอโทรติดต่อไป ทุกคนได้กลิ่นละ เราก็ต้องบอกว่า “แกงอะไร เลิกไปนานแล้ว”

เป้ : เราอยากจะเข้าไปสอนน้อง

เปิ้ล : เมื่อก่อนกูเป็นมือปืน แต่ตอนนี้กูเลิกฆ่าคนแล้วเว้ย ก็ไปรับปากทุกคนว่าจะไม่แกล้ง แจ็ค แฟนฉัน มาบอก “เฮ้ย พี่เปิ้ลแม่งแกล้งกูแน่เลย” เราก็ “เฮ้ย อันนั้นมันเก่าแล้ว เขาไม่เล่นแล้ว” ปรากฏว่าไม่มีใครมาเลย! ยิ่งกันต์นี่ยิ่งไม่มาเลย ต้องลองไปดูในหนังว่าทำไมกันต์ถึงมาอยู่ในหนังได้ ทั้ง ๆ ที่ไม่มา นี่คือความยากที่ยากขึ้นไปอีกสเต็ปหนึ่ง เป็นความเก๋าอีกสเตจหนึ่ง กว่าจะลากตัวมาแกงกันได้

แล้วเรี่องเสียงล่ะครับพี่เป้ เพราะว่าเวลาเราถ่ายคลิป เราก็ต้องมีไมค์ติดปกเสื้อ หรือไม่ก็เป็นไมค์บูม แต่มันคงเป็นไปไม่ได้ถ้าจะขอเข้าไปติดไมค์ ถ้าเราแอบถ่ายเขาอยู่ มีวิธีการซ่อนยังไงไม่ให้เขาเห็นครับ

เป้ : อย่างแรกเลย เราใช้แผ่นยางยืดสำหรับติดไมค์ที่เราทำขึ้นมาเฉพาะเลย ซึ่งติดอยู่กับคนที่เป็นหน้าม้า เป็นตัวประกอบของเรา ซึ่งเราเตรียมไว้สำหรับติดไมค์หลายคนมาก ๆ ถ้าเขาไปซ้าย ไปขวา เราก็ต้องตามเขาไปด้วย ทำทีคุยโทรศัพท์ เพื่อให้ใกล้ชิดกับนักแสดงมากที่สุด อย่างที่บอกว่า แผนพวกนี้เราต้องซ้อมก่อนถ่ายทำเป็นวัน ๆ ถ้าอยู่ในรถตู้ ที่ตัวแสดงไม่ได้ติดไมค์ ก็ต้องติดตัวรับ (Reciever) ไว้กับรถอีกคันหนึ่ง ก็ต้องขับตามในระยะไม่เกิน 30 เมตร ซึ่งเราต้องเช็กและซ้อมก่อน

เปิ้ล : บางทีกล่องทิชชู่นี่แหละ คือที่วางไมค์ที่ดีของเรา

เป้ : เราจะต้องมีทีมที่ทำ Mock-Up หรือทีมที่ทำของพวกนี้โดยเฉพาะเลย ต้องออกแบบว่าจะซ่อนไมค์ยังไงให้เนียน

ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง

ก่อนที่น้อง ๆ จะมาให้พวกพี่แกง ซีนหนึ่งต้องเตรียมงานกันกี่วัน

เป้ : ถ้าไม่นับเรื่องการซ้อมนะ การ Set up อย่างน้อยก็ต้องเป็นสัปดาห์ หรือครึ่งเดือน ในการทดสอบสิ่งเหล่านี้ทั้งหมดในแต่ละฉาก ซึ่งก็แล้วแต่ความยากง่ายของฉาก ถ้าฉากไหนต้องสร้างใหม่ก็ต้องเตรียมงานไว้ก่อนหนึ่งเดือน แต่ถ้ามีคิวเยอะ ๆ ก็ต้องซ้อมกันวันหนึ่งเต็ม ๆ

เปิ้ล : ส่วนตัวพี่เปิ้ลชอบแบบนี้นะ ชอบทำ ชอบเล่นหนังแบบนี้ เพราะถ้าเป็นหนังทั่วไป ต้องรอคนเขียนบท 3 เดือน เขียนเสร็จต้องมานั่งตรวจบทอีกหนึ่งเดือน เตรียมงานก่อนถ่าย (Pre-Production) อีกหนึ่งเดือน ล่อไปครึ่งปีแล้ว กว่าจะถ่ายอีก รวมทั้งหมดก็เป็นปี แต่นี่มาถึง เตี๊ยมกัน เอาแบบนี้ ๆๆ เดือนเดียวถ่ายเลย

พวกแก๊กในการแกงต่าง ๆ ส่วนใหญ่มาจากใครครับ

เปิ้ล : ส่วนใหญ่พี่เปิ้ลจะเป็นคนโยนลงไป ถ้ามีข้อมูลแบบนี้ ๆ คนนี้นิสัยเป็นอย่างนี้ เราก็จะโยนลงไปว่า เฮ้ย มึงทำแบบนี้สิ หรือไม่ถ้าน้อง ๆ คิดมา ก็จะเลือกกันว่าเอาแบบนี้สิ คือต่างคนก็ชนกันไปกันมา แล้วทุกคนก็ต้องมีนิสัยเหมือนกันด้วย มันถึงจะทำงานออกมาสนุก ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับข้อมูลอย่างเดียวเลย ยิ่งข้อมูลเยอะยิ่งแกล้งสนุก ยิ่งมีข้อมูลมาก ยิ่งคิดน้อย มีข้อมูลน้อยก็ยิ่งต้องคิดมาก

ฟังแล้วอยากจะไปดูหนังเลยครับ เพราะตอนแรกผมยอมรับว่าเฉย ๆ เพราะผมเองก็เคยไปดูหนังมาแล้ว ผมก็รู้สึกว่า หนังเรื่องนี้มันจะเหมือนกับเมื่อสิบปีที่แล้วไหม

เปิ้ล : แต่จะบอกเลยนะ ว่าใครที่เคยเข้าไปดูภาคแรกในโรงหนังเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว แล้วสงสัยว่าจะเหมือนกับห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้องเรื่องนี้ไหม บอกเลยว่าเหมือน เพราะกลิ่นของเสีอยังไงก็ต้องเป็นเสือนั่นแหละ ถึงแม้ว่าตอนนี้เราจะเป็นหมาน้อย อยู่กับบ้านแกงลูกแกงเมียเล่น แต่ว่ามันก็ยังมีสาบของเสืออยู่

พอเรากลับมาทำหนังตรงนี้อีกครั้งหนึ่ง ยังไงมันก็ต้องมีกลิ่นจากสมัยก่อนอยู่แล้ว เพียงแต่วันนี้เป้าหมายไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเราถือว่ามันใหม่ตรงนี้นี่แหละ มันใหม่ตรงที่กวางแต่ละตัวที่เข้ามาเป็นเหยื่อให้เราขย้ำ

ห้าวเป้งจ๋าอย่าแกงน้อง

การกำกับของพี่เป้ในเรื่องนี้ มันคล้ายกับหนังเรื่อง Truman Show ไหม ที่มีตัวละครที่ไม่รู้ตัวว่าเป็นนักแสดง และมีตัวละครที่รู้บทเข้าไปกระทำจนเกิดสถานการณ์ขึ้นมา

เป้ : Truman Show จริง ๆ มันมีบทนะ แต่ของเราก็มีบทในที่นี่ก็คือเหตุการณ์ที่จำลองเข้ามา

เราต้องดึงนักแสดงเข้ามาแสดง โดยที่เขาไม่รู้ตัวว่าต้องแสดง

สมมติว่าเขาต้องเจอเหตุการณ์ 1-2-3-4-5 เดินเข้ามาเจอเหตุการณ์แรก เราต้องคิดว่าเขาจะรู้สึกยังไง ดีใจ เสียใจ หรือวิ่งหนี ทีมงานจะต้องคิดให้หมดว่าจะต้องดักไว้ยังไงบ้าง เพราะฉะนั้นเราซ้อมกันทั้งวัน เพื่อที่จะถ่ายเทกเดียว และ Insert ไม่ได้ด้วย

เปิ้ล : ตัวหนังไม่ได้ง่ายเหมือนตามติดชีวิตเด็กน้อย ว่าเขาจะขึ้นไปสอยดวงดาวได้ไหม จากที่เขาฝึกแต่พวกร้อง เล่น เต้น ฝึกทฤษฏี แต่พอเราเริ่มจะถ่ายชีวิตเขา ก็จะมีโจทย์ว่า เปิ้ล ลองไปหาทฤษฏีที่ไม่ใช่ทฤษฏี แล้วมาสอนน้อง ๆ ในสไตล์ห้าวเป้งแบบของเราได้ไหม

มันเป็นการเล่นแบบธรรมชาติ มันเป็นออร์แกนิก ฟิล์ม ทุกอย่างเกิดขึ้นแบบออร์แกนิก ไม่มีบท ไม่มีอะไรทั้งสิ้นเลย มีแต่วางแผนอย่างเดียว แล้วแผนก็เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาด้วยนะ ถ่าย ๆ อยู่โควิดมา

ตอนนั้นถ้าจำได้ โควิด-19 มา กองถ่ายถูกจำกัดจำนวนทีมงานด้วย ต้องมีการล็อกดาวน์อีก

เปิ้ล : ตอนนั้นเราถ่ายไปประมาณ 60% แล้ว แต่พอโควิดมา ฉิบหาย! แล้วโชคดีว่าตอนที่โควิดมา ทางน้อง ๆ CGM48 หรือ BNK48 ก็ต้องคิดว่าจะทำยังไงให้วงมีความเคลื่อนไหว นอกจากคอนเสิร์ตแล้ว ก็เลยมีงานเป่ายิ้งฉุบ (BNK48 Janken Tournament 2020) ขึ้นมาอีก ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้เราต้องตามเหตุการณ์จริงอยู่ตลอดเวลา เฮ้ย เขากำลังจะจัดงานนี้เว้ย มีอะไรบ้างวะ แล้วต้องทำยังไงบ้างวะ งั้นเราเข้าไปอย่างนี้ ๆๆ ได้ไหม เฉลยตรงนี้ดีไหม ทุกอย่างมันเป็นการด้นสด เป็น Improvise ตามเหตุการณ์จริงทั้งหมด

นี่เลยเป็นสาเหตุที่พี่เปิ้ลเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในเรื่องด้วย เพื่อม้วนสถานการณ์ให้จบลง

เปิ้ล : คือตัวพี่เปิ้ลเองเป็นเหมือนหัวโจก ที่ได้รับโจทย์มาว่า เปิ้ลมึงช่วยไปสร้างสถานการณ์ สร้างอุปสรรคในชีวิตจริงให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้นอกเหนือจากอุปสรรคในห้องเรียนได้ไหม เราก็บอกว่าได้ แต่ต้องบอกว่าเป็นสไตล์พี่นะ พี่จะเอาครูอันดับหนึ่งของประเทศในแต่ละสาขา ที่แม่งเป็นตัวเป้ง ๆ มา แล้วไปให้บทเรียนเด็ก ๆ หนึ่งในนั้นก็อย่างเช่นน้าเน็ก (เกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา) คนอะไรวะที่ประสบความสำเร็จทางออฟไลน์ แล้วเปลี่ยนตัวเองไปสู่ออนไลน์ แล้วยังประสบความสำเร็จได้อีก น่าสนใจที่เด็ก ๆ จะได้รู้จัก

สองก็คือ พิธีกรอันดับหนึ่งของไทย กันต์ กันตถาวรแน่นอน ความเป๊ะในการทำงานของเขา เด็กต้องได้เรียนรู้ สาม ใครวะที่อยู่วงการมาตั้งแต่ยังเด็กแล้วงานไม่เคยตกเลย ก็ต้องเป็นแจ็ค แฟนฉัน (เฉลิมพล ทิฆัมพรธีรวงศ์) แล้วถ้าพูดถึงฮิปฮอปตอนนี้ ที่เรียกว่าเป็นอันดับหนึ่งของเมืองไทย ก็ต้องเป็นแก๊ง ‘YOUNGOHM’ ‘FIIXD’ (ฟิกซ์) ‘YOUNGGU’ (ยังกู) ‘DIAMOND MQT’ (ไดมอนด์)

ห้าวเป้งจ๋าอย่าแกงน้อง

เลือกมาแต่ละคนนี่ ห้าวเป้งสมชื่อ

เป้ : ที่ได้มานี่คือเบอร์หนึ่งทั้งนั้น

เขารู้เรื่องไหมว่าต้องมาแกงน้อง ๆ

เปิ้ล : เตี๊ยม! เตี๊ยมอย่างเดียวเลย ทุกคนถามเลย พี่เปิ้ล จะให้กูทำอะไรวะ เดี๋ยวเอ็งเข้าไปทำอย่างนี้ ๆ นะ อย่างน้าไปสอนเด็ก สอนแบบนี้ ๆๆ แล้วต้องทำไงวะ ขึ้นไปสอนบนช้างเลย น้าก็บอก “…มึงไม่แกล้งกูใช่มั้ยไอ้เปิ้ล” (หัวเราะ) คือต่างคนก็คิดว่าจะแกง ต่างคนก็ต่างกวนตีนกันอยู่แล้วน่ะ อย่างไอ้แจ็คนี่ก็ทำกับครอบครัวพี่ไว้เยอะ หนังเรื่องนี้แม่งเกิดจากเรื่องจริงทั้งหมดน่ะ เอาอย่างนี้ดีกว่า ไม่มีมานั่งเซ็ตว่า หนุ่ย หนุ่ยต้องอย่างนี้นะ ทำเป็นเฉี่ยวรถพี่เปิ้ล แล้วตอนหลังพี่เปิ้ลมาเอาคืน ไม่มี! ทุกอย่างมาจากเรื่องจริงหมด

พี่เป้ครับ หนังแนวแบบนี้ในโลก ผมก็ไม่เคยเห็นนะว่ามันมี

เป้ : คือถ้าเป็นหนังบท มันก็จะมีองก์ องก์ 1 องก์ 2 องก์ 3 ตามสูตรของหนังน่ะ ซึ่งถ้าเราจะทำพวกนี้เป็นหนัง เราต้องทดเรื่องนี้ไว้ในใจ บางคนอาจจะบอกว่าเป็นสารคดีหรือเปล่าวะ แต่สารคดีคือการตามติดชีวิตเขาโดยที่เราไม่ได้ทำอะไรเลย สัตว์จะคลอดลูก สิงโตจะฆ่ากันก็ปล่อยไป

ไม่ได้รบกวนการเดินทางของตัวละคร

เป้ : แต่หนังเรื่องนี้ไม่ใช่สารคดี เพราะเราสร้างสถานการณ์เข้าไปในตัวน้อง โดยการแอบถ่ายโดยที่เขาไม่รู้ตัว เพราะฉะนั้นเรามีองก์ของเราอยู่ในใจว่า เราถ่ายแบบนี้มาแล้ว เป้าหมายน้อง ๆ จะเป็นยังไง คนที่สอนจะเป็นยังไง ไคลแม็กซ์คืออะไร หรือเหตุการณ์ไหนที่เราควรจะเอาทักษะไปใส่

เปิ้ล : อันนี้มันตอบคำถามเลยว่า หนังเรื่องนี้ทำไมต้องมีผู้กำกับ เพราะว่าผู้กำกับมีหน้าที่มองเส้นเรื่องทั้งหมด

เป้ : เปิ้ลจะคอยบอกว่า เดี๋ยวช่วงนี้จะเอาแจ็ค หรือเอาใครไปใส่ เพราะฉะนั้นเราต้องมองว่า เหตุการณ์นี้คือไคลแม็กซ์ น้องถึงทางตัน อุปสรรคเยอะแล้วนะ

เปิ้ล : เป้จะเป็นคนบอกว่า ตรงนี้ขอเบา ๆ ตรงนี้ขอแรงหน่อย เขาจะเป็นคนคอยบอกว่าอยากได้อารมณ์ไหน หน้าที่ของเราคือ ครีเอตและแสดงไปตามนั้น เป้จะเห็นภาพมวลรวมว่าเส้นเรื่องเป็นยังไง

ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง

แต่ผมว่า ตำแหน่งเขาคือผู้อำนวยการสร้าง เขาเองก็ไม่เบาเหมือนกัน ตามสไตล์เจ้าของหนังน่ะ อยากมีน้าเน็ก อยากมีแจ็ค เอามาใส่ให้หน่อย

เปิ้ล : แต่ที่นี้มันไม่ใช่ยังงั้นว่ะ อันนี้พูดตรง ๆ เลยนะ ในฐานะเจ้าของเงิน…เงินเมียนะ (หัวเราะทั้งวง) อยากได้อะไรรู้ไหม อยากได้ ‘แบมแบม’ (GOT 7) ไหน ๆ กลับมาทำหนังทั้งที ก็อยากได้เบอร์หนึ่งใช่มั้ย หนึ่งแบบว่า หนึ่ง หนึ่ง หนึ่ง หนึ่ง เลย แล้วก็อยากได้ ‘ลิซ่า’ (Blackpink) ณเดชน์ มาริโอ ทำหนังทั้งที คนไทยต้องได้ดูอะไรที่ดีที่สุด!

ปรากฏว่า…

เปิ้ล : ไม่มีใครเอาเลย (หัวเราะ) ไม่ถึงดาราหรอก แค่ผู้จัดการก็ไม่เอาแล้ว เขาขอดูบท เราก็บอกว่า “เอ่อ เราไมมีบทครับ” เขาก็ถามว่าหนังอะไรวะ ไม่มีบท นี่คือปัญหาที่ทำให้เราไม่ได้ในสิ่งที่เงินก็ฟาดไม่ได้

แล้วยิ่งมาโดนช่วงโควิดอีก วิกฤติเลย ตอนนั้นคิดว่าจะทิ้งเงินไปเลยไหม เพราะตอนนั้นทุกคนก็หยุดกันหมด แล้วพี่ต้องไปตั้งกล้องในสถานการณ์จริงที่ไม่ได้นัดใครมาถ่าย

เปิ้ล : มันจ่ายไปแล้วไง

เป้ : อาจจะแค่ทนเมียบ่นนิดนึง

เปิ้ล : เราก็เลยมาคิดว่า ช่างแม่งโว้ย ถ้าฉายไม่ได้ก็ขาย Netflix ถ้า Netflix ไม่เอา ก็ไปทำแอปให้คนมาโหลดดูก็ได้ (หัวเราะทั้งวง)


(อ่านบทสัมภาษณ์ต่อได้ที่หน้า 2)

ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง

พอถึงตอนนี้ สถานการณ์โควิดมันเริ่มคลี่คลาย คนกลับมาทำกิจกรรมนอกบ้านมากขึ้น แต่โรงหนังดันไม่ค่อยฟื้น มีความกลัวมั้ยครับว่า พอเข้าโรงแล้วอาจเรียกคนมาดูได้น้อยกว่าที่ควรจะเป็น

เปิ้ล : กลัว (หัวเราะ)

ยอมรับกันง่าย ๆ แบบนี้เลย

เปิ้ล : ยอมรับว่ากลัว ถ้าเกิดว่ามันปะทุขึ้นมาอีก ก็คงต้องทำใจเลย เพราะคงเลื่อนไม่ทันแล้ว เพราะเรามีความรู้สึกว่า เฮ้ย ตอนนี้ทุกอย่างมันเริ่มคลี่คลายแล้ว วัคซีนก็เริ่มมาแล้ว แล้วตอนนี้คนเริ่มออกมาแล้ว เริ่มเห็นรอยยิ้มของคนไทยบ้างแล้ว เพราะฉะนั้นเราคิดว่า ยังไงเราก็ต้องยืนหนึ่ง คนจะดูมากดูน้อย อย่างน้อยก็มีส่วนได้สร้างรอยยิ้มให้กับคนไทยให้เกิดขึ้นได้

แต่เราเชื่อว่าหนังเรื่องนี้เนี่ย ต่อให้คนจะดูหรือไม่ดู เดี๋ยวกูโพสต์ให้ดูฟรีในเพจเฟซบุ๊กเลยก็ได้ ถ้าไม่มีใครมาดูหนังจริง ๆ นะ โพสต์ดูฟรีกันไปเลย

มั่นใจว่าเอาแค่ไม่เจ๊งก็พอแล้ว ถ้าคนมาดูน้อยจริง ๆ นะ อย่างน้อยเอาทุนกูคืนมาก็ยังดี ให้เมียไม่ด่าก็พอแล้ว (หัวเราะ) แล้วพอโควิดหมดแล้วค่อยขอทุนสร้างหนังเรื่องใหม่ เอาแบบนี้ดีกว่า

ห้าวเป้งจ๋าอย่าแกงน้อง

ผู้ชายคนนี้นี่ห้าวเป้งสมชื่อจริง ๆ

เปิ้ล : แต่หวังว่ามันจะไม่เกิดขึ้นจริง (หัวเราะ)

ซึ่งก็หวังว่า 18 มีนาคมนี้ จะมีคนไปดูกันทุกโรงภาพยนตร์

เปิ้ล : สำหรับคนที่เคยดูห้าวเป้งแรก (สาระแนห้าวเป้ง) แล้วไปดูเรื่องนี้ บอกเลยว่า อย่าไปเปรียบเทียบกัน

ไม่ต้องไปเปรียบเทียบกับงานในอดีต

เปิ้ล : บอกเลยว่าหนังเรื่องนี้ เบากว่าห้าวเป้งแรกแน่ ๆ แต่สวยงามกว่าห้าวเป้งแรกมากมาย

สวยงามกว่า 25 เท่าเลย เพราะว่ามีน้อง ๆ CGM48 มาด้วย และมีตัวละครลับ ๆ ที่ไม่ได้เปิดเผยในโปสเตอร์อีกพอสมควร

เปิ้ล : ไม่ใช่แค่ CGM นะ BNK48 ก็มาด้วย นี่อุตส่าห์ไม่บอกใครแล้วนะ เดี๋ยวเขาไม่ไปดูกัน บอกเลยก็ได้ว่าหมอปลาก็มาด้วย บอกแม่งให้หมดเลยแล้วกันอ่ะ (หัวเราะ)

ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง

จริง ๆ พี่เปิ้ลเองก็เป็น YouTuber ที่ประสบความสำเร็จพอสมควร มี 2 ล้านกว่า Subscribers แล้วตอนนี้ ทำไมเลือกที่จะทำคอนเทนต์เข้าโรงภาพยนตร์อีกล่ะครับ ทำไมไม่ไปทำง่าย ๆ ในออนไลน์ ทำตอนสั้น ๆ ก็ได้ ให้พี่เป้มากำกับสักซีนสองซีน ไม่ต้องไปเดือดร้อนทำตั้ง 13 เดือน ซ่อนกล้องไม่ยอมบอกใคร

เปิ้ล : อย่างที่บอกนั่นแหละ เราก็เหมือนมือปืนที่อยู่ในซุ้มมือปืน แล้วเราก็วางมือเพื่อไปเลี้ยงลูกที่บ้าน เลิกฆ่าแกงคน วันหนึ่งเสี่ยเจียงเดินมา

(เลียนเสียงเสี่ยเจียง) “เฮ้ย! ไอ้เปิ้ล!…”

เปิ้ล : ไอ้เปิ้ล มึงช่วยกลับมาฆ่าคนให้กูหน่อยสิ (หัวเราะ) บวกกับเพื่อนอย่างเป้ก็บอกว่า เปิ้ล เอาหน่อยไหม ได้เวลาของเราแล้วแหละ แล้วเป้ก็อยู่วงการหนัง ทำหนังประสบความสำเร็จมาตลอด เราก็มานั่งคิดว่า เออ มีแต่คนรักเราทั้งนั้นเลยนี่หว่า กลับไปทำอะไรกับเพื่อน ๆ น้อง ๆ ที่เรารักอีกสักครั้ง เท่านั้นแหละ พี่เปิ้ลก็เปิดหีบ ปัดฝุ่น แล้วก็หยิบปืนขึ้นมา

อย่างกับจอห์น วิกเลยทีเดียว

เปิ้ล : ลูก ๆ ก็วิ่งเข้ามากอดขา บอกว่า “ป๊า อย่ากลับไปเป็นมือปืน อย่ากลับไปฆ่าคนเลย” เราก็…(ทำท่าเหวี่ยงลูก) ตบเมีย (ทำท่าตบ) เอาปืนมายิงขึ้นฟ้า ปัง! แล้วตะโกนว่า

“ห้าวเป้งกลับมาแล้วโว้ยยยย!”

ที่ตบนี่ไม่ได้ตบจริงนะ ตบทรัพย์เมีย เพราะว่าลงทุนเองด้วยส่วนหนึ่ง นอกจากเสี่ยเจียง แห่งสหมงคลฟิล์ม

เปิ้ล : หนังเรื่องนี้ก็มีเปิ้ล มี iAM ของคุณต้อม (จิรัฐ บวรวัฒนะ) แล้วก็เสี่ยเจียง (สมศักดิ์ เตชะรัตนประเสริฐ) ร่วมกันออกทุน 3 คน ทีแรกเสี่ยเจียงจะออกทุนให้ เปิ้ลบอกว่า เสี่ยเอาเงินกองไว้ตรงนั้น ไม่ใช่เสี่ยรวยคนเดียวนะ ผมด้วย…คือหมายถึงเงินเมียน่ะนะ… ก็เลยเข้าไปบอกเสี่ยเขาดี ๆ

ห้าวเป้งจ๋าอย่าแกงน้อง

ช่วงหลัง ๆ พี่เปิ้ลเองจริงจังกับการทำธุรกิจมาก ๆ จนไม่นึกว่าจะกลับมาทำหนังอีก

เปิ้ล : (พูดทันที) กลับ ๆๆ เพราะว่ายังไงมันก็เป็นกำพืดของเรานั่นแหละ มันเป็นอะไรที่เราแก่ตายไปเราก็คงจะยังอยู่กับวงการนี้ต่อไป เพราะว่ามันเป็นตัวเรา ถึงแม้ว่าเราจะไปทำธุรกิจเต็มตัว แต่แก่ตัวยังไงเราก็จะหยิบชุดลิเกมาปัดฝุ่น เอามาใส่แล้วก็ร้องรำเล่นเต้นเหมือนเดิม

พี่เป้ครับ กับเพื่อนศิลปินคนนี้ สมัยที่เรียนคณะศิลปกรรม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย พอจะเล่าได้ไหมครับว่ายุคนั้นแกงอะไรกันมาบ้าง

เป้ : ถ้ายุคนั้นก็คือวิทยานิพนธ์นั่นแหละ มันเป็น Happening Art

เปิ้ล : เป็นงานศิลปะชนิดหนึ่ง ที่เกิดขึ้น ณ ขณะนั้นโดยที่คนอื่นไม่รู้เนื้อรู้ตัว ไม่รู้เรื่อง เช่น มีนักศึกษาอยู่ดี ๆ ก็กระโดดตึก ตกลงมาจากชั้นบนลงมาข้างล่าง อยู่ดี ๆ ก็ระเบิด กระจกแตก ตู้ม! คณบดีอยู่ข้างล่างก็ตกใจว่า เฮ้ย! แม่งเกิดอะไรขึ้นวะ สักพักรถหวอมาจอดปุ๊บ จบการแสดง ซึ่งอาจารย์หรือคณะบดีก็เข้าใจแหละ เพราะว่าคนเรียนศิลปะก็มักจะชอบคิดอะไรใหม่ ๆ ขึ้นมา หรือวันดีคืนดี น้องนิสิตปี 1 เห็นคนนอนไส้ไหลอยู่กับพื้น ก็ตกใจร้องไห้ ป่อเต็กตึ๊งก็เข้ามาโกยไส้ขึ้นรถ แล้วก็มีอีกคนกระโดดลงมาจากตึก จบการแสดง

เรียกได้ว่าพี่แกงคนมาตั้งแต่ยุคนั้นเลย เราคงคาดหวังได้ว่า น่าจะได้เจอกับ Happening Art จากหนังเรื่องนี้

เปิ้ล : เราอยากให้ดูความเป็นธรรมชาติของหนัง และความเก๋าในการทำหนังของนฤบดี มันถึงได้ออกมาเป็นแบบนี้

พี่เป้ครับ ถ่ายมาเยอะขนาดนี้ ฟุตเตจต้องเยอะมหาศาลแน่ ๆ แล้วพี่ก็บอกว่าซ่อนกล้องทุกที่เลย ที่ผมทราบมาว่า ฟุตเตจของหนังเรื่องนี้มีถึง 4,000 ชั่วโมง ตัดต่อกันยังไงครับ คิดว่าน่าจะเป็นเรื่องยาก

เป้ : มันต้องมีภาพในหัวก่อนว่าเหตุการณ์แรกจะเป็นยังไง แล้วเป้าหมายของน้องคืออะไร น้องจะเจออุปสรรคอะไรบ้าง แล้วค่อยไปหา Timing ในช่วงเวลาเหล่านั้นมากองรวมกันก่อน และสองก็คือ โมเมนต์สำคัญ ๆ ที่น้องแสดงออกมาโดยที่่เราไม่เห็น มีอะไรบ้าง ก็ดึงเอามารวมกัน โยน ๆๆๆ เข้าไป แล้วค่อยเอามาเรียง

ห้าวเป้งจ๋า อย่าแกงน้อง

เครียดไหมครับตอนตัดต่อ

เป้ : ไม่เครียด ๆ คนตัดต่อทุกคนมีความสุขมาก ทุกคนที่อยู่ในทีมไม่มีใครเครียดกับหนังเรื่องนี้เลย เพราะว่าเขาดูไปปุ๊บ เขาก็จะ “เฮ้ย มีไอ้ตัวเล็กอายุ 12 ทำอย่างนั้นอย่างนี้” มันเหมือนกับว่าเรากำลังดูลูกหลานเราน่ะ

เปิ้ล : แล้วหนังเรื่องนี้มันไม่มีบท มันก็เลยจะมีแต่การประชุม หายไปอาทิตย์นึงแล้วก็กลับมาประชุม แต่ละคนก็จะมาเล่ากันว่าไปเจออะไรมาบ้าง แต่ละคนก็จะเล่ากันว่า “พี่ ไอ้เด็กคนนี้มันกลัวกล้วยว่ะ” อ้าวเหรอ ยังไงเล่ามาซิ หรืออีกคน ที่บ้านขายผัดไทย หรือน้องอีกคนพูดประโยคนี้ ๆๆ ขึ้นมา โอเค ถ้างั้นวางแผนต่อไปอีก มันมีอะไรให้วางแผนตลอดอ่ะ เหมือนคนล่อซื้อยา (หัวเราะทั้งวง)

เป้ : หรืออย่างกันต์ ถ้าไม่เป๊ะนี่ เขามีอารมณ์นะ ซึ่งทีมงานก็ต้องแสดงด้วยนะ แสดงทุกอย่างเท่าที่ทำได้ ต้องมีอารมณ์ร่วมกับพวกเรา

พี่เปิ้ลกับพี่เป้มีอะไรอยากจะฝากไปถึงคนดูหนังเรื่องนี้ ที่ถวิลหามาตั้งแต่สมัยสาระแนบ้างไหมครับ ฝากได้เลยครับ

เปิ้ล : จริง ๆ แล้ว คนยุคก่อนที่ดูห้าวเป้งแรกมาแล้ว ไม่อยากให้มาดูนะ

อ้าว! เอางั้นเลยเหรอครับ

เปิ้ล : ไม่อยากให้มาดู ให้รุ่นใหม่ ๆ เข้ามาดูบ้าง (หัวเราะ) จริง ๆ ใครมาดูก็ได้แหละ จริง ๆ หนังเรื่องนี้มันเป็นการอัปเดต เป็นความร่วมสมัย อาจจะเล่าเหมือนเดิม แต่เหตุการณ์มันเกิดขึ้นในยุคสมัยนี้ ต่อให้เล่าเหมือนกัน มันก็เป็นคนละเรื่องอยู่ดี

เพราะฉะนั้นเราหวังว่ามันจะเป็นความแปลกใหม่สำหรับคนสมัยนี้อย่างแน่นอน ส่วนคนสมัยเก่าที่ได้ไปดู ก็คิดซะว่ามันเป็นพัฒนาการของโลกก็แล้วกัน ที่มีความเปลี่ยนแปลงในตัว Subject แต่ยังคงความสนุกสนานในยุคนี้

ห้าวเป้งจ๋าอย่าแกงน้อง

นิยามความเป็นห้าวเป้ง และการแกงในยุค 2021 ให้ฟังหน่อยได้ไหมครับว่ามันเป็นยังไง ดูแล้วเราจะได้อะไรจากหนังเรื่องนี้บ้าง

เป้ : มันเป็นหนังที่ตัวแสดงเพิ่งรู้ตัวว่าเป็นนักแสดง

ตอนที่ถ่ายก็คือไม่รู้แน่นอน จนปิดกล้องถึงได้รู้ว่าเป็นนักแสดง ตอนนั้นเฉลยยังไงครับ

เป้ : อันนี้ต้องไปดูในหนัง ไปดูรีแอ็กชันตอนเฉลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง

เปิ้ล : สุดท้ายที่อยากจะบอกก็คือ อยากให้หนังเรื่องนี้เป็นส่วนหนึ่งของคนไทยที่ทำให้มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะเพิ่มขึ้นมาก็แล้วกัน


พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส