ในช่วงนี้เรื่องที่พาให้เรารู้สึกตื่นตาตื่นใจคงไม่พ้นเรื่องของ ‘เมตาเวิร์ส (Metaverse)’ แนวคิดสุดล้ำที่เราสามารถแบ่งปันประสบการณ์หรือทำงานร่วมกันภายในสภาพแวดล้อมเสมือนจริง ซึ่งมาร์ก ซักเคอร์เบิร์ก (Mark Zuckerberg) ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊กได้พูดถึงการเชื่อมต่อแพลตฟอร์ม Oculus Virtual Reality ของเขากับฟังก์ชันเครือข่ายสังคมออนไลน์ สิ่งนี้จะนำไปสู่การสร้างสภาพแวดล้อมที่ผู้คนสามารถใช้มันร่วมกันทั้งการมีปฏิสัมพันธ์ การเข้าสังคม การทำงาน และเล่นในกิจกรรมที่หลากหลายบนโลกเสมือนจริงซึ่งแน่นอนว่ารวมถึงคอนเสิร์ตและประสบการณ์ทางดนตรีต่าง ๆ ที่ภายในเวลาอีกไม่นานเชื่อว่าคอนเสิร์ตเสมือนจริง (Virtual Concert) ที่จัดขึ้นภายใน ‘เมตาเวิร์ส’ จะเป็นก้าวต่อไปของวิวัฒนาการของวงการเพลง จากการที่สถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ได้บีบให้ศิลปินหลายคนเล่นคอนเสิร์ตเสมือนจริงแทนการแสดงสดบนเวทีมาตั้งแต่ปี 2020 และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟน ๆ รวมไปถึงทำให้เราได้เห็นถึงมิติใหม่ในการสัมผัสกับประสบการณ์ทางดนตรี ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีแนวโน้มให้เราได้เห็นจากการที่ป๊อปสตาร์จากโลกเวอร์ชวลอย่าง ฮัตสึเนะ มิกุ (Hatsune Miku) ที่บัตรคอนเสิร์ตขายหมดเกลี้ยงทั้งในแบบออฟไลน์และออนไลน์มาหลายปีแล้ว ศิลปินที่เป็นมนุษย์จริง ๆ จึงเริ่มเข้าใจถึงศักยภาพของคอนเสิร์ตบนโลกเสมือนที่น่าจะเป็นประสบการณ์ใหม่ ๆ ทั้งของตัวศิลปินและกลุ่มแฟนเพลง ทำให้เราได้เห็นถึงความเป็นไปได้ที่ประสบการณ์ในการเชื่อมโยงโลกจริงกับโลกเสมือนเข้าด้วยกันกำลังจะกลายเป็นเรื่องใหม่และคงจะกลายเป็นเรื่องธรรมดาในที่สุดสำหรับประสบการณ์ทางดนตรีในยุคที่มีโรคระบาดเช่นนี้

Facebook se llama Meta y aspira a ser dueño del mundo con su metaverso
Japanese virtual idol Hatsune Miku joins Taobao as a livestreaming  ambassador for upcoming 618 festival | KrASIA

ในโลกแห่ง ‘เมตาเวิร์ส’ มนุษย์เสมือนไม่มีข้อจำกัดทางกายภาพอีกต่อไป ศิลปินสามารถเปลี่ยนชุดได้ทันทีหรือจะเหาะเหินเดินอากาศอย่างไรก็ได้ในโลกเสมือนจริง หรือเปลี่ยนเวทีให้ล้ำเหนือจินตนาการอย่างไรก็ได้ เมื่อมนุษย์ต่างหลั่งไหลเข้าสู่เมตาเวิร์สรวมไปถึงป๊อปสตาร์ที่พวกเขาชื่นชอบเองก็ก้าวเข้ามาในโลกแห่งนี้ด้วยเช่นกัน มันคงเป็นประสบการณ์ทางดนตรีที่เส้นแบ่งระหว่างความเป็นจริงทางกายภาพและความเป็นจริงเสมือนจะเลือนลางมากขึ้นเรื่อย ๆ

เรามาดูกันว่า ณ ปัจจุบันนี้มีศิลปินคนใดได้เริ่มย่างเท้าเข้าสู่โลกเสมือนแล้วบ้างและมันน่าว้าวมากแค่ไหน

คอนเสิร์ตเสมือน (Virtual Concert) คืออะไร

ก่อนอื่นเรามาทำความเข้าใจแนวคิดพื้นฐานของคำว่าคอนเสิร์ตเสมือน (Virtual Concert) กันก่อน ซึ่งคำนี้หมายถึงการแสดงที่ภาพจำลองของอวทาร์เสมือนจะถูกฉายบนเวทีเสมือนจริงภายในโลกเสมือน ซึ่งเสียงที่เราได้ยินจากศิลปินที่มาในร่างอวทาร์บนโลกเสมือนนี้จะถูกซิงก์กับเพลงที่มีการบันทึกไว้ล่วงหน้า

หรือในอีกทางหนึ่งนั่นหมายความว่าคอนเสิร์ตเสมือนเหล่านี้เกิดขึ้นภายในเมตาเวิร์สนั่นเอง ซึ่งหมายถึงพื้นที่เสมือนที่ใช้ร่วมกันทั้งหมดทางออนไลน์ ความน่าสนใจของคอนเสิร์ตเสมือนจริงนั้นคล้ายกับคอนเสิร์ตแบบเล่นสดที่เราคุ้นเคยกันแต่เพิ่มมิติของการเชื่อมต่อกันมากขึ้น นักวิจัยที่ศึกษาคอนเสิร์ตเสมือนจริงพบว่า “คอนเสิร์ตเสมือนจริงอำนวยความสะดวกในการเชื่อมต่อทางสังคมมากขึ้น” อีกทั้งการระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัสยังได้ช่วยส่งเสริมความรู้สึกของการสนับสนุนทางอารมณ์และความเห็นอกเห็นใจระหว่างผู้เข้าร่วมคอนเสิร์ตเสมือนจริงอีกด้วย โดยพื้นฐานแล้วคอนเสิร์ตเสมือนจริงสามารถมอบความสนุกสนานและเร้าอารมณ์ได้พอ ๆ กับคอนเสิร์ตแบบดั้งเดิมแต่ได้เพิ่มมิติของการเชื่อมต่อกันเช่น ผู้ชมแต่ละคนอาจดูคอนเสิร์ตคนเดียวแต่พวกเขาทั้งหมดสามารถมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นในพื้นที่เสมือนที่ใช้ร่วมกันของคอนเสิร์ตหรือผ่านการแชตสดระหว่างการแสดง

เมื่อเหล่าศิลปินตบเท้าเข้าสู่โลกเมตาเวิร์ส

ก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 เราไม่เคยคาดหวังว่าจะได้เห็นนักดนตรีชั้นนำอย่าง เดอะวีกเอนด์ (The Weeknd) อารีอานา กรานเด (Ariana Grande) หรือ ทราวิส สก็อตต์ (Travis Scott) จัดคอนเสิร์ตเสมือนจริง แต่การได้เห็นนักดนตรีที่เราชื่นชอบแปลงร่างเป็นมนุษย์เสมือนจริงในร่างอวทาร์สุดเท่นั้นมีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร เราจะได้เห็นพวกเขาในบริบทใหม่ทั้งหมด และต่อไปนี้คือคอนเสิร์ตเสมือนจริงจากเหล่าศิลปินที่เริ่มตบเท้าเข้าสู่โลกแห่งเมตาเวิร์ส

Justin Bieber

จัสติน บีเบอร์คือศิลปินคนล่าสุดที่กำลังจะมีคอนเสิร์ตในเมตาเวิร์ส โดยบีเบอร์จะร้องเพลงหลายเพลงจากอัลบั้มล่าสุดของเขา ‘Justice’ บนคอนเสิร์ตที่กำลังจะมีขึ้นบนแพลตฟอร์มความบันเทิงเสมือนจริง ‘Wave’ ในวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งบีเบอร์จะสามารถควบคุมอวทาร์ดิจิทัลของเขาโดยใช้ชุดจับการเคลื่อนไหวนอกจากนี้ในงานผู้เข้าร่วมยังสามารถโต้ตอบกับบีเบอร์ได้ด้วย

ผู้ที่สนใจเข้าร่วมคอนเสิร์ตเสมือนจริงบนเมตาเวิร์สและโต้ตอบกับบีเบอร์แบบสด ๆ สามารถลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมแพลตฟอร์มได้ฟรีที่นี่ และการแสดงจะเปิดให้ผู้ชมทั่วโลกเข้าชมได้ฟรีผ่านการสตรีมสดในช่อง YouTube ของบีเบอร์

คอนเสิร์ตจะเริ่มเวลา 18.00 น. ตามเวลามาตรฐานแปซิฟิกของวันที่ 18 พฤศจิกายนนี้ (ประมาณ 9 โมงของเช้าวันศุกร์ที่ 19 ตามเวลาประเทศไทย)

ABBA Voyage

แม้แต่ตำนานเพลงป๊อปรุ่นใหญ่อย่าง ABBA ก็ล้ำหน้าไม่ล้าสมัยเหมือนกัน เพราะเมื่อไม่นานมานี้ได้มีการประกาศว่าแฟน ๆ ของ ABBA จะได้สัมผัสกับซูเปอร์กรุ๊ปของสวีเดนในบรรยากาศแบบเหมือนเมื่อ 40 ปีที่แล้วในช่วงเริ่มต้นของพวกเขา และ “ABBA-tars” ของพวกเขาจะมาปรากฏตัวบนเวทีในลอนดอนปีหน้านี้

สมาชิกทั้ง 4 ของ ABBA ใช้เวลากว่า 5 สัปดาห์กับพ่อมดแห่งวงการวิชวลเอฟเฟกต์ที่ Industrial Light & Magic ซึ่งได้ใช้เทคนิคการจับการเคลื่อนไหวขั้นสูงเพื่อสร้างร่างเสมือนจริงของวงที่เหมือนเป๊ะหมดทุกอากัปกิริยาไม่ว่าจะเป็นการเต้นไปจนถึงการเคลื่อนไหวของดวงตา นอกจากนี้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ยังถูกนำมาใช้เพื่อ “ลดอายุ” ของสมาชิกทั้ง 4 ให้แฟน ๆ ได้เห็นพวกเขาและเธอในแบบหนุ่ม ๆ สาว ๆ เช่นเดียวกับที่เคยทำในภาพยนตร์เรื่อง Star Wars และ The Irishman ของ มาร์ติน สกอร์เซซี (Martin Scorsese)

การแสดงแบบดิจิทัลของ ABBA มีชื่อว่า ABBA Voyage จะเปิดแสดงรอบแรกในวันที่ 27 พฤษภาคม 2022 ที่ ABBA arena Queen Elizabeth Olympic Park เมืองลอนดอน โดยผู้ชมที่ซื้อตั๋วเข้าชมการแสดงจะได้สัมผัสกับประสบการณ์ราวกับว่าพวกเขากำลังจะได้เห็นการแสดงของวงในช่วงทศวรรษ 1970 ที่รุ่งเรือง

Travis Scott in Fortnite

จากโศกนาฏกรรมที่ Astroworld ที่ผ่านมาหลายคนคงคิดว่าคงจะเป็นเรื่องดีถ้าทราวิส สก็อตต์เล่นคอนเสิร์ตในโลกเมตาเวิร์สเพราะไม่ว่าจะสุดเหวี่ยงและมีผู้ชมมากแค่ไหนก็คงไม่มีทางเกิดเหตุเป็นอันตรายถึงชีวิตแบบนั้นได้แน่นอน และหากพูดถึงคอนเสิร์ตเสมือนจริงคงไม่มีทางที่จะไม่ยกตัวอย่างจากคอนเสิร์ตของทราวิส สก็อตต์อันลือลั่นที่เกิดขึ้นในโลกของเกมยอดนิยมอย่าง ‘Fortnite’ ซึ่งบริษัทผู้ผลิตอย่าง Epic Games นั้นได้เป็นพันธมิตรอันเหนียวแน่นกับอินฟลูเอนเซอร์แห่งโลกเสมือนอย่าง Guggimon ในการสร้างสรรค์เกมนี้ขึ้นมา พวกเขาได้พาคอนเสิร์ตเสมือนจริงไปอีกระดับด้วยการแสดงของทราวิส สก็อตต์ที่ดึงดูดผู้ชมสดกว่า 12 ล้านคน ซึ่งสก็อตต์มาพร้อมความว้าวด้วยร่างอวทาร์ของเขาที่มีขนาดเท่าตึกระฟ้าและยังสามารถโต้ตอบโดยตรงกับอวตารของผู้ชม ในนาทีที่ 2:56 เราจะเห็นเขาคว้าดาวสองดวงจากฟากฟ้าและใช้พลังของพวกมันเพื่อปลดปล่อยอวทาร์ของทุกคนให้ล่องลอยอยู่รอบตัวเขา ทราวิส สก็อตต์ใช้ฉากของ Fortnite อย่างเต็มศักยภาพด้วยการแสดงคอนเสิร์ตที่เกิดขึ้นบนอุปกรณ์ที่ทุกคนสามารถพกพาได้ อวตารขนาดใหญ่ของสก็อตต์เดินไปรอบ ๆ โลกเสมือนจริงใน Fortnite โดยมีผู้ชมตามหลังเขาในขณะที่เขาผจญภัยไปในอวกาศและแม้แต่ลงไปใต้น้ำ เทคโนโลยีนี้ทำให้ผู้ชมได้มีส่วนร่วมและเพลิดเพลินอยู่ตลอดทั้งคอนเสิร์ตบนโลกแห่งจินตนาการสุดล้ำที่พวกเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่ามันจะสามารถผสานเข้ากับประสบการณ์ทางดนตรีได้

Ariana Grande in Fortnite

หลังจากเห็นถึงความว้าวจากคอนเสิร์ตของทราวิส สก็อตต์ไปแล้ว Epic Games ก็เลยลุยต่อด้วยการเชิญป๊อปสตาร์สาว อารีอานา กรานเด (Ariana Grande) มาแสดงใน Fortnite ในขณะที่คอนเสิร์ตของสก็อตต์จะเป็นการแสดงเพียงรอบเดียว แต่ของกรานเดนั้นมีการแสดงเป็นเวลาหลายวัน  Epic Games ได้ผสมผสานคอนเสิร์ตเสมือนจริงของกรานเดเข้ากับโลกแห่งเรื่องเล่าของชาว Fornite ที่ใหญ่ขึ้น และใช้การแสดงของเธอเป็นโอกาสในการสร้างโลกขึ้นมา ธีมและใจความโดยรวมของคอนเสิร์ตของกรานเดสอดคล้องกับแก่นของ Season 7 ซึ่งมีชื่อว่า “Moment of Togetherness” เพราะฉะนั้นคอนเสิร์ตของเธอจึงเป็นการเชื่อมโยงกลุ่มผู้เล่น (และผู้ชม) ของเธอเข้ามาสู่โลกแห่ง Fornite เพื่อสัมผัส ‘ช่วงเวลาแห่งความเชื่อมร้อยซึ่งกันและกัน’ นั่นเอง

ในช่วงเริ่มต้นของคอนเสิร์ตของกรานเด กลุ่มผู้เล่นได้ตื่นขึ้นในภูมิประเทศที่มืดมิด ผู้เล่นคนอื่น ๆ ได้ยื่นมือเพื่อช่วยพยุงซึ่งกันและกันในขณะที่ลูกแก้วสีทองลอยขึ้นไปบนท้องฟ้าเหนือพวกเขา ทิม อีเล็ก (Tim Elek) ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของ Live Events อธิบายว่านักพัฒนาได้สร้างช่วงเวลาที่น่าประทับใจนี้ไว้เพื่อสื่อถึงโลกของ Fornite ที่ผู้เล่นต่างช่วยเหลือซึ่งกันและกันตลอดช่วงเวลาของการกักตัว คล้ายกับคอนเสิร์ตของ ทราวิส สก็อตต์ อวทาร์ขนาดยักษ์ของอารีอานา กรานเดมีปฏิสัมพันธ์กับผู้ชมแต่ละคนในระหว่างการแสดงโดยยกพวกเขาขึ้นไปบนฟ้าขณะที่เธอร้องเพลง “7 Rings” ซิงเกิลฮิตของเธอ

The Weeknd TikTok Concert

TikTok เป็นหนึ่งในแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียรายใหญ่รายแรกที่ก้าวกระโดดด้วยด้วยศรัทธาและเชื่อมั่นในคอนเสิร์ตเสมือนจริงในช่วงการแพร่ระบาด คอนเสิร์ตเสมือนจริงของเดอะ วีกเอนด์นำเสนอตัวของเขาที่มาในเวอร์ชันแอนิเมชันพร้อมแสดงเพลงฮิต “Blinded By the Lights” พร้อมด้วยเวอร์ชวลแดนเซอร์ที่มาพร้อมท่าเต้นสุดฮิตบน TikTok ทุกอย่างตั้งแต่แว่นกันแดดที่ส่องประกายไปจนถึงพื้นหลังเสมือนจริงของป้ายไฟนีออนที่สะท้อนข้อความของเพลงได้ยกระดับประสบการณ์คอนเสิร์ตอย่างที่เราไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน การขึ้นความคิดเห็นแบบเรียลไทม์ของผู้ชมบนป้ายไฟและชื่อผู้ใช้บนดอกไม้ไฟช่างเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้ชมมีส่วนร่วม Tiktok แนะนำให้คนดู “มาร่วมแชร์ความรักผ่านแชทให้สว่างไสว!” และ ผู้ชมที่เข้ามานอกจากจะได้ดูเดอะ วีกเอนด์แล้วก็ยังได้เห็นความคิดเห็นและชื่อของพวกเขาที่ปรากฏขึ้นบนแสงไฟข้าง ๆ ศิลปินคนโปรดของพวกเขาอีกด้วย

อนาคตของคอนเสิร์ตในโลกแห่ง Metaverse

สถานการณ์โควิดอาจทำให้หลายคนหดหู่ใจที่ไม่ได้ชมคอนเสิร์ตจากศิลปินคนโปรด แต่คอนเสิร์ตเสมือนจริงของบรรดาศิลปินที่ตบเท้าเข้าสู่เมตาเวิร์สก็เป็นเสมือนแสงแห่งความหวังที่ได้ทำให้เราเห็นว่าประสบการณ์ทางดนตรีของผู้ชมนั้นได้ถูกยกระดับไปสู่อีกมิติหนึ่งจากวิกฤตจึงกลายเป็นโอกาสที่จะเปลี่ยนแปลงประสบการณ์ทางดนตรีของเราไปตลอดกาล อย่าง ABBA เองก็จะสามารถทำให้แฟน ๆ หลายพันคนได้สัมผัสประสบการณ์นี้ร่วมกัน โดยมีการแสดง 8 ครั้งต่อสัปดาห์ ซึ่งด้วยวัยแล้วมันเป็นอะไรที่ทรมานสังขารมาก (ต่อให้ยังรุ่น ๆ อยู่ก็เป็นอะไรที่ทรมานสังขารศิลปินอยู่ดี) ในทางกลับกันนอกจากศิลปินจะสามารถแสดงได้อย่างสะดวกดายแล้วสิ่งนี้ยังทำให้แฟน ๆ เข้าถึงได้ง่ายขึ้น ซึ่งดีกว่าการที่จะเข้าร่วมคอนเสิร์ตสดที่มีเพียงแค่วันเดียวเท่านั้น ในทำนองเดียวกันการแสดง Fortnite ของทราวิส สก็อตต์และอารีอานา กรานเด ก็ทำให้แฟน ๆ สามารถเข้าถึงปรากฏการณ์นี้ได้จากทุกที่ในโลก นอกจากนี้ในสภาพแวดล้อมที่ขับเคลื่อนด้วยอวทาร์ แฟน ๆ ยังสามารถเพลิดเพลินกับมันร่วมไปกับร่างอวทาร์ดิจิทัลของเพื่อน ๆ เพื่อเพิ่มความรู้สึกของการได้มีประสบการณ์ร่วมกันอีกด้วย

แน่นอนว่าสิ่งนี้ทำให้เกิดคำถามว่าเรากำลังมุ่งหน้าไปสู่อนาคตที่เหมือนกับในหนังเรื่อง The Matrix หรือไม่ ร่างกายของเราจะถูกเสียบเข้ากับเครื่องจักรอย่างถาวรและดื่มด่ำไปกับ ‘ความจริง’ ในโลก ‘เสมือน’ ไปตลอดกาลแบบนั้นรึเปล่า เป็นความจริงที่สังคมได้เคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วไปสู่ทิศทางนี้ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา และเราได้เห็นว่าประสบการณ์ออนไลน์นั้นสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้นและน่าดื่มด่ำมากขึ้นเรื่อย ๆ  จนเราแทบจะไม่อยากให้ร่างกายของเราต้องผ่านความยากลำบากและความรู้สึกไม่สบาย รวมไปถึงการเสี่ยงอันตรายจากการติดโรคระบาดอีกด้วย ลืมไปได้เลยกับฝนตกรถติดที่ทำให้ไปชมคอนเสิร์ตไม่ทัน หรือการเบียดเสียดยัดเยียดกับฝูงชนที่ร่วมชมคอนเสิร์ต หรือแม้กระทั่งความกลัวว่าจะติดโควิดจากการพบปะผู้คน

และจากคอนเสิร์ตของ ABBA ที่สร้างบรรยากาศเสมือนและทำให้ผู้ชมรู้สึกเหมือนได้ย้อนเวลาไปชมคอนเสิร์ตในยุค 70s อาจเป็นไปได้ว่าการใช้เทคโนโลยีนี้อย่างคุ้มค่าที่สุดในอีกมุมหนึ่งก็คือการที่ทำให้พวกเราได้ย้อนอดีตกลับไป จึงไม่เป็นเรื่องเกินไปหากเราจะจินตนาการว่าอีกไม่นานเราอาจจะได้เห็นคอนเสิร์ตเสมือนจริงจากศิลปินคนโปรดในตำนาน (ที่เราไม่มีโอกาสได้ชมอีกแล้วหรือเราเกิดไม่ทันยุคนั้น) อย่างเอลวิส เพรสลีย์ เดอะบีทเทิลส์ หรือว่าเนอร์วาน่าและอีกมากมาย หากสังคมเปลี่ยนแปลงไปในทางที่อายุและความตายไม่ได้เป็นอุปสรรคต่อศิลปินอีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงนี้จะส่งผลต่อศิลปะและวัฒนธรรมในวงกว้างอย่างไรกันบ้าง นั่นก็เป็นอีกเรื่องที่น่าคิดอยู่เหมือนกันนะ

Source

bernardmarr / virtualhumans / hypebeast / amplify.nabshow

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส