การที่มนุษย์ให้อาหารนกนั้น เป็นเรื่องปกติที่เราพบเห็นได้ทั่วไป ตามวัด ตามสวนสาธารณะ แต่การที่นกเกิดซาบซึ้งมนุษย์ที่ให้อาหารแล้วคาบของกระจุกกระจิกมาให้เป็นการตอบแทน นั่นเป็นเรื่องแปลกแล้วล่ะ อย่างเรื่องที่เกิดกับ เกบี แมนน์ (Gabi Mann)หนูน้อยวัย 8 ขวบ ในซีแอตเทิลนี่แหละ เธอให้อาหารนกกาในสวนที่บ้านของเธอเอง แล้วพวกมันก็สร้างความเซอร์ไพรส์ให้ด้วยการเอาของขวัญมามอบให้หนูน้อยเป็นประจำ แม้จะไม่ใช่ของที่มีมูลค่าแต่เป็นของที่มีค่าทางจิตใจ เพราะมาจากสัตว์โลกที่มอบให้ด้วยใจและเป็นการกระทำที่น่ารักมาก ๆ ซึ่งเกบีก็หวงแหนของขวัญเหล่านี้แล้วเก็บรักษาเป็นอย่างดี

ถาดให้อาหารกาของครอบครัวแมนน์

เรื่องราวความสัมพันธ์ของเกบีกับนกกานั้นเริ่มต้นโดยบังเอิญในปี 2011 ตอนนั้นเกบีอายุแค่ 4 ขวบ เธอนั่งกินนักเก็ตไก่อยู่ในรถ แล้วระหว่างที่เธอก้าวลงจากรถ ก็พลาดทำนักเก็ตไก่ร่วงไปบนพื้น นกกาที่อยู่บริเวณนั้น ก็พุ่งตัวมาจิกกิน พอกินแล้วก็เงยหน้ามองเกบี เผื่อว่าจะมีให้พวกมันกินอีก

ตั้งแต่นั้นเกบีก็เริ่มให้อาหารเล็ก ๆ น้อย ๆ กับเหล่ากาตลอดมา แม้กระทั่งตอนเช้าที่เธอไปโรงเรียน ระหว่างทางจากบ้านไปป้ายรถเมล์นั้นเกบีก็แบ่งอาหารจากกล่องอาหารกลางวันให้กับนกกา น้องชายของเกบีเห็นพี่สาวทำ ก็ทำตามด้วยเช่นกัน พอตอนบ่าย รถโรงเรียนมาส่งเกบีที่ป้ายรถเมล์ ก็จะมีนกกาเข้าแถวคอยเกบีอยู่ที่ป้ายรถเมล์แล้ว คาดหวังอาหารจากเกบีในรอบบ่าย

/

ลิซา แมนน์ และเกบี้

ลิซา แมนน์ (Lisa Mann) แม่ของเกบีรู้ดีว่าลูกสาวมีน้ำใจชอบเอาอาหารกลางวันแบ่งให้นกกากิน แต่เธอก็ไม่ว่าอะไร
“ฉันชอบที่เกบีและน้องชายมีจิตใจรักสัตว์และอยากจะแบ่งอาหารให้พวกมัน”

พอมาถึงปี 2013 ลิซาก็เริ่มเตรียมอาหารไว้ให้เกบีสำหรับนำไปให้นกกากินในแต่ละวัน เพื่อเกบีจะได้ไม่ต้องเจียดอาหารจากกล่องอาหารกลางวันอีกต่อไป กลายเป็นอีกหนึ่งกิจวัตรของครอบครัวนี้ ทุกเช้าเกบีจะเอาน้ำดื่มไปเทใส่อ่างน้ำ แล้วก็เอาถั่วไปใส่ในกล่องอาหารสำหรับนก เกบียังเอาอาหารหมาไปโรยไว้ทั่วสนามหญ้า ซึ่งขณะนั้นฝูงกาก็มาเกาะเต็มสายโทรศัพท์แล้ว ส่งเสียงดังกันจอกแจกระหว่างที่รอเกบีให้โปรยอาหาร หลังจากที่เกบีเริ่มกิจวัตรให้อาหารกาทุกเช้านี่ล่ะ ที่กาเริ่มเอาของขวัญมาให้เธอ

เจ้ากาฝูงนี้ก็น่ารักมาก พอพวกมันกินอาหารในถาดจนเกลี้ยงแล้ว ก็จะคาบเครื่องประดับแวววาวชิ้นเล็ก ๆ มาวางทิ้งไว้ในถาดอาหาร บางวันก็มีต่างหู, บานพับ, ก้อนหินที่มันเงา ของขวัญเหล่านี้ไม่ได้มาเป็นประจำทุกวัน ทิ้งช่วงห่างไป 2-3 วันก็มาที อะไรแบบนี้ แต่สังเกตได้ว่าของขวัญมักจะเป็นมีพื้นผิวมันเงา และชิ้นเล็กที่กาจะคาบมาได้

ของขวัญจากนกกา

จนมาถึงวันที่เกบีอายุได้ 8 ขวบ เรื่องราวของหนูน้อยที่ได้ของขวัญจากกาก็เริ่มเป็นที่รู้กันในวงกว้าง จนมีนักข่าวไปสัมภาษณ์และขอดูของขวัญเหล่านี้จากนกกา ซึ่งเกบีก็ยินดีที่จะอวดของสะสมของเธอ เธอเอากล่องเล็ก ๆ มาวางบนโต๊ะอาหาร แล้วก็เปิดฝาออกโชว์ให้นักข่าวดู

“พี่เข้ามาดูใกล้ ๆ ได้นะคะ แต่อย่าแตะมันแค่นั้นแหละ”
เธอพูดแกมหยอก พอพูดจบก็หัวเราะ

ในกล่องนั้น ยังมีถุงพลาสติกใสใบจิ๋วหลายใบวางเรียงกันเป็นแถวเรียบร้อย ถุงแต่ละใบก็มีข้อความแปะกำกับไว้ด้วย อย่างใบหนึ่งเขียนไว้ว่า
“จากกล่องอาหารบนโต๊ะดำ 14:30 น. วันที่ 9 พฤศจิกายน 2014”
ในถุงนั้นมีหลอดไฟที่แตกแล้ว ถุงอีกใบก็มีเศษแก้วสีน้ำตาล ที่ถูกน้ำทะเลซัดจนเรียบมน พอเห็นนักข่าวสนใจชิ้นนี้ เกบีก็รีบอธิบาย
“มันเป็นขวดเบียร์ค่ะ”

เเกบีในวัย 8 ขวบ

เกบีจัดระเบียบของสะสมของเธอเป็นหมวดหมู่ เกบีหยิบถุงซิปสีดำใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าแล้วกำมันไว้ในมือ แล้วบอกกับนักข่าวว่าในนี้ของโปรดของเธอ
“หนูเก็บมันไว้ในสภาพที่ดีที่สุดเท่าที่หนูจะทำได้”
ในถุงนั้นมีบอลขนาดจิ๋วสีเงิน, กระดุมสีดำ, คลิปกระดาษสีน้ำเงิน, ลูกปัดสีเหลือง, แผ่นโฟมสีดำซีด ๆ, ตัวต่อเลโกสีน้ำเงิน แต่ละชิ้นอยู่ในสภาพถลอกและสกปรก แต่สำหรับเกบีแล้ว ข้าวของเหล่านี้มีค่าต่อเธอยิ่งกว่าทองเสียอีก
เธอมองสิ่งของเหล่านี้ว่าเป็นของขวัญที่มีค่า เพราะมันมาจากเหล่านกกาที่ตอบแทนเธอ เกบียื่นจี้มุกทรงหัวใจให้นักข่าวดู เธอบอกว่านี่คือของขวัญที่มีค่าที่สุดที่เธอเคยได้จากนกกา
“เหมือนกับพวกเค้าอยากจะสื่อว่าพวกเค้ารักหนูมากขนาดไหน”

ลิชาเล่าว่าบางทีกาก็เอาของเน่าเหม็นมาให้ก็มี มีวันหนึ่งที่เธอต้องเอาก้ามปูที่เน่าแล้วไปทิ้ง

ฝาครอบเลนส์ ที่กาเอามาคืน

ลิซายังเล่าว่ามีครั้งหนึ่งเธอเองก็ได้ของขวัญสุดเซอร์ไพรส์จากนกกาด้วยเช่นกันเมื่อไม่นานนี้เอง ตัวลิซานั้นมีงานอดิเรกคือการถ่ายภาพ ไม่กี่สัปดาห์ก่อนให้สัมภาษณ์นี้ เธอตามถ่ายภาพนกอินทรีย์หัวล้านที่มาบินวนเวียนอยู่แถวหมู่บ้าน แล้วเธอก็เผลอเรอลืมฝาครอบเลนส์ทิ้งไว้ระหว่างถ่ายภาพในตรอกใกล้ ๆ บ้าน แล้วเธอก็มาเจอฝาครอบเลนส์ของเธอกลับมาอยู่บนขอบอ่างน้ำนก ลิซาฉงนมาก กาเก็บมันมาคืนให้ฉันเหรอ?
เธอหาความกระจ่างด้วยตัวเอง ลิซาไปเปิดกล้องวงจรปิดดู แล้วก็พบว่ามันเป็นฝีมือของกาจริง ๆ อย่างที่เธอคาด
“ฉันมองเห็นมันคาบฝาครอบเลนส์มาที่สนามหญ้าเลย แล้วก็เดินตรงมาที่อ่างน้ำ แล้วมันยังใช้เวลาครู่ใหญ่พยายามล้างทำความสะอาดฝาครอบเลนส์นี้ให้ด้วยนะ”
“ฉันมั่นใจเลยว่านี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ แต่เป็นความตั้งใจ พวกเค้าคอยสังเกตเราอยู่ตลอดเวลา แล้วรู้ว่าฉันทำฝาครอบเลนส์ตก แล้วพวกเค้าก็ต้องการนำมาคืน”

ละแวกบ้านของครอบครัวแมนน์

เป็นเรื่องราวที่อ่านแล้วชวนยิ้มให้กับความน่ารักไร้เดียงสาของสัตว์โลกใช่ไหมครับ แต่เรื่องราวกลับจบไม่สวยอย่างที่คาด เพราะในด้านสวยงามบริสุทธิ์ก็มีด้านลบที่เพื่อนบ้านของแมนน์ไม่ได้รู้สึกยินดีไปด้วยกับกิจวัตรให้อาหารฝูงกาเหล่านี้ ในเดือนพฤษภาคม 2020 บรรดาเพื่อนบ้านของแมนน์ได้รวมตัวกันฟ้องร้องครอบครัวแมนน์เป็นจำนวนเงิน 200,000 เหรียญ เป็นค่าเสียหาย และยังฟ้องร้องค่าชดเชยที่ไม่เปิดเผยจำนวน เหตุจากสภาพจิตใจตึงเครียดและการสูญเสียความสงบสุขในที่อยู่อาศัย โดยเจ้าทุกข์ได้ร่วมกันให้การว่า เพราะครอบครัวแมนน์ให้อาหารฝูงกา จึงทำให้มีนกกากว่า 100 ตัวมารวมตัวกันที่หมู่บ้านนี้แล้วส่งเสียงรบกวน ยังเป็นการดึงดูดเหล่าหนูมาที่หมู่บ้านนี้อีกด้วย ซึ่งเหล่าเจ้าทุกข์ยืนยันว่าก่อนหน้าที่ตระกูลแมนน์จะให้อาหารนกกา ไม่เคยพบเห็นหนูมากมายขนาดนี้มาก่อน

คดีความนี้ได้บรรลุข้อตกลงกันที่ว่า ครอบครัวแมนน์จะต้องจ่ายค่าเสียหายให้กับเหล่าเจ้าทุกข์ โดยตัวเลขที่ตกลงกันได้นั้นไม่ได้เปิดเผยต่อสาธารณชน ครอบครัวแมนน์ยังถูกสั่งควบคุมการให้อาหารนกไปอีก 8 ปี พวกเขายังคงให้อาหารฝูงกาได้ แต่ไม่เกินวันละ 4 ออนซ์เท่านั้น แล้วยังมีคำสั่งห้ามไม่ให้ส่งเสียงไล่นกที่จะเป็นการรบกวนเพื่อนบ้าน ไม่ว่าจะเป็นการตะโกนเสียงดัง หรือทุบตีหม้อ กระทะ กะละมัง

แอนนา จอห์นสัน ทนายของทางฝั่งโจทก์ บอกว่าเธอได้ยื่นฟ้องครอบครัวแมนน์มาตั้งแต่ปี 2015 นู่นแล้ว เริ่มต้นสวยงามแต่จบเครี้ยดเครียด

อ้างอิง อ้างอิง