ตั้งแต่ เจมส์ กันน์ (James Gunn) และ ปีเตอร์ ซาฟราน (Peter safran) เข้ารับตำแหน่งผู้บริหารจักรวาลหนังดีซี หรือ DCU ก็มีข่าวเรื่องโปรเจกต์โดนยกเลิกแทบทุกวันเลยเชียว ล่าสุดก็มีข่าวใหม่ออกมาอีกว่า Black Adam โปรเจกต์สุดรักของ ดเวย์น จอห์นสัน (Dwayne Johnson) น่าจะหยุดอยู่แค่เพียงภาคแรกนี้เท่านั้น เพราะเป็นอีกเรื่องที่ไม่สอดคล้องกับแผนการระยะยาวของ เจมส์ กันน์ และ ปีเตอร์ ซาฟราน ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีหลาย ๆ เรื่องถูกยกเลิกไปแล้ว อย่างเช่น Wonder Woman 3

เจมส์ กันน์ และ ปีเตอร์ ซาฟราน 2 ผู้บริหารที่สร้างข่าวแบบวันเว้นวัน

ที่จริงแล้ว วี่แววที่ Black Adam ไม่น่าจะมีอนาคตในจักรวาลดีซีภายใต้ 2 ผู้บริหารใหม่นั้น ก็ส่อเค้ามาตั้งแต่ เฮนรี่ คาวิลล์ (Henry Cavill) ออกมาแจ้งข่าวกับแฟน ๆ ว่า เขาขอยุติบทบาท Superman ในจักรวาลดีซี ทั้งที่เขาเพิ่งมาปรากฏตัวเซอร์ไพรซ์แฟน ๆ ในฉากจบของ Black Adam สร้างความตื่นเต้นต่อแฟน ๆ ที่จะได้เห็น 2 จอมพลังซัดกันบนจอ เหตุที่คาวิลล์ต้องจำใจโบกมือลา ก็มาจากตัว เจมส์ กันน์ ที่ต้องการยกเครื่องหนัง Superman เวอร์ชันใหม่ กับนักแสดงคนใหม่ ภายใต้บทภาพยนตร์ที่รอบนี้เขาลงมือเขียนเอง

เมื่อหนทางของ เจมส์ กันน์ กับ เฮนรี่ คาวิลล์ ไม่ลงรอยกันแล้ว การโบกมือลาของคาวิลล์จึงมีผลกระทบต่ออนาคตของหนัง Black Adam โดยตรง ย่อมสร้างความไม่พอใจให้กับ ดเวย์น จอห์นสัน ที่เขาพยายามปลุกปั้นโปรเจกต์ Black Adam มาอย่างยาวนาน ถึงกับไปง้อให้ เฮนรี่ คาวิลล์ ยอมกลับมาสวมชุดซูเปอร์แมนด้วยตัวเอง เพื่อไปสู่เป้าหมายของเขาที่จะให้คนดูได้เห็น Black Adam กับ Superman ซัดกันบนจอใหญ่

Black Adam VS Superman ภาพที่เราไม่ได้เห็นอีกต่อไป

ไม่นานนัก หลังจากที่คาวิลล์แจ้งข่าวร้าย ก็มีแฟน ๆ สังเกตเห็นว่า ดเวย์น จอห์นสัน ได้อันฟอลโลว์เพจทางการของหนัง Black Adam ซึ่งการกระทำนี้ส่อแววเลยว่า เขาจะวางมือไม่ขอเกี่ยวข้องกับจักรวาลดีซีตามหลังคาวิลล์ไปอีกราย นั่นแปลว่าจะไม่มีหนัง Black Adam ภาคต่อให้ได้เห็น

นอกเหนือจากเหตุที่ว่า Black Adam ไม่อยู่ในแผนการใหม่ของกันน์และซาฟรานแล้ว หนัง Black Adam ก็ทำรายได้ไม่เปรี้ยงปร้างดังคาด หนังทำรายได้ทั่วโลกไปเพียง 385 ล้านเหรียญ แน่นอนว่าไม่คุ้มกับทุนสร้างมหาศาลที่วอร์เนอร์เทงบไปให้ถึง 230 ล้านเหรียญ เมื่อผลออกมาแบบนี้ ก็เป็นไปได้ยากที่วอร์เนอร์จะกล้าลงทุนกับหนังภาคต่อ ยิ่งไม่มี เฮนรี่ คาวิลล์ มาช่วยเรียกความสนใจจากแฟน ๆ ด้วยแล้ว ก็ไม่ต้องคาดหวังอีกต่อไปครับ จากนี้ไปก็คอยติดตามอนาคตของดีซีภายใต้ 2 ผู้บริหารเลือดใหม่ไฟแรงกัน ว่าในขณะที่ยกเลิกโปรเจกต์ต่าง ๆ ไปแทบหมดสิ้น โปรเจกต์ใหม่ ๆ ภายใต้วิสัยทัศน์ของกันน์และซาฟราน จะน่าสนใจและฟื้นคืนชีพให้กับดีซีได้จริงแท้แค่ไหน

ที่มา