วันพุธที่ 30 ธันวาคม วัคซีนป้องกัน COVID-19 ของ Oxford และ AstraZeneca ได้รับอนุญาตจาก  MHRA หรือ อ.ย. ของอังกฤษเพื่อใช้ในกรณีฉุกเฉินในประเทศอังกฤษได้แล้ว หลังจากที่อังกฤษได้อนุญาตวัคซีนของ Pfizer เป็นประเทศแรกของโลกเมื่อ 2 ธันวาคมพร้อมสั่งจองวัคซีน 40 ล้านโดส (สำหรับประชาชน 20 ล้านคน) และได้ฉีดวัคซีนเข็มแรกของโลกให้กับประชาชนกลุ่มเสี่ยงของอังกฤษเมื่อ 8 ธันวาคม

วัคซีนเข็มแรกของ Oxford และ AstraZeneca จะเริ่มฉีดใน 4 มกราคม ซึ่งสัปดาห์หน้าจะเริ่มกระจายวัคซีนออกไป 530,000 โดสให้แก่ผู้สูงอายุและเจ้าหน้าที่ด้านสาธารณสุขที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงและได้สั่งจองวัคซีนไว้ถึง 100 ล้านโดส สำหรับประชาชน 50 ล้านคน โดยช่วงแรกจะฉีดให้แก่ผู้ที่อายุมากกว่า 50 ปีและเด็กรวมมากกว่า 25 ล้านคน

วัคซีนป้องกัน COVID-19 ของ Oxford และ AstraZeneca มีประสิทธิภาพป้องกันไวรัสได้ 70.4% มีข้อดีที่สามารถแช่ในตู้เย็นปกติได้จึงง่ายและสะดวกต่อการขนส่ง เหมือนกับวัคซีนของ Moderna ที่ป้องกันไวรัสได้ 94.5% แต่แตกต่างจากวัคซีนของ Pfizer จะต้องเก็บไว้ที่อุณหภูมิ – 70 องศาเซลเซียสได้นาน 6 เดือนหรือเก็บในตู้เย็นได้นาน 5 – 15 วัน ป้องกันไวรัสได้ 95%

การอนุมัติเร่งด่วนของ อ.ย. อังกฤษครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่มีการตรวจพบไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ B.1.1.7 ในอังกฤษ (ไวรัสกลายพันธุ์) ที่สามารถแพร่ระบาดได้อย่างรวดเร็ว จนต้องมีคำสั่งล็อกดาวน์ในประเทศอีกครั้งในช่วงวันหยุดเทศกาลคริสต์มาส ซึ่งตอนนี้ได้พบผู้ติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ที่สหรัฐฯ แล้วในโคโลราโดและล่าสุดในแคลิฟอร์เนีย

นอกจากนี้ปลายเดือนที่ผ่านมารัฐบาลไทยได้อนุมัติจองวัคซีนป้องกัน COVID-19 ของ AstraZeneca แล้ว 26 ล้านโดสสำหรับประชาชน 13 ล้านคน ซึ่งเชื่อว่าการอนุญาตใช้วัคซีนในอังกฤษจะเป็นสัญญาณที่ดีว่าไทยก็สามารถนำวัคซีนมาฉีดได้ไม่นานเกินรอ ส่วนจะได้รับมอบวัคซีนชุดแรกและฉีดเข็มแรกในช่วงใดก็ต้องติดตามความคืบหน้ากันต่อไป

ที่มา : cnet และ bbc

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส