Sennheiser แบรนด์หูฟังและไมโครโฟนชั้นนำจากเยอรมันก็ได้มีการเปิดเผยแผนกลยุทธต่าง ๆ ภายในปี 2017 นี้ โดยปีที่ผ่านมาทาง Sennheiser ก็ได้มีการเติบโตในระดับ 2 digits โดยได้เผยว่าพวกเขาจะเน้นการสนับสนุนทางด้านกีฬา E-Sport ที่มีผู้ชื่นชอบในการรับชมแล้วกว่า 400 ล้านคนทั่วโลกในปัจจุบันและคาดการณ์ว่าจะเติบโตขึ้นเป็น 600 ล้านคนในปี 2020 ทั้งด้านทีมและด้านงานแข่งขัน และเขาจะเน้นตลาด PC มากกว่าตลาดเกม Console เพราะจำนวนฐานผู้เล่นที่มากกว่ามหาศาลบน Platform ชื่อดังอย่าง Steam รวมไปถึง Battle.net ที่มีผู้ใช้งานเป็นจำนวนมากมายมหาศาลต่อวัน โดยจะเน้นไปที่ผู้ใช้งานระดับ Hard-Core ไปจนถึงระดับ Streamers และระดับ PRO ที่ต้องการความแม่นยำ-ชัดเจนของหูฟังและไมโครโฟนที่สูงนั่นเอง

โดยในฝั่ง SEA ประเทศไทยก็ถือว่าเป็น 1 ในประเทศที่ชื่นชอบกีฬา E-Sport เป็นอย่างมากด้วยสัดส่วนผู้รับชมกว่า 1.1 ล้านคน จึงเรียกได้ว่าตลาด E-Sport เป็นอีก 1 ช่องทางที่ทาง Sennheiser ได้เข้ามาทำตลาดทั้งการสนับสนุนงาน Event game ต่าง ๆ ทั่วโลกและรวมไปถึงงานเปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวของกับ E-Sport โดยเฉพาะงาน Thailand Game Show Big Festival ที่ Sennheiser ก็เป็น 1 ในแบรนด์ที่เข้ามาสนับสนุนการจัดงานเช่นกัน แต่มาในรูปแบบของบริษัทร่วม ไม่ได้มาแบบตั้งบูธเดี่ยว ๆ แต่อย่างใด ซึ่งเขาก็ได้เปิดเผยว่ากำลังมองหาทีมแข่งเกม E-Sport ในไทยที่จะสนับสนุนการแข่งขันอย่างเป็นทางการอยู่เหมือนกัน และกำลังมองหาช่องทางการสนับสนุนผ่านการแข่งขันเกมในอนาคตอีกด้วย

โดย Sennheiser ก็ได้เปิดเผยว่าผู้ที่มี Headset ไว้ในครอบครองส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงอายุ 21 – 35 ปี ส่วนที่มีหูฟังของ Sennheiser จะอยู่ในช่วง 26 – 35 ปี

หน้าตาของหูฟังที่จะเปิดตัวภายในปีนี้ของ Sennheiser ซึ่งแน่นอนว่าออกแบบมาเพื่อเหล่านักกีฬา E-Sport โดยเฉพาะ โดยมาพร้อม Dolby Surround 7.1 รับเสียงได้รอบทิศเพื่อการตอบสนองที่ดีในการเล่นเกม และเขาก็ยังมี Software ที่ออกแบบมาเพื่อหูฟังโดยเฉพาะอีกด้วย ซึ่งจะมีทั้งระบบ EQ ปรับโทนเสียงทำให้เราสามารถปรับให้หูฟังสำหรับการเล่นเกมกลายเป็นหูฟังสำหรับฟังเพลงได้ และระบบ Noise Cancelling microphone ตัดเสียงรบกวนของไมค์ได้ซึ่งเป็นอีก 1 Function ที่หลาย ๆ คนต้องการมาก สุดท้ายคือ Sidetone สำหรับการรับฟังเสียงของตัวเอง ซึ่งแน่นอนว่าจำเป็นมากสำหรับหูฟังแบบปิดเพราะเราจะแทบไม่ได้ยินเสียงตัวเองเลย ซึ่งระบบนี้สามารถเปิด – ปิดได้ตามความต้องการของเรา โดยราคาเริ่มต้นจะอยู่ที่ 3,990 บาท สำหรับรุ่น GSP 300 นั่นเอง

และไม่เพียงแค่ Headset เพียงอย่างเดียว แต่ทาง Sennheiser เขาก็ได้มี Accessory เสริมสำหรับการใช้งานร่วมกับหูฟังอีกด้วยไม่ว่าจะเป็นสาย สำหรับการต่อเชื่อมกับมือถือหรือ PC และ AMP สำหรับการสร้างเสียงที่มีประสิทธิกว่าเดิม ใช้ได้ทั้ง Headset และลำโพง ซึ่งถือว่าเป็นอุปกรณ์ที่ช่วยขับประสิทธิภาพของเครื่องเสียงคุณได้เป็นอย่างดี

ซึ่งสุดท้ายนี้ทาง Sennheiser ก็ได้ประกาศถึงจุดยืนของว่าจะเน้นการทำ Headset ในรูปแบบมีสายมากกว่าการทำหูฟังแบบ Bluetooth เนื่องจากปัญหาทั้งในด้านของแบตเตอรี่ที่มีโอกาสหมดระหว่างการแข่งขัน รวมไปถึงเรื่องของ Latency ที่อาจส่งผลต่อผลแพ้ชนะในเกมนั้น ๆ เลยก็ว่าได้ ดังนั้นจึงเน้นการพัฒนาหูฟังในรูปแบบ Headset รวมไปถึงอุปกรณ์สำหรับต่อเชื่อมอย่างแอมป์ หรืออื่น ๆ เพื่อให้การใช้งานเป็นไปได้อย่างราบลื่น ไม่มีสะดุด ทำให้คุณสามารถคว้าชัยชนะในการแข่งขันได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งกว่าที่เคย