ASUS เปิดตัวสินค้าล่าสุดตระกูล ZenBook, ZenBook Flip และ ZenBook Pro ณ งาน IFA 2018 จัดแสดงสินค้าในตระกูล ZenBook ที่มาพร้อม 8th Generation Intel® Core™ processors รุ่นล่าสุด โดยชูแนวคิด ‘Unleash you creative power’ หรือ การปลดปล่อยพลังแห่งความคิดสร้างสรรค์ที่มีในตัว มาพร้อมประสิทธิภาพดีเยี่ยมและการสร้างสรรค์เทคโนโลยีเข้าไว้ด้วยกัน

โดยที่เปิดตัวทั้งสิ้น 4 รุ่นใหญ่ ๆ ด้วยกันดังนี้

  • ZenBook 13 (UX331), ZenBook 14 (UX431) และ ZenBook 15 (UX533) โน้ตบุ๊กขนาด 13.3 นิ้ว, 14 นิ้ว และ 15.6 นิ้ว ตามลำดับ
  • ZenBook Flip 13 (UX362) และ ZenBook Flip 15 (UX562)
  • ZenBook Pro 15
  • ZenBook S (UX391FA)

Zenbook 13, 14, 15

โน๊ตบุ๊คสุดล้ำที่มาพร้อมกับความบางสุด ๆ บนหน้าจอ ‘NanoEdge’ ไร้ขอบ ที่แสดงผลกว่า 95% ของขนาดหน้าจอ และนวัตกรรม ErgoLift  ซึ่งเป็นกลไกบานพับที่ช่วยให้การพิมพ์งานสะดวกสบายขึ้น โดยมาพร้อมจุดเด่นอย่าง “NumberPad” แผงปุ่มกดตัวเลข LED บน Touchpad ที่สามารถใช้งานควบคู่ไปกับการควบคุมเม้าส์ได้อีกด้วย

สเปคของตัวเครื่องมาพร้อม CPU 8th Generation Intel® Core™ i7 processor, integrated gigabit Wi-Fi สำหรับ Intel Wireless-AC 9560 chip, และ up to NVIDIA® GeForce® GTX 1050 Max-Q graphics. จัดเต็มให้คุณแบบสุด ๆ ไปเลย

จุดเด่น

  • เครื่องบางเบา เพียง 13.9 mm น้ำหนักเพียง 985 กรัม แต่แข็งแรง และสวยงามมีสไตล์
  • สเปคไม่ธรรมดาสำหรับ Ultrabook เครื่องบางระดับนี้
  • แบตเตอรี่อยู่ได้นานถึง 15 ชั่วโมง
  • มาพร้อมลำโพง Harman Kardon จัดเต็มด้านเครื่องเสียง

ZenBook Flip 13, 15

สำหรับใครที่ชอบใช้ Notebook ที่สามารถปรับเปลี่ยนการใช้งานหลายรูปแบบได้ ZenBook Flip 13 และ 15 ถือได้ว่าเป็นโน้ตบุ๊คแบบพับหมุนจอได้ขนาด 13.3 นิ้ว และ 15.6 นิ้ว ที่มีขนาดตัวเครื่องเล็กกว่ารุ่นก่อนหน้า ถึงกว่า 10% ทำให้ทั้งสองรุ่นมีขนาดกะทัดรัดที่สุดในโลก ที่มาพร้อมกับ NumberPad รูปแบบใหม่เช่นเดียวกัน

มีความทรงพลังด้วยโปรเซสเซอร์รุ่นล่าสุด 8th Generation Intel® Core™ i7 ที่ติดตั้งมาพร้อมกับ gigabit Wi-Fi ที่ได้ปรับแต่งมาอย่างเหมาะสมสำหรับชิพ Intel Wireless-AC 9560 และ ZenBook Flip 15 ได้มีการเพิ่มกราฟิกการ์ดแยกแบบประสิทธิภาพสูงอย่าง NVIDIA® GTX 1050 Max-Q และหน้าจอ PANTONE® Validated ที่มีค่า Delta-E ต่ำเป็นพิเศษ โดยต่ำกว่า 2 สำหรับรุ่น 4K UHD และต่ำกว่า 3 สำหรับรุ่น FHD

สำหรับการแสดงสีสันที่เที่ยงตรง ทั้งสองรุ่นยังมาพร้อมกับกล้องแบบ world-facing ที่ถูกออกแบบมาเป็นพิเศษสำหรับแอพพลิเคชั่น mixed-reality ที่สามารถนำเอากล้อง ZenBook Flip 13 และ 15 ไปถ่ายภาพวัตถุเพื่อนำมาใช้ในโปรแกรม 3D ได้อีกด้วย แถมได้รับการทดสอบความทนทานตามมาตรฐานทางการทหาร MIL-STD-801G สำหรับความทนทานและความมีเสถียรภาพในการใช้งาน

จุดเด่น

  • บาง เบา แต่มีความแข็งแรงทนทาน
  • ปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้งานได้หลายแบบ
  • มีกล้องที่สามารถใช้งานคู่กับแอป Mix-Reality ถ่ายวัตถุ 3 มิติได้ทันที

ZenBook Pro

อีก 1 นวัตกรรมล่าสุดจาก ZenBook ที่รอบนี้เขาไม่ได้มาแค่จอเดียว แต่มาพร้อมกับ Screenpad ซึ่งสามารถทำหน้าที่เป็นจอเสริมได้ แถมสเปคไม่ธรรมดาเพราะมาพร้อมกับ CPU ที่สามารถเลือกได้สูงสุดถึง i9-8950HK เลยทีเดียว ส่วนเรื่องของกล้องหน้าจะอยู่ทางขอบบนของตัวหน้าจอ ถึงแม้จะขอบบางมาก ๆ แต่เขาก็เข้าใจว่า ถ้าเอามาไว้แถบด้านล่าง จะทำให้มุมมองเวลาพูดคุยกันแปลกไป

  • มาพร้อมหน้าจอขนาด 15.6 นิ้วแบบ IPS ความละเอียด Full HD หรือ 4K UHD
  • หน่วยประมวลผล Intel Core i5-8300H, i7-8750H, i9-8950HK
  • หน่วยความจำแรม 8, 16 GB แบบ DDR4
  • HDD: 1TB / 512GB PCIe SSD หรือ 512GB / 256GB SATA3 SSD
  • การ์ดจอ NVIDIA GeForce GTX 1050 Max-Q
  • กล้องหน้าความละเอียด 720p
  • แบตเตอรี่แบบ 71Wh 8-cell ที่ทาง ASUS ยืนยันว่าสามารถใช้งานได้ยาวนานต่อเนื่อง 9 ชั่วโมง
  • Port: Thunderbolt 3 จำนวน 2 พอร์ต, USB 3.2 Type-A จำนวน 2 พอร์ต, HDMI ช่องหูฟังและช่องเสียบที่ชาร์จ
  • ปลดล็อคเครื่องผ่าน Contana และบริการ Amazon Alexa voice ได้อีกด้วย
  • น้ำหนัก 1.88 Kg ถือว่าเบามากเมื่อเทียบกับขนาดจอ

ZenBook S UX391UA

Play video

และสุดท้ายกับ Ultrabook รุ่นล่าสุดจาก ZenBook ที่ปลดขีดจำกัดของ Ultrabook ไปอีกขั้น ด้วยความบางของเครื่องเพียง 12.9 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1 กิโลกรัม และยังมาพร้อมดีไซน์สุดเก๋ ErgoLift ที่ช่วยให้เครื่องสามารถระบายความร้อน + เพิ่มขีดความสามารถของลำโพงได้ดียิ่งกว่าเดิมแถมทำให้คุณพิมพ์งานได้สะดวกยิ่งขึ้นอีกด้วย

มาพร้อม Windows 10 Pro จัดเต็มสเปคเครื่องโดยเฉพาะเรื่องของ CPU Core i7 รุ่นใหม่ล่าสุดที่ไม่เคยเปิดตัวในตลาดมาก่อน และหน้าจอขนาด 4K UHD 3840×2160 sRGB 100% ที่บางเพียง 5.9 มิลลิเมตร แบตเตอรี่ 50WH ทำงานได้ 13 ชั่วโมง และมี Fast Charge ที่ชาร์จแบตฯได้ 60% เพียง 49 นาที

ในด้านระบบระบายความร้อนจะมาพร้อมพัดลมที่ใบพัดบางเพียง 0.3 มิลลิเมตร ทำให้ระบบระบายความร้อนทำงานได้อย่างเต็มที่กว่ารุ่นก่อน ๆ

ใช้การเชื่อมต่อ USB-C 3 Slot ที่มาพร้อม Thunderbolt 3 อีก 2 Slot ทำให้คุณสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่รองรับได้เป็นอย่างดี (และถ้าใครอยากต่อ USB ปกติก็ต้องหาซื้อ Adapter เอามาเชื่อมต่อด้วยตนเองครับ)

อีกเรื่องที่ค่อนข้างล้ำกว่าใครคือ การมาของ Alexa ในเครื่อง ทำให้เราสามารถพูดคุย สั่งการด้วยเสียงได้อย่างง่ายดายแบบสุด ๆ

และที่ขาดไม่ได้เลยคือความคงทนของ ZenBook S นี้มาในระดับ Military Grade ที่ทนทานทุกสภาวะแวดล้อม งานนี้จะบุกน้ำลุยไฟ ทำได้สบาย ๆ

Play video

และสุดเด่นที่สำคัญสุด ๆ คือ มาพร้อมสีที่จะเป็น Limited รุ่นเดียวโดยเฉพาะอย่างสี Burgundy Red อีกด้วย

ที่เขาเลือกสีนี้เพราะเขาเชื่อว่า สีแดงเป็นสีที่สามารถนำมาใช้นอกเหนือจากความสวยงาม ร้อนแรง แต่ยังแฝงไปด้วยความหรูหรา มีสไตล์ได้อีกด้วย และสีแดง Burgundy นี้ยังเป็นที่ชื่นชอบของเหล่าศิลปินดัง ๆ อีกด้วย

ก็เรียกได้ว่าจัดเต็มกันแบบสุด ๆ ทั้ง 4 รุ่น 4 สไตล์ กับ ZenBook ในปี 2018 นี้ครับ