มาสเตอร์การ์ดเผยข้อมูลน่าสนใจในด้าน FinTech จากงาน SFF X SWITCH ที่ประเทศสิงคโปร์ โดยได้เปิดตัว Platform ใหม่ Mastercard FinTech Express ซึ่งเป็นการเปิด API ที่รองรับการเข้ามาของ Startup สายการเงินให้สามารถเชื่อมต่อและสร้างสรรค์สิ่งต่าง ๆ ได้ผ่าน Platform นี้ ซึ่งได้เปิดตัวพาร์ตเนอร์คนแรกคือ Rapyd ผู้ให้บริการเทคโนโลยีทางการเงินระดับโลก

Rapyd ทำอะไรบ้าง?

  • รองรับการชำระเงินด้วยเงินสด การโอนผ่านธนาคาร กระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ และบัตรเดบิตได้กว่า 100 ประเทศ
  • รองรับการชำระเงินได้กว่า 170 ประเทศ
  • รองรับการชำระเงินหลายสกุลเงิน รวม 65 สกุลเงิน
  • บริการแลกเปลี่ยนสกุลเงินต่างประเทศแบบ Real-Time
  • บริการรู้จักลูกค้า (Know Your Customer: KYC) และระบบป้องกันการฟอกเงิน (Anti-Money Laundering: AML) รวมไปถึงต่อต้านการสนับสนุนทางการเงินแก่การก่อการร้าย (Counter Financing Terrorism: CFT)

ซึ่ง Mastercard FinTech Express สร้างขึ้นเพื่อเข้าถึงบริษัทด้านเทคโนโลยีให้ทำงานร่วมกับ Mastercard ได้ง่ายขึ้นผ่านเทคโนโลยี FinTech และสร้างการเติบโตที่รวดเร็ว พร้อมลดขั้นตอนการทำงานจากเดิมที่ต้องใช้เวลาติดต่อหลายเดือน เหลือการดำเนินการเพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ก็สามารถเชื่อมระบบ API ระหว่าง Mastercard และ Rapyd ได้อย่างง่ายดาย

Mastercard FinTech Express

ซึ่งการมาของ Mastercard FinTech Express เป็นการเข้ามา Accelerate ธุรกิจด้านการเงินได้อย่างตรงจุด เพราะ Mastercard ถือว่าเป็น 1 ในสถาบันการเงินที่สามารถใช้งานได้ทั่วโลก ซึ่งการเปิดตัวในฝั่ง Asia-Pacific ครั้งนี้เกิดขึ้นจากการมองเห็นถึงปัญหาของคนในปัจจุบันที่ต้องการความเร็วในการชำระเงิน รวมถึงความปลอดภัยด้านข้อมูล ซึ่ง Mastercard ก็มองเห็นว่าแอปฯ Rapyd มีการเติบโตแบบ Scale ที่สูงขึ้น และมี Potential ในการเติบโตอย่างมากในระดับ Global ซึ่งการร่วมมือในครั้งนี้ก็จะช่วยให้ทั้ง Rapyd สามารถเติบโตได้อย่างก้าวกระโดด และ Mastercard ก็รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งในความร่วมมือครั้งนี้

ซึ่ง Mastercard Fintech Express พร้อมผลักดันธุรกิจยุคใหม่ 4 วิธีดังนี้

  • ผลักดันผลิตภัณฑ์ที่พร้อมจะสร้างความแตกต่างเพื่อเป็นธุรกิจรูปแบบใหม่
  • สร้างสภาพคล่องให้กับธุรกิจ
  • สร้างความรวดเร็วในการดำเนินการ
  • พร้อมผลักดันให้เติบโตในระดับ Global

เพราะวันนี้การเติบโตในฝั่ง Asia-Pacific ด้านการใช้อุปกรณ์มือถือในการเข้าถึงการเงินนั้นสูงขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากแคมเปญจ์ Cashless Society ที่ถูกประกาศใช้ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ทำให้วันนี้จำเป็นต้องมีตัวช่วยในด้านการเงินที่มีประสิทธิภาพ มีความปลอดภัย และสามารถใช้งานได้ทั่วโลก และพร้อมใช้งานได้แบบ Real-time นั่นเอง

สิ่งที่ Mastercard ตั้งใจสร้างในโลกของ FinTech

เรียกว่า Mastercard FinTech Express จะกลายเป็น 1 ใน Accelerate Program แห่งใหม่ที่เปิดให้ Startup ด้าน FinTech เข้าถึงได้อย่างเต็มที่ โดยไม่ได้จำกัดจำนวนผู้เข้าร่วม ซึ่ง Mastercard ถือได้ว่าเป็น 1 ในผู้อยู่เบื้องหลังของระบบ FinTech ซึ่งการทำระบบนี้ขึ้นมาก็เหมือนกับการสร้าง Ecosystem แห่งใหม่ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ Startup เหล่านี้ที่มีความตั้งใจในการพัฒนา FinTech ไปในด้านที่ดียิ่งขึ้น

Mastercard & Tappy

Wayne Leung, CEO of Tappy Technologies Ltd

อีก 1 สิ่งที่น่าสนใจคือการประกาศความร่วมมือระหว่าง Mastercard และ Tappy ซึ่งเป็น Wearable Token Service Provider (WTSP™) ระบบที่สามารถเปลี่ยนเครื่องประดับติดตัวทั่วไปให้กลายเป็นอุปกรณ์ Smart Devices ที่สามารถชำระเงินได้ โดยไม่จำเป็นต้องเป็น Smartband หรือ Smartwatch อีกต่อไป ซึ่งการร่วมมือกับ Mastercard ครั้งนี้ก็สามารถทำให้ Tappy กลายเป็นอุปกรณ์ที่สามารถชำระเงินผ่านระบบบัตรเครดิตได้ทั่วโลก ผ่านเครื่องประดับที่ติดตัวเราเป็นประจำ ก็สามารถเอามาใช้งานได้ โดยชำระผ่านระบบ PayPass ของ Mastercard ที่รองรับบนเครื่องรูดบัตรทั่วโลกนั่นเอง

แน่นอนว่าปัจจุบันแบรนด์เครื่องประดับต่าง ๆ นั้นถือได้ว่าเป็นแบรนด์ที่เกิดขึ้นมาในโลกแล้วอย่างยาวนาน ซึ่งหลายแบรนด์ก็กำลังมองหาสิ่งที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงตัวเองโดยที่ไม่ส่งผลกระทบกับผลิตภัณฑ์ที่พวกเขาได้บรรจงสร้างสรรค์ขึ้นมา และ Tappy ก็น่าจะกลายเป็น 1 ในคำตอบที่ทำให้เครื่องประดับธรรมดาที่ถูกใช้งานทั่วไป กลายเป็น 1 ในอุปกรณ์ Smart Devices ได้อย่างลงตัว

ซึ่ง Tappy ได้ทำการศึกษาและเข้าถึง Wearable Tech มาแล้วกว่า 10 ปี และเข้าใจว่า Smart Device ต่าง ๆ หลายแบรนด์ที่ผลิตออกมานั้นไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อการชำระเงินเพียงอย่างเดียว แต่จะเน้นด้านสุขภาพเป็นหลักเสียมากกว่า และหลายคนก็อาจจะไม่ชอบดีไซน์ของ Smart Devices เหล่านั้น แต่การมาของ Tappy นี้ก็จะตอบโจทย์กลุ่มผู้ชื่นชอบความสวยงาม และเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ได้ ซึ่งระบบของ Tappy เป็นระบบที่ไม่ต้องใช้แบตเตอรี่ เพียงใช้แอปฯ เพื่อทำการติดตั้ง Digital Token ผ่านระบบมือถือโดยใช้ระบบ NFC เพื่อส่ง Digital Token ไปฝังไว้ในอุปกรณ์เหล่านั้นไม่ว่าจะเป็นกำไลข้อมือ นาฬิกา แว่นตา พวงกุญแจและสร้อยคอ พอลงทะเบียนเรียบร้อย เราก็สามารถใช้อุปกรณ์เหล่านั้นในการแตะเข้ากับเครื่องรูดบัตรที่รองรับ PayPass เท่านั้นเอง

Mastercard Engage

สิ่งนี้เกิดขึ้นได้โดย Mastercard ได้พัฒนา Platform ใหม่นั่นคือ Engage ซึ่งเป็นระบบสำหรับการเชื่อมต่อระหว่าง fintechs และธนาคาร โดยที่พ่อค้าหรือผู้ใช้งานสามารถนำเอาระบบนี้ไป implement เข้ากับระบบของเขาได้ ทำให้เราสามารถใช้บัตรเครดิต Mastercard 1 ใบในการเชื่อมต่ออุปกรณ์หลากหลายตัวที่ใช้ระบบต่าง ๆ ได้แบบไร้รอยต่อ

และจุดเด่นสำคัญคือในด้านความปลอดภัยนั้น ก็จะสามารถทำการโทรฯ เพื่อแจ้งระบบเพื่อทำการอายัติการ์ดที่เชื่อมต่อกับอุปกรณ์นั้น ๆ ได้เช่นเดียวกับการทำบัตรเครดิตหาย และมั่นใจได้ว่าอุปกรณ์ที่เราทำหายจะมีข้อมูลสำคัญของเราอยู่ เพราะ Digital Token เหล่านี้เป็นแค่ 1 ในก็ไม่ทำให้การ์ดของคุณนั้นถูกขโมยข้อมูลออกไป ก็ทำให้มั่นใจได้ว่า เมื่อเครื่องประดับชิ้นนั้นหาย ข้อมูลส่วนตัวของเราก็จะไม่หลุดออกไป ซึ่งจะเริ่มมีผลิตภัณฑ์ในรูปแบบนี้วางจำหน่ายภายในปี 2020 ที่จะถึงนี้อย่างแน่นอน

และนอกจากนี้ Mastercard ยังมีเทคโนโลยีที่ได้เปิดตัวภายในงาน SFF X SWITCH นี้อีกมากมาย ซึ่งแต่ละอย่างก็มีความน่าสนใจแตกต่างกันไป แต่อย่างไรก็ตามจุดเด่นสำคัญที่สุดในปีนี้คือการร่วมกันกับ FinTech ทุกค่ายในการเปิดตัว Green Finance เพื่อช่วยเหลือโลกของเราที่ ณ ปัจจุบันมีความเปลี่ยนแปลงไปในด้านที่แย่ลงอย่างมาก ตั้งแต่ภาวะโลกร้อน น้ำแข็งขั้วโลกละลาย พวกเขาจึงตั้งใจสร้างเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่จะเข้ามาช่วยให้โลกของเรามีความเขียวขจี สวยงามน่าอยู่ยิ่งกว่าที่เคยมีมา

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส