ปัจจุบันโลกของการค้าขายออนไลน์เป็นอีก 1 สิ่งที่ทุกคนที่ใช้งานมือถือนั้นเข้าไปใช้บริการอยู่เป็นประจำ ซึ่งมีผลสำรวจว่า คนไทยชอปออนไลน์สูงเป็นอันดับ 3 ของโลก โดยเฉพาะการชอปผ่านช่องทางมือถือที่สูงกว่า 56% มีมูลค่าเฉลี่ยสูงกว่า 1,500 บาทต่อเดือน โดยแบ่งเป็นผู้หญิง 59% และผู้ชาย 41% ฟังดูแล้วก็ถือได้ว่าตลาด E-Commerce ในประเทศไทยมีอัตราการเติบโตที่สูงมากทีเดียวครับ ซึ่งนั่นหมายถึง

โอกาสของพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์

โดยเฉพาะช่วงเวลาโปรโมตใหญ่ประจำปี อย่าง 11.11 ที่ผ่านมาก็ได้รับการตอบรับจากลูกค้าจำนวนมาก ซึ่งได้ออกมาเป็นข้อมูลดังต่อไปนี้

ภาพจาก: alizila.com

จากข้อมูลที่เห็นก็เรียกได้ว่ามีการเติบโตของร้านค้าออนไลน์เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก และเติบโตขึ้นทั่วทั้งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยปัจจัยสำคัญในการขยายการเติบโตของร้านค้าออนไลน์นั้นสำคัญมาก เพราะปัจจุบันคำว่าลูกค้าประจำนั้นแทบไม่มีอยู่จริงแล้ว

เพราะทุกคนไม่มีร้านค้าที่ใกล้บ้าน แต่ทุกร้านค้าอยู่บนมือถือของพวกเขา

ทุกคนอยากได้อะไร อยากซื้ออะไร ก็ทำได้ง่ายแค่จิ้มผ่านหน้าจอมือถือเท่านั้นเอง เราจึงต้องมีการวางแผนหลายอย่างด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น

สินค้าที่ใช่

สิ่งแรกที่เราต้องมองคือ สินค้าที่เรากำลังขายอยู่ว่า เป็นสินค้าที่เหมาะสมไหมในด้านคุณภาพและราคาที่ตอบโจทย์คนซื้อได้อย่างตรงจุด โดยเทรนด์สินค้า 6 อย่างที่คนไทยชอบซื้อในช่วง 12.12 ที่ผ่านมามีดังนี้

สินค้าประเภทขายดี

  1. โทรศัพท์มือถือ
  2. ทีวี
  3. สินค้าประเภทแม่และเด็ก

สินค้าที่มียอดออเดอร์สูงสุด

  1. ชุดชั้นใน
  2. เสื้อผ้าแฟชั่น
  3. ความงาน

แต่อย่างไรก็ตาม ยังมีสินค้าอีกมากมายที่ได้รับความสนใจนอกเหนือจากทั้ง 6 หมวดหมู่นี้ และถ้าสินค้าคุณมีคุณภาพ และราคาที่ใช่ ลูกค้าก็พร้อมที่จะซื้อสินค้าของคุณอย่างแน่นอน

ชื่อเสียงต้องดี

สิ่งที่หลาย ๆ ร้านค้าอาจจะให้ความสำคัญไม่มากเท่าที่ควร นั่นคือเรื่องของการให้บริการหลังการขาย เช่นลูกค้าเข้าไปต่อว่าเรื่องสินค้ามีตำหนิ ก็อาจจะเผลอปล่อยไว้ ไม่สนใจ ซึ่งระบบหลังบ้านของร้านค้าออนไลน์เช่น Lazada ก็จะมีระบบคอยกรองว่าร้านไหนมีคะแนนน้อย ก็จะแสดงผลน้อยลง หรือไปอยู่ท้าย ๆ ของการค้นหา ทำให้เราขายของได้ยากขึ้นกว่าเดิม แต่ถ้าเราได้รับคะแนนดี ๆ ก็อาจจะไปอยู่ตำแหน่งบน ๆ โดยที่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อโปรโมตเลยด้วยซ้ำ

และที่สำคัญคือ “ห้ามขายสินค้าปลอม!” เพราะสิ่งนี้นอกจากจะเป็นการหลอกลวงผู้บริโภคแล้ว ยังมีโอกาสที่ทำให้ร้านค้าของเราโดนสั่งปิดได้เลย

การส่งต้องเป๊ะ

หลังจากรับ Order แล้ว สิ่งที่ร้านค้าเป็นห่วงโดยเฉพาะในช่วงมหกรรมใหญ่ ๆ เช่น 12.12 ก็คือเรื่องของการแพ็คส่งของจะทำได้ไม่ทัน ส่งของต้องถูกขนาด ถูกสี ส่งให้ถูกบ้านจากออเดอร์ที่มากมายมหาศาล พร้อมต้องแข่งกับเวลาทั้งหมด ถ้าเราพลาดนั่นหมายถึงปัญหาที่ต้องตามมาแก้ไขนั่นเอง

เงินทุนต้องมี

ฟังจากข้างบนไปแล้วก็คงจะเริ่มคิดกันแล้วว่า การที่เราจะสามารถดำเนินการให้เป๊ะขนาดนี้ได้ จะต้องมีการลงทุนทั้งด้าน Stock สินค้าและพนักงานที่เพียงพอต่อการทำงาน นั่นหมายถึงเราต้องมีเงินทุนที่เพียงพอต่อการดำเนินธุรกิจ ถ้าเงินทุนไม่พอ ชักหน้าไม่ถึงหลัง ก็อาจทำให้การค้าของเราสะดุดได้

แล้วถ้าเงินทุนไม่พอล่ะ ต้องทำยังไง?

นี่น่าจะเป็นคำถามสำคัญของร้านค้าออนไลน์หลาย ๆ ร้านที่อาจจะเริ่มทำธุรกิจด้วยตัวคนเดียวหรือเป็นธุรกิจครอบครัว ซึ่งเงินทุนอาจจะไม่เยอะมาก แต่อยากหาโอกาสขยายธุรกิจของตัวเอง วันนี้ Lazada ก็ได้ร่วมมือกับทาง KBank ปฏิวัติวงการเงินกู้ผู้ขายออนไลน์ เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ สนับสนุนเงินกู้ให้กับผู้ขายสินค้าบนแพลตฟอร์มลาซาด้า ให้เข้าถึงเงินกู้ได้ง่ายขึ้น

ง่ายในระดับที่ว่ากดปุ่มขอเงินกู้ปั๊บ รู้ผลอนุมัติไว 1 นาทีรับเงิน ด้วยสินเชื่อเงินด่วนเพื่อร้านค้า Lazada (Xpress Loan) โดยมีดอกเบี้ยต่ำ ไม่ต้องมีหลักประกัน ไม่ต้องยื่นเอกสาร และฟรีค่าธรรมเนียม สร้างประสบการณ์การขอสินเชื่อรูปแบบใหม่ที่สะดวกรวดเร็ว เพื่อช่วยให้ธุรกิจออนไลน์คล่องตัว มีเงินทุนเพื่อหมุนเวียนและต่อยอดได้ทันความต้องการของธุรกิจ

อยากกู้ต้องทำยังไง?

วิธีการกู้ก็ไม่ยาก เพียงแค่คุณเป็น 1 ในเจ้าของธุรกิจออนไลน์บน Platform ของ Lazada ที่มีระยะเวลานานกว่า 6 เดือนเท่านั้น

วงเงินที่กู้ได้

KBank ได้กำหนดวงเงินในการขอกู้ไว้ตั้งแต่ 2,000 ไปจนถึง 600,000 บาท เหมาะสำหรับร้านค้าที่อยากกู้ไม่มาก ไปจนถึงร้านค้าที่ต้องการขยายธุรกิจเพื่อรับมือกับกิจกรรมต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต โดยมีดอกเบี้ยอยู่ที่ 11% – 21% ต่อปี ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ค่อนข้างน้อย ลดความเสี่ยงในการกู้เงินแบบนอกระบบได้เป็นอย่างดี

มีการวางแผนการเติบโตต่อเนื่อง

อีก 1 เรื่องสำคัญของคนทำธุรกิจคือการวางแผนการเติบโตในอนาคตว่า ร้านค้าจะต้องไปทางไหน มีเครื่องมืออะไรที่เหมาะสมกับการนำมาใช้งานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้กับร้านค้าของเรา ซึ่งแน่นอนว่า KBank ก็มีช่องทางในการช่วยเหลืออย่าง MADHUB เพื่อให้ธุรกิจเติบโตต่อไปได้

ไม่ว่าจะเป็น MADCOURSE ซึ่งเป็นคอร์สเรียนรู้เทคนิคต่าง ๆ ด้านการตลาดออนไลน์ ซึ่งสามารถเรียนผ่านระบบออนไลน์ได้ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ MADDEAL ซึ่งจะมีส่วนลดในด้านการขนส่งสินค้าและส่วนลดค่ากล่อง หรือแม้แต่การโฆษณาสินค้าผ่านช่องทาง Social เขาก็จะมีบัตรเดบิตพิเศษ MADCARD ให้คุณได้ใช้ลดค่าโฆษณาอีกด้วย

ทั้งหมดนี้ Lazada และ KBank ตั้งใจจะผลักดันการเติบโตของผู้ค้าออนไลน์ เพราะ Lazada มีระบบที่คอยช่วยเหลือผู้ค้าให้ทำงานได้ง่ายขึ้น ไม่ว่าจะเป็นระบบ Backend ที่ดี มีระบบจัดการ Stock ระบบ Livechat กับลูกค้า เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเป็นตัวช่วยเหลือให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์สะดวกสบายยิ่งขึ้น รวมไปถึงลูกค้าก็มีความมั่นใจในการซื้อสินค้าผ่าน Lazada เช่นกัน และระบบจะมีเพิ่มเรื่อย ๆ โดยมีเป้าหมายสำคัญคือ เพื่อให้ทุกคนค้าขายใน Lazada ได้ง่ายขึ้นและเติบโตไปด้วยกันอย่างยั่งยืน