บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ประกาศผลการตัดสินผู้ชนะเลิศโครงการแข่งขันสำหรับสตาร์ทอัปเทคโนโลยี “Spark Ignite 2021 – Thailand Start up Competition” โดยหัวเว่ยได้รับความร่วมมือจากผู้เชี่ยวชาญในด้านอุตสาหกรรมต่าง ๆ มาร่วมให้คำแนะนำและคำปรึกษาแก่สตาร์ทอัป มีจุดประสงค์เพื่อสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัปไทยให้เติบโตในระดับภูมิภาค และเป็นการช่วยประชาสัมพันธ์สินค้าและบริการของสตาร์ทอัปไทย พร้อมทั้งช่วยยกระดับทักษะด้านดิจิทัลในประเทศ ตามพันธกิจของหัวเว่ยที่จะส่งเสริมประเทศไทยสู่การขึ้นเป็นศูนย์กลางด้านดิจิทัลแห่งอาเซียน

ตัวแทนทีมชนะเลิศอันดับ 1 ReverseAds อันดับ 2 ทีม Zipevent และอันดับ 3 ทีม ChillPay

ซึ่งสามทีมที่คว้าชัยชนะจากทั้ง 132 ทีมทั่วประเทศที่เข้าร่วมแข่งขัน ได้แก่ ReverseAds ผู้ให้บริการด้านแพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์ คว้ารางวัลชนะเลิศอันดับหนึ่ง Zipevent ผู้ให้บริการด้านการจัดงานอีเวนต์ระบบออนไลน์ และ ChillPay แพลตฟอร์มการชำระเงินแบบครบวงจร คว้ารางวัลอันดับที่ 2 และ 3 ตามลำดับ ทั้งนี้ รวมมูลค่าที่ทั้งสามทีมจะได้รับรางวัลเป็น HUAWEI CLOUD Credit กว่า 9 ล้านบาท และจะได้โอกาสในการเข้าร่วมโครงการ Huawei Spark program เพื่อรับคำปรึกษาในด้านธุรกิจ และใช้ทรัพยากรด้านเทคโนโลยีจากหัวเว่ย รวมถึงการแนะนำพาร์ตเนอร์เพื่อโอกาสในการก้าวสู่ระดับโลกต่อไป ภายในงานดังกล่าวได้รับเกียรติจาก

  • นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม
  • นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด ร่วมให้โอวาทและแสดงความยินดีแก่ทีมผู้เข้าแข่งขัน พร้อมด้วยคณะกรรมการอันทรงคุณวุฒิจากหลากหลายวงการให้เกียรติเข้าร่วมการตัดสินรอบชิงชนะเลิศในครั้งนี้ ประกอบด้วย
    • ดร.ชินาวุธ ชินะประยูร ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า
    • นายปริวรรต วงษ์สำราญ ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาผู้ประกอบการนวัตกรรม สำนักงานนวัตกรรรมแห่งชาติ (NIA)
    • ดร.มนต์ชัย เลิศสุทธิวงศ์ นักวิจัยและวิศวกร บริษัท กสิกร บิซิเนส-เทคโนโลยี กรุ๊ป (KBTG)
    • นายไพศาล เจียรอุทัยธำรงค์ ผู้จัดการด้านการส่งเสริมและสนับสนุน ทัสพาร์ค ดับบลิวเอชเอ (TusPark WHA)
    • นายอุดมศักดิ์ ดอนขำไพร ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี บริษัท แสนรู้ จำกัด
    • นายลีโอ เจียง ประธานบริหารด้านดิจิทัล หัวเว่ย คลาวด์ ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค
    • ดร.ชวพล จริยาวิโรจน์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด 
    • นายสุรศักดิ์ วนิชเวทย์พิบูล หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายเทคโนโลยี แผนกธุรกิจคลาวด์ บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด 

ทั้งนี้ ปัจจัยด้านโอกาสในการทำตลาด รูปแบบบริการและธุรกิจ จุดขาย โอกาสทางธุรกิจ รวมไปถึงความแข็งแกร่งของทีมผู้เข้าแข่งขัน ถูกใช้เป็นเกณฑ์หลักในการตัดสินครั้งนี้

ตัวแทนจาก 10 ทีมสุดท้ายในรอบชิงชนะเลิศ

การแข่งขันโครงการ “Spark Ignite 2021 – Thailand Start up Competition” ดำเนินอย่างเข้มข้น โดยตั้งแต่เดือนพฤษภาคม 2564 ที่ผ่านมา ซึ่งมีผู้เข้าแข่งขันกว่า 132 ทีมจากหลากหลายภาคอุตสาหกรรมจากทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการเพื่อชิงตำแหน่งสุดยอดสตาร์ทอัปเทคโนโลยีระดับประเทศ โดยมี 10 ทีม ที่ผ่านเข้ารอบการตัดสินรอบชิงชนะเลิศประกอบด้วยผู้ส่งมอบบริการและผลิตภัณฑ์ที่ประยุกต์ใช้เทคโนโลยีอัจฉริยะหลากหลายประเภท เช่น ทีมที่พัฒนา AI ซึ่งสามารถช่วยซื้อขายและปรับตัวตามตลาดการเงินได้อย่างอัตโนมัติ แอปพลิเคชันอีคอมเมิร์ซด้านบริการความงามทั่วประเทศไทย รวมไปถึงแพลตฟอร์มสำหรับรวบรวมการซื้อขายเครดิตพลังงานสะอาด (Renewable Energy Credit) สำหรับผู้ผลิตพลังงานรายย่อยในประเทศไทย เป็นต้น

ผู้ชนะอันดับ 1 จาก ReverseAds

สำหรับผู้คว้าอันดับ 1 ในเวทีนี้ได้แก่ ทีม ReverseAds ผู้ให้บริการด้านแพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์ที่ใช้เทคโนโลยี Machine Learning จากจังหวัดภูเก็ต นำโดยนายไมเคิล ฮาร์น (Michael Hahn) ประธานกรรมการบริหาร ให้สัมภาษณ์ว่า “ผมตื่นเต้นเป็นอย่างมากที่ได้รับรางวัลชนะเลิศจากการแข่งขันในครั้งนี้ เทคโนโลยีคลาวด์ถือเป็นหัวใจสำคัญในการนำมาใช้พัฒนาต่อยอดบริการของเรา และ HUAWEI CLOUD ก็เป็นหนึ่งในบริการคลาวด์ระดับโลกที่ดีที่สุด ซึ่งเราจะนำรางวัล HUAWEI CLOUD Credit และการสนับสนุนเทคโนโลยีด้านอื่น ๆ ของหัวเว่ยไปพัฒนาต่อยอดเทคโนโลยีของแพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์ของเราต่อไป โดยเฉพาะอย่างยิ่งการใช้ AI เพื่อช่วยเสริมประสิทธิภาพระบบ Machine Learning ของเรา และการเพิ่มระบบหลังบ้านเพื่อให้สามารถรองรับจำนวนผู้ใช้งานได้มากขึ้น พร้อมกับการจับตลาดทั่วโลก”

ทั้งนี้ ReverseAds ถือเป็นแพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์ที่ใช้เทคโนโลยี AI มาคาดการณ์พฤติกรรมว่าผู้ใช้อินเทอร์เน็ตจะใช้งานเว็บไหนต่อไป และจะยิงโฆษณาไปในเว็บไซต์นั้น ๆ ให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายโดยที่ไม่ใช้คุกกี้ (Cookies) โดยทางบริษัทตั้งเป้าหมายว่าจะเติบโตเป็นบริษัทสตาร์ทอัประดับยูนิคอร์น มูลค่า 1,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ให้ได้ภายในระยะเวลา 3 ปี จ้างบุคลากรในประเทศไทยเพิ่มให้ได้ถึง 1,000 คน และผันตัวเป็นคู่แข่งด้านการโฆษณาออนไลน์กับ Google เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับนักการตลาดในประเทศไทยที่ต้องการทำโฆษณาออนไลน์ และทีม Reverse Ads ที่ชนะเลิศอันดับ 1 ในโครงการนี้ จะได้รับ HUAWEI CLOUD Credit คิดเป็นมูลค่ากว่า 125,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือกว่า 4,000,000 บาท รวมถึงสิทธิ์ในการเข้าร่วมโครงการ Huawei Spark program เช่น โครงการ Huawei Spark Fire, และโครงการ Spark Go China ที่มีเป้าหมายเพื่อบ่มเพาะและช่วยยกระดับการเติบโตของธุรกิจสตาร์ทอัปเทคโนโลยี เพื่อสร้างอีโคซิสเต็มด้านดิจิทัล

ทีมอันดับ 2 และอันดับ 3 ที่ชนะในการแข่งขันโครงการ Spark Ignite 2021 – Thailand Start up Competition ได้แก่ ทีม Zipevent ซึ่งเป็นบริการด้านการจัดงานอีเวนต์ผ่านระบบออนไลน์แบบครบวงจร และทีม ChillPay แพลตฟอร์มการชำระเงินที่ดำเนินธุรกรรมทางการเงินให้แก่ผู้ประกอบการอย่างรวดเร็วทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง ตามลำดับ ทั้งนี้ ทีม Zipevent มองว่าการชนะรางวัลอันดับ 2 จากงานในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการทำงานร่วมกับหัวเว่ย โดยทางบริษัทจะใช้ HUAWEI CLOUD Credit เพื่อช่วยลดต้นทุนการประกอบธุรกิจ รวมถึงประยุกต์ใช้เทคโนโลยี VDO Livestreaming, Data Mining รวมถึงเทคโนโลยี VR จากหัวเว่ยเพื่อต่อยอดการให้บริการการจัดอีเวนต์ทั้งแบบออนไลน์ ออฟไลน์ และไฮบริด ทั้งยังตั้งเป้าขยายตลาดไปในอีก 12 ประเทศ รวมถึงประเทศจีน ให้ได้ภายในระยะเวลา 3 ปี และสำหรับทีม ChillPay ถือว่าเป็นการได้ร่วมทำงานกับหัวเว่ยเป็นครั้งแรกและถือเป็นโอกาสที่ดีที่จะได้ต่อยอดธุรกิจไปด้วยกัน

โดยหัวใจสำคัญของแพลตฟอร์มการชำระเงินคือเรื่องความปลอดภัยและความยืดหยุ่นของระบบหลังบ้าน ซึ่งเทคโนโลยีของ HUAWEI CLOUD ถือว่าสามารถตอบโจทย์ทั้งสองด้านนี้ได้ ทั้งนี้ทีมรองผู้ชนะจะได้รับ HUAWEI CLOUD Credit มูลค่า 80,000 ดอลลาร์สหรัฐ และสามารถเข้าร่วมโครงการ Huawei Spark program เช่น โครงการ Spark Go China

นอกจากนี้ ทีมที่เข้าร่วมการประกวดอีก 6 ทีม ได้แก่ อันดับ 4 ทีม Zupport และ อันดับ 5 Blockfint แต่ละทีมจะได้รับ HUAWEI CLOUD Credit มูลค่า 20,000 ดอลลาร์สหรัฐ และทีมผู้ที่ได้รับรางวัลชมเชย ได้แก่ FoodDee, Snappink, PolarBear 100X และ ElysianNxt ทุกทีมจะได้รับ HUAWEI CLOUD Credit มูลค่า 5,000 ดอลลาร์สหรัฐ

คณะกรรมการที่ให้เกียรติเข้าร่วมการตัดสินรอบชิงชนะเลิศ

เวทีนี้ยังได้รับเกียรติจากนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ร่วมรับชมการแข่งขันและกล่าวถึงโครงการว่า “Spark Ignite 2021 – Thailand Start up Competition” ว่า “เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจภายในประเทศท่ามกลางช่วงเวลาวิกฤติ ธุรกิจสตาร์ทอัปถือเป็นขุมพลังสำคัญสำหรับการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ผมต้องขอขอบคุณหัวเว่ยที่ได้มุ่งมั่นสนับสนุนการเติบโตของ ecosystem ในประเทศไทย รวมถึงช่วยทำให้เร่งการเติบโตของสตาร์ทอัพให้เกิดนวัตกรรมใหม่ ๆ รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ก้าวสู่ธุรกิจระดับโลกต่อไป เป็นการเพิ่มศักยภาพไทยแลนด์ 4.0 ซึ่งจะส่งเสริมให้ประเทศไทยจะกลายเป็นศูนย์กลางดิจิทัลแห่งอาเซียน”

ด้าน ผศ. ดร. ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ให้กล่าวถึงความร่วมมือในโครงการนี้ว่า “ดีป้าให้ความสำคัญกับการส่งเสริมและสนับสนุนกลุ่มผู้ประกอบการดิจิทัล สตาร์ทอัปด้านเทคโนโลยีของไทยให้เติบโตอย่างเข้มแข็ง ซึ่งความร่วมมือโครงการ Huawei Spark Ignite 2021 – Thailand Start up Competition เป็นการช่วยผลักดันดิจิทัลสตาร์ทอัปของไทยให้เติบโตขึ้นอย่างก้าวกระโดด ขอแสดงความยินดีกับทีมที่ชนะการแข่งขันครั้งนี้ โดยดีป้าเชื่อมั่นว่าผู้ที่เข้าร่วมแข่งขันจะได้รับประสบการณ์ไปปรับใช้เพื่อเป็นประโยชน์และเพิ่มโอกาสในการเติบโตทางธุรกิจ และขอขอบคุณหัวเว่ยที่ได้ให้ความสำคัญในการเพิ่มขีดความสามารถของดิจิทัลสตาร์ทอัพไทย ให้สามารถก้าวสู่ตลาดโลกได้”

นายอาเบล เติ้ง ประธานกรรมการบริหาร บริษัท หัวเว่ย เทคโนโลยี่ (ประเทศไทย) จำกัด เน้นถึงเป้าหมายของโครงการ Spark Ignite 2021 – Thailand Start up Competition ว่า “โครงการนี้เป็นความร่วมมือที่ดีระหว่างหัวเว่ยและพาร์ตเนอร์ในไทย เป็นการเปิดประตูสู่การแบ่งปันองค์ความรู้และกรณีศึกษาต่าง ๆ ก่อให้เกิดนวัตกรรมไอเดียใหม่ ๆ หัวเว่ยต้องขอขอบคุณภาครัฐและพาร์ตเนอร์ภาคเอกชนต่าง ๆ ที่ให้ความร่วมมือและทำให้เกิดเวทีที่ส่งเสริมการแสดงศักยภาพของสตาร์ทอัปไทยในครั้งนี้ ในฐานะที่หัวเว่ยเป็นพาร์ตเนอร์ ICT ชั้นนำระดับโลกและร่วมสนับสนุนคุณค่าทางสังคมในประเทศไทยมานานกว่า 22 ปี เรายังคงมุ่งมั่นในพันธกิจเติบโตในประเทศไทย สนับสนุนประเทศไทย เพื่อนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าหาทุกผู้คน ทุกครัวเรือน และทุกองค์กร เพื่อทำให้ประเทศไทยเชื่อมต่อได้อย่างอัจฉริยะอย่างทั่วถึง”