สื่อโซเชียลต่าง ๆ ที่นิยมใช้งานกันนั้นเรียกได้ว่าเป็นดาบสองคม ที่มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ถ้าใช้ให้เป็นประโยชน์ก็คือเรื่องที่ดี แต่ถ้าใช้ไปในทางที่ผิดนั่นถือว่าไม่ควรทำ เว็บไซต์ indy100.independent.co.uk ของประเทศอังกฤษ ได้รายงานถึงคำแนะนำในการใช้สื่อโซเชียลยอดฮิตอย่าง Facebook (เฟซบุ๊ก) เพื่อความปลอดภัย โดยบอกข้อห้ามทั้ง 11 ข้อที่ผู้ใช้ไม่ควรเผยแพร่ และควรลบออกจาก Facebook (เฟซบุ๊ก) เพื่อปกป้องความเป็นส่วนตัวและป้องกันภัยคุกคามจากสื่อโซเชียลดังนี้

  1. วันเกิด
    ข้อมูลวันเกิดคือจิ๊กซอว์ชิ้นสำคัญ ที่เมื่อรวมเข้ากับชื่อและที่อยู่ของผู้ใช้แล้วอาจทำให้ผู้ไม่หวังดีสามารถนำไปใช้ในการเข้าถึงบัญชีธนาคารและข้อมูลสำคัญส่วนตัวอื่น ๆ ได้อีก
  2. เบอร์โทรศัพท์
    เพราะคุณอาจไม่โชคดีได้รับสายจากคนสุภาพที่ชื่นชอบคุณเสมอไป เพราะอาจเกิดกรณีที่เลวร้ายที่สุดก็คือ “สายจากพวกโรคจิตที่โทรมาก่อกวนสร้างความวุ่นวายให้คุณไม่หยุดหย่อน
  3. เพื่อนที่ไม่มีปฏิสัมพันธ์
    โรบิน ดันบาร์ ศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยาจากมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ระบุว่า “จากการศึกษาพบว่าตามทฤษฎีแล้ว มนุษย์สามารถรักษาความสัมพันธ์ที่คงที่ได้กับคนจำนวน 150 คนโดยประมาณ
    ดันบาร์ ศึกษาผู้ใช้เฟซบุ๊กจำนวน 3,375 คนพบว่า โดยเฉลี่ยผู้ใช้เหล่านี้จะมีเพื่อนจำนวน 4.1 คนที่คิดว่าสามารถพึ่งได้ และมีเพื่ออีกราว 13.6 คนที่จะแสดงความเห็นอกเห็นใจในช่วงเวลาที่เราอยู่ในช่วงเวลาที่เกิดวิกฤตทางอารมณ์ ฉะนั้นการลบผู้ที่ไม่มีปฏิสัมพันธ์กันเลยคือวิธีการที่ดีในการใช้สื่อโซเชียลมีเดียอย่างมีความสุขและปลอดัย
  4. ภาพลูก ๆ ของคุณ หรือสมาชิกครอบครัวที่เป็นเด็ก
    วิกตอเรีย แนช ผู้อำนวยการสถาบันอินเตอร์เน็ตมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด ตั้งคำถามสำคัญที่เกี่ยวกับเรื่องนี้เอาไว้ระบุว่า “ข้อมูลอะไรที่เด็ก ๆ อยากเห็นเกี่ยวกับตัวเองในโลกออนไลน์ในอนาคต” นั่นเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องพิจารณาและเกี่ยวข้องกับสิทธิที่กฎหมายในบางประเทศให้ความคุ้มครองด้วย”
  5. สถานที่ที่ลูก ๆ หรือเด็ก ๆ ในสมาชิกครอบครัวไป เช่น โรงเรียน
    ท่ามกลางสถานการณ์การล่วงละเมิดทางเพศเด็กที่เพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน โดยล่าสุดระหว่างปี 2013 – 2014 เกิดคดีล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กมากถึง 36,429 คดีในประเทศอังกฤษ นับเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ซึ่งสถิติดังกล่าวเป็นเหตุผลสำคัญที่ให้ผู้ใช้ Facebook (เฟซบุ๊ก) ปกป้องเด็ก ๆ ในปกครองของคุณได้จากการไม่เปิดเผยสถานที่ที่เด็ก ๆ ต้องไป
  6. โลเคชั่นเซอร์วิส
    เว็บไซต์เทคครันช์ รายงานเมื่อปี 2558 ระบุว่ามีผู้ใช้กว่า 500 ล้านคนที่ใช้เฟซบุ๊กผ่านทางอุปกรณ์มือถือ นั้นหมายถึงว่ามีผู้ใช้ถึง 500 ล้านคนที่เปิดเผยสถานที่ที่อยู่ของตนเองโดยอัตโนมัติให้กับผู้ที่อาจจะคิดทำร้ายคุณได้ล่วงรู้
  7. เจ้านาย
    นี่เป็นข้อห้ามสุดคลาสสิกสำหรับผู้ใช้ Facebook (เฟซบุ๊ก) ส่วนตัวในที่ทำงานหรือมีเพื่อนที่ออฟฟิศเป็นเพื่อนใน Facebook (เฟซบุ๊ก)โดยรายงานระบุว่า “Facebook (เฟซบุ๊ก) เป็นแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียที่ในบางขณะที่ผู้ใช้ต้องการใช้เพื่อการผ่อนคลาย แต่เมื่อใดก็ตามที่เจ้านายสามารถเข้าถึงฟีดข่าวของคุณได้ นั่นหมายถึงเจ้านายคุณก็สามารถเข้าถึงสเตตัสที่คุณโพสต์บ่น หรือระบาย รวมไปถึงเรื่องงานของคุณได้ ซึ่งไม่ส่งผลดีแน่นอน
  8. หยุดแท็กโลเคชั่น
    การแท็กสถานที่ที่ตัวเอง , เพื่อน หรือครอบครัวอยู่ ณ เวลานั้นในสเตตัสต่าง ๆ ที่ตั้งขึ้น เปรียบเสมือนการให้ที่อยู่ของคุณกับผู้ไม่หวังดีโดยไม่รู้ตัว
  9. เวลาและสถานที่ที่คุณไปเที่ยวพักผ่อน
    เว็บไซต์ดิสอิส มันนีย์ เว็บไซต์ด้านการเงินระบุว่า “นักท่องเที่ยวที่ถูกปล้นระหว่างการเดินทางในช่วงวันหยุดนั้น อาจไม่ได้รับการอนุมัติเงินประกันหากผู้เอาประกันโพสต์แผนการท่องเที่ยวผ่านสื่อโซเชียลมีเดีย เนื่องจากบริษัทประกันจะพิจารณาว่า ผู้เอาประกันไม่ได้ป้องกันตัวเองจากผู้ไม่ประสงค์ดีอย่างเพียงพอด้วยการโพสต์ข้อมูลต่อสาธารณะ (ถือว่าเป็นการทำตัวเองนะจ๊ะ)
  10. สถานะความสัมพันธ์
    หากคุณอยากฉลองสถานะความสัมพันธ์ใหม่ อย่าทำใน Facebook (เฟซบุ๊ก) เพราะเหตุผลหนึ่งคือ ผลจากการเปลี่ยนสถานะจาก “in a relationship” (มีแฟนแล้ว) ไปยัง “single” (โสด) นั้นจะทำให้คุณรู้สึกแย่มากกว่า (ฮือฮือ)
  11. ข้อมูลเครดิตการ์ด
    อย่าได้คิดจะเผยแพร่ข้อมูลทางการเงินของคุณโดยเด็ดขาด เพราะนี่คือช่องโหว่ที่เปิดให้ผู้ไม่ประสงค์ดีมาขโมยข้อมูลสำคัญของคุณไปใช่ประโยชน์ในทางที่เสียหายได้

ซึ่ง “11 ข้อห้าม” ที่ได้แนะนำไปนั้นเรียกได้ว่าเป็นข้อที่สำคัญมาก ๆ เลยนะคะ เพราะเราไม่อาจคาดเดาได้ว่าคนที่เข้ามาหาเราหรือคนรอบข้างนั้น มาดีหรือมาร้าย เพราะฉะนั้นระวังไว้ดีกว่าแก้นะจ๊ะคุณผู้อ่านทั้งหลาย!!