ในช่วงความโกลาหลใน Twitter จากการเข้าฮุบกิจการของ อีลอน มัสก์ (Elon Musk) ที่นำไปสู่การปลดผู้บริหารยกชุดและพนักงานจำนวนมากนั้น มีแอปโซเชียลมีเดียหน้าแปลกขึ้นมาผงาดซึ่งก็คือ Mastodon

ผู้ใช้งาน Twitter จำนวนมหาศาลหลั่งไหลเข้าไปยัง Mastodon ที่ระบุว่าตอนนี้มีผู้ใช้มากกว่า 655,000 บัญชีแล้ว ในจำนวนนี้มีมากกว่า 230,000 ที่เพิ่งเปิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

Mastodon เป็นโซเชียลมีเดียที่หน้าตาคล้าย Twitter มาก ผู้ใช้งานสามารถเขียนโพสต์ (เรียกว่า toots) โต้ตอบผ่านโพสต์ของตัวเองหรือคนอื่น กดชอบ รีโพสต์ของคนอื่น และสามารถติดตามกันและกันได้

แต่การทำงานของทั้ง 2 แพลตฟอร์มต่างกันมาก

ความแตกต่างสำคัญคือ Mastodon เป็นการเชื่อมโยงของเซิร์ฟเวอร์ที่หลากหลายเข้าด้วยกัน แต่ละเซิร์ฟเวอร์มีเจ้าของและผู้ให้บริการที่แตกต่างกัน ผู้ดูแลแต่ละเซิร์ฟเวอร์มีสิทธิในการตั้งกฎของตัวเอง และสามารถตัดสินใจว่าจะบล็อกเซิร์ฟเวอร์อื่น ๆ ได้ด้วย

เมื่อผู้ใช้สร้างบัญชี Mastodon ขึ้นมา จะต้องเลือกเซิร์ฟเวอร์ ที่มีธีมที่แตกต่างกันไป บ้างก็เป็นธีมเมือง ประเทศ หรือความสนใจ นี่จะเป็นเหมือนชุมชนที่ผู้ใช้จะเข้าไปอยู่ แต่ก็สามารถติดตามผู้ใช้จากชุมชนอื่น ๆ ได้ด้วย

สำหรับกรณีที่ผู้ใช้ต้องการจะหาผู้ใช้รายอื่น จะสามารถหาได้ทันทีจากการพิมพ์ชื่อหากอยู่เซิร์ฟเวอร์เดียวกัน แต่หากอยู่คนละเซิร์ฟเวอร์ ก็จะต้องพิมพ์ชื่อเซิร์ฟเวอร์ต่อท้ายด้วย

นี่ทำให้ Mastodon เป็นโซเชียลมีเดียแบบกระจายศูนย์ (decentralisation) ไม่มีคนหรือองค์กรใดที่เป็นเจ้าของและมีอำนาจสิทธิขาดอย่างสิ้นเชิง แต่หากคนหรือองค์กรที่เป็นเจ้าของเซิร์ฟเวอร์ที่ผู้ใช้รายนั้น ๆ เป็นสมาชิกอยู่ตัดสินใจล้มเลิกการให้บริการ ก็จะเสียบัญชีนั้นไป

แจ็ก ดอร์ซีย์ (Jack Dorsey) หนึ่งในผู้ก่อตั้ง Twitter เคยออกมาพูดว่าแพลตฟอร์ม Bluesky ที่เขากำลังพัฒนาอยู่ก็จะใช้รูปแบบกระจายศูนย์ในลักษณะนี้ด้วย

อย่างไรก็ดี กระแสการอพยพของผู้ใช้ Twitter ทำให้บางเซิร์ฟเวอร์อย่าง UK ที่ดูแลโดยบริษัท Superior Networks ถึงกับทำงานช้าลง จนต้องปิดรับสมัครชั่วคราว

ที่มา BBC News

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส