เมื่อ Pebble นาฬิกาอัจฉริยะที่อาจเรียกว่าเป็นบิดาผู้จุดพลุกระแส Wearable Computer ในปัจจุบันให้โด่งดังกลับมาอีกครั้ง การกลับมาครั้งนี้จะมีดีตรงไหนบ้าง

เมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว Pebble โปรเจก Start-up จากบริษัทหน้าใหม่ไฟแรงได้เข้าระดมทุนใน Kickstarter และก็ได้ผลตอบรับที่ดี มีผู้ร่วมลงทุนเกือบ 70,000 คน ได้เงินไปร่วม 10 ล้านเหรียญ ในฐานะที่ทีมงานเว็บแบไต๋ก็เป็นหนึ่งในผู้ลงเงินตั้งแต่ Pebble รุ่นแรก และซื้อ Pebble Steel มาใช้งาน (และเอาไปรีวิวใน The RevieWER) ก็ขอภูมิใจนำเสนอนาฬิกาอัจฉริยะรุ่นใหม่ (ยังกับเป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์เอง) อย่าง Pebble Time ครับ ซึ่งก็ตามภาพหลุดที่เห็นก่อนหน้านี้

Pebble Time ยังคงคอนเซปต์เดิมที่มีมาใน Pebble และ Pebble Steel คือเน้นความเรียบง่าย ไม่ได้อัดฟีเจอร์มากมายจนกลายเป็นอุปกรณ์ที่ครบเครื่องอย่าง Smart Phone โดยจุดเด่นของ Pebble Time มีดังนี้

  • ใช้หน้าจอ e-ink สี (รุ่นเก่าเป็น e-Paper ขาว-ดำ) ที่อ่านได้ในแสงแดด แถมยังติดตลอดเวลา ไม่ต้องกดปุ่มเปิดจอเหมือน Smart Watch รุ่นอื่น
  • อินเทอร์เฟซแบบใหม่ที่เรียกว่า Timeline
  • มีไมโครโฟนในตัว เอาไว้ตอบกลับการแจ้งเตือน ซึ่งรองรับแอปหลักๆ ของ Android อย่าง Hangout, Facebook Messenger ส่วน iOS ตอนเริ่มแรกจะใช้ได้แค่ Gmail
  • แต่ถึงจะมีรูไมค์ก็ยังใช้ Pebble Talk ในสระว่ายน้ำได้เหมือนเดิม
  • ใช้งานได้ 7 วันเหมือนรุ่นเดิม
  • ใช้งานร่วมกับแอปที่มีกว่า 6,500 ตัวของ Pebble และ Pebble Steel ได้
  • ตัวเครื่องบางลง 20% จาก Pebble ตัวแรก (ที่ก็บางอยู่แล้วนะ) คือหนาเพียง 9.5 mm
  • กระจกหน้าทำจาก Gorilla Glass ส่วนขอบทำจากสเตนเลสสตีล
  • ใช้สายนาฬิกามาตรฐานขนาด 22 mm
  • มี 3 สีให้เลือกคือ สีดำ, ขาว และแดง
  • สำหรับผู้สั่งจาก Kickstarter ตอนนี้จะสลักหลังว่า Kickstarter Edition และคนที่เคยสั่ง Pebble ตัวแรกจาก Kickstarter ไป และสั่ง Pebble Time อีก ก็จะได้สลักหลังแบบพิเศษ (อันนี้ดีใจเป็นการส่วนตัว)

Timeline รูปแบบการสั่งงานนาฬิกาอัจฉริยะใหม่

98c00b932c4f333987b796a130a97a59_original

ในขณะที่แอปเปิ้ลสร้างเม็ดมะยมมหัศจรรย์ขึ้นมาใน Apple Watch (ซึ่งประกาศมาหลายเดือนแล้ว ยังไม่เห็นตัวจริงสักที) ส่วนค่ายอื่นๆ ก็พยายามเพิ่มแอป ให้ Smart Watch ของตัวเองมีความสามารถมากขึ้น Pebble กลับมองว่ารูปแบบการสั่งงานแบบเดิม มันยากเกินไปสำหรับ Smart Watch คือเหมือนผู้ใช้ต้องกดทีละหน้าไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเจอฟังก์ชั่นที่ต้องการ ซึ่งมันไม่เหมาะกับหน้าจอเล็กๆ ของนาฬิกาเลย ทีม Pebble จึงสร้างอินเทอร์เฟซแบบใหม่ขึ้นมาเรียกว่า Timeline โดยเอาแอคชั่นต่างๆ ของนาฬิกามาวางเป็นเส้นเวลา ไล่จากอดีต ปัจจุบัน อนาคต

เช่นนาฬิกาจะแสดงเวลาปัจจุบันอยู่ตลอด ซึ่งเมื่อเรากดปุ่มบน นาฬิกาจะแสดงอดีตให้เราดู ซึ่งก็คือข้อความที่ได้รับ การแจ้งเตือนที่ผ่านไปแล้ว ผลการแข่งขันฟุตบอลที่เพิ่งจบไป ส่วนถ้าเรากดปุ่มล่าง ก็จะแสดงเหตุการณ์ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต เช่นการนัดหมาย สภาพอากาศเป็นต้น ซึ่งทุกหน้าสามารถกดปุ่มเพื่อขยายดูรายละเอียดได้ และนักพัฒนาแอปสามารถทำแอปให้แสดงผลในหน้า Timeline ได้ทันที

และที่สำคัญคือผู้ใช้ Pebble และ Pebble Steel จะได้อัปเดทนาฬิกาให้มีอินเทอร์เฟซแบบนี้ด้วย (เอ้า ฮู้เร่กันอีกครั้ง) ซึ่งผู้ที่มีส่วนในการพัฒนาอินเทอร์เฟซแบบใหม่นี้ก็น่าจะเป็นผู้ออกแบบอินเทอร์เฟซของ WebOS ที่ Pebble จ้างไปทำงานด้วย

ราคาขาย

93e916f6051faf2f55e88f75e249c47d_original

Pebble Time ตั้งราคาไว้ที่ $199 เท่ากับ Pebble Steel แต่ผู้ร่วมลงทุนใน Kickstarter จะได้ราคาเริ่มต้นที่ $159 ใน 10,000 เรือนแรก และ $179 สำหรับ 30,000 เรือนต่อมา ซึ่งหมื่นเรือนแรกได้ขายหมดในเวลาชั่วโมงกว่าๆ ไปเรียบร้อยแล้ว แล้วตอนนี้ 40,000 เรือนแรกที่จะส่งเดือนพฤษภาคมนี้ก็ขายหมดไปเรียบร้อยแล้ว ก็เหลือราคา $179 รอบที่จะส่งเดือนมิถุนายนให้สั่งกันต่อ ก็จะมีค่าส่งมาไทยอีก $10 ครับ

Pebble เป็นเหมือนสัญลักษณ์แห่งความสำเร็จในวงการ Start-up ที่สามารถเอาใจใส่สร้างผลิตภัณฑ์ที่ไม่ขึ้นกับบริษัทยักษ์ใหญ่บริษัทใดบริษัทหนึ่ง จนทำให้มีแฟนๆ ติดตามเป็นจำนวนมาก

ที่มา: Kickstarter