หมายเหตุ: บทความนี้เป็นสรุปไฮไลท์จาก Session: We Will Survive !! (Media Transformation) โดย “หนุ่ย-พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์” ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ บริษัท โชว์ไร้ขีด จำกัด จากงาน iCREATOR CONFERENCE 2020 วันเสาร์ที่ 22 สิงหาคม 2563

Media Transformation การเปลี่ยนผ่านจากสื่อเดิม สู่สื่อออนไลน์

สรุปไฮไลท์ We Will Survire: เราต้องรอด ในยุคที่สื่อเปลี่ยนไป โดย "หนุ่ย-พงศ์สุข

หนุ่ย-พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ กับประสบการณ์กว่า 22 ปี ในวงการไอที เล่าให้ฟังว่า ตลอดชีวิตการทำงานเขามีการปรับตัวอยู่ตลอด ตอนแรกเขาเริ่มจากการเป็นพิธีกรทำรายการทีวีสายไอที แล้วก็เริ่มผลิตรายการของตัวเองส่งให้ช่องทีวี แต่ก็เจอการ Disruption จากเทคโนโลยี ทำให้เกิดการเปลี่ยนผ่านต่าง ๆ จากรายการทีวี “แบไต๋ไฮเทค” สู่การสร้างแอปพลิเคชันดิจิทัลแมกาซีนลงไอแพด (iPad) แล้ววกกลับมาทำรายการทีวีดิจิทัล แต่ก็ทำไม่ไหวเนื่องจากขาดทุน ก็เลยปรับตัวด้วยการลดสเกลงานให้เล็ก แล้วหันหน้าลงสู่สื่อออนไลน์ แล้วก็เริ่มดีขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายมาเป็น #beartai อย่างที่ทุกคนรู้จักกันในปัจจุบัน

เราบอกทุกคนผ่านทีวีว่าอินเทอร์เน็ตดีอย่างไร ก็เหมือนกับการทุบหม้อข้าวตัวเอง

แม้แต่ “มหาเศรษฐีเบอร์หนึ่ง” ก็กลัว Digital Disruption

คุณหนุ่ยเล่าให้ฟังอีกว่า หลายคนกลัว Digital Disruption หรือการถูกกลืนกินโดยเทคโนโลยี ทำให้มีการระวังหลังเป็นอย่างมาก เพราะกลัวโดนแซง แต่จริง ๆ แล้ว Disruption กลับมาจากด้านหน้า เหมือนกับรถสิบล้อที่พุ่งมาชนจัง ๆ ซึ่งอาจทำให้ธุรกิจล้มหายตายจากไปได้เลย ขนาดมหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของไทย เจ้าสัว ธนินท์ เจียรวนนท์ ก็ยังกลัวการล้มละลาย จากการ Disruption เหมือนกัน

สรุปไฮไลท์ We Will Survire: เราต้องรอด ในยุคที่สื่อเปลี่ยนไป โดย "หนุ่ย-พงศ์สุข

ผมได้ยินเจ้าสัวพูดว่า “ผมกลัวการล้มละลายมาก” ถึง 4 ครั้งตลอด 11 ชั่วโมงที่คุยกัน เจ้าสัวบอกว่า Disruption จะมาโดยกลุ่มคนที่มีความสามารถในการคิด หาบริการใหม่ที่ดีกว่า ไวกว่า ตอบสนองดีกว่า ที่จะสามารถก้าวข้ามธุรกิจเดิมไปเลย

สื่อเปลี่ยนมุมมองการเล่าเรื่องก็เปลี่ยน

เขาเล่าต่อว่า แต่ก่อนจะเล่าเรื่องแบบ Story Telling แต่พอดิจิทัลเข้ามาก็เกิดการเปลี่ยนแปลง มนุษย์เลื่อนข้ามสิ่งที่ไม่สนใจได้ง่ายกว่าเดิม จากสถิติของ Facebook บอกไว้ว่าคนเรามีความสนใจกับวิดีโอแค่ 6 วินาที ทำให้ต้องเปลี่ยนการเล่าเรื่องเป็น Digital Content Telling ตามยุคที่สื่อมีการเปลี่ยนผ่าน

สรุปไฮไลท์ We Will Survire: เราต้องรอด ในยุคที่สื่อเปลี่ยนไป โดย "หนุ่ย-พงศ์สุข

พิธีกร หรือ Talent ต้องน่ามองและมีความหลากหลาย ทั้งนี้ก็เพื่อเพิ่มอรรถรสในการรับชมให้ลื่นไหล และยังต้องมีความหลากหลาย เพื่อเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายคนดูตามช่วงอายุ “ปกติเราจะติดตามดูคนที่ช่วงวัยไม่ห่างจากอายุตัวเองมากนัก บวกลบราว 15 ปี เช่น ผมอายุ 42 ปี ฐานแฟนผู้ชมของผมก็คือคนอายุตั้งแต่ 27 ถึง 57 ปี เรามักไม่เขย่งข้าม Generation กันมากนัก เด็กเขาก็ดูเด็กด้วยกันเอง​” ทำให้ #beartai มีพิธีกรตั้งแต่วัยรุ่น วัยกลางคน จนถึงวัยเดอะ (สูงวัย)

สรุปไฮไลท์ We Will Survire: เราต้องรอด ในยุคที่สื่อเปลี่ยนไป โดย "หนุ่ย-พงศ์สุข

จับจองพื้นที่และปรับรูปแบบให้เหมาะกับแต่ละแพลตฟอร์ม เช่น Facebook ก็ทำวิดีโอเป็น 4:5 เพื่อให้ดูบนมือถือได้แบบไม่ต้องหมุนแนวนอน, Instagram ก็ปรับเป็น 9:16 เพื่อให้เกิดการมองเห็นนานที่สุด, LINE ก็เป็น 1:1, YouTube ก็เป็น 16:9 ตามอุปกรณ์ส่วนใหญ่ที่เปิดดู เช่น จอคอมพิวเตอร์ หรือสมาร์ตทีวี

สรุปไฮไลท์ We Will Survire: เราต้องรอด ในยุคที่สื่อเปลี่ยนไป โดย "หนุ่ย-พงศ์สุข

Context is more important than Content บริบทสำคัญกว่าเนื้อหา หลายคนได้ยินมาว่า Content is King แต่ในสื่อออนไลน์ บริบทสำคัญกว่า ทำให้พาดหัวให้ดี วิดีโอดูรู้เรื่องใน 6 วินาทีแรก หลังจากนั้นก็เข้าเนื้อหาหลัก แล้วสรุปจบ

สัดส่วนคอนเทนต์ 80 – 20

สำหรับ #beartai มีการวางสัดส่วนคอนเทนต์แบบ 80-20 โดย 80 แรกคือ Advertorial หรืองานที่มีการซื้อโฆษณา โดยยึดหลักที่ว่าต้องมีข้อติ หรือข้อสังเกต ส่วนอีก 20 คือการทำคอนเทนต์ตามเจตจำนงเสรี ที่อยากส่งมอบสิ่งดี ๆ ให้กับผู้คน

สรุปไฮไลท์ We Will Survire: เราต้องรอด ในยุคที่สื่อเปลี่ยนไป โดย "หนุ่ย-พงศ์สุข

เปิดให้ปิ๊ง เล่าให้เป๊ะ มุกให้ป๊อป ฮุกให้เปรี้ยง จบให้ปัง

ถ้าทำได้ตามนี้วิดีโอจะสนุกตลอดทั้งคลิป และจะทำวิดีโอยาวกี่นาทีก็ได้ รวมถึงต้องมีการเชื่อมโยงเรื่องให้น่าสนใจ เหมือนกับภาพยนตร์ นอกจากนี้ยังต้องมีกระบวนการ Pre-Screen เพื่อปรับปรุงแก้ไข เพื่อให้คอนเทนต์ออกมาดีที่สุด

สรุปไฮไลท์ We Will Survire: เราต้องรอด ในยุคที่สื่อเปลี่ยนไป โดย "หนุ่ย-พงศ์สุข

นี่ก็เป็นเคล็ดลับที่ทำให้เพจ #beartai ก้าวสู่ 1 ล้าน Followers และมีคลิป 10 ล้านวิวได้

ปรับวิธีคิด ยิ่งให้ = ยิ่งได้

สรุปไฮไลท์ We Will Survire: เราต้องรอด ในยุคที่สื่อเปลี่ยนไป โดย "หนุ่ย-พงศ์สุข

เป็นเวลากว่า 10 ปี ที่โฟกัสกับการหาเงินให้ได้เยอะ ๆ เพราะมีค่าใช้จ่าย ค่าเช่าสตูดิโอ ค่าเช่าเวลา ค่าพิธีกร ฯลฯ ทำให้ต้องประหยัดต้นทุนลงให้น้อยที่สุด แต่พอมาทำสื่อออนไลน์สเกลงานเล็กลง ค่าใช้จ่ายก็ลดลงตามกัน คุณหนุ่ยจึงเปลี่ยนวิธีคิด เปลี่ยนเอาเงินส่วนนั้นมาเป็น Incentive หรือแรงจูงใจ ให้กับพนักงาน ผลก็คือพนักงานแฮปปี้ ทุกคนตั้งใจทำงาน ทุกอย่างก็ดีขึ้น เรียกว่ายิ่งให้ก็ยิ่งได้

ขยับตัวไว และต้องมีเว็บไซต์

เรื่องของคอนเทนต์ หลังจากที่ผันมาทำออนไลน์ก็เปลี่ยนไปเกือบหมด แต่ก่อนบนทีวีต้องวางแผน นำเสนอ ผลิต กินเวลาหลายเดือน แต่พอเป็นออนไลน์ คิดวันนี้ ทำพรุ่งนี้ได้เลย อยากทำตอนไหนก็ทำเลย และมาดูผลลัพธ์ทีหลัง อีกอย่างที่สำคัญไม่แพ้กันคือ ต้องมีเว็บไซต์เป็นของตัวเอง เพราะว่าจะอยู่บนแพลตฟอร์มคนอื่นตลอดไม่ได้ อย่างน้อยอยู่บ้านตัวเองอุ่นใจกว่า

ติดให้ 1 ใน 10 แล้วจะมีงานทุกวัน

คุณหนุ่ยเล่าว่า คุณเจมส์-เรืองศักดิ์ เคยโพสต์ไว้ ถ้าคุณติด 1 ใน 10 ของวงการนั้น ๆ จะมีงานเข้ามาทุกวัน ซึ่งมันก็เป็นความจริง เรามีงานตลอด จากการที่เว็บไซต์ beartai.com ติดอันดับ 1 ที่มีผู้เข้าชมต่อเดือนมากที่สุดของไทย ในสาขาคอมพิวเตอร์ ที่จัดอันดับโดย truehits และคุณหนุ่ยเองก็เป็น 1 ใน 10 Influencer ชั้นนำของเมืองไทย

เทคนิคการเล่าเรื่องฉบับ #beartai

สุดท้ายปิดด้วยเทคนิคการเล่าเรื่องฉบับ #beartai ที่คุณหนุ่ยนำมาฝาก

  1. เล่าในสิ่งที่รู้ รู้ในสิ่งที่เล่า
  2. สื่อไหนเหมาะกับอะไร
  3. เติมความรู้ให้กับทีมเสมอ
  4. ใช้สูตร S.P.Y.
    • Simple เรียบง่าย
    • Persuasive โน้มน้าวใจ
    • Youthful สดใหม่เสมอ
  5. ภูมิใจเสนอ อยู่เสมอ โอบรัดกับความรู้สึกดีที่ได้แบ่งปัน

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส