ประชาสัมพันธ์-กิจกรรม
Toshiba รุกหนักครึ่งปีหลัง 2018 เปิดตัวสินค้าใหม่ 34 รุ่น หวังรายได้โต 2 ดิจิต

นายโตชิโระ อิชิวาตาริ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท โตชิบา ไลฟ์สไตล์ โปรดักส์ แอนด์ เซอร์วิส คอร์ปอเรชัน (TLSC) ประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า “โตชิบา ไม่เคยหยุดนิ่งที่จะสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดี ภายใต้มาตรฐานการดีไซน์และการผลิตจากประเทศญี่ปุ่น เพื่อตอบสนองความต้องการของผู้บริโภค โดยมุ่งเน้นด้านคุณภาพชีวิตและไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค จากการรวมกันของ TLSC และ Midea Group เรามุ่งเน้นการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์เพื่อรองรับกับความต้องการของตลาดโลก (Global Market) มากยิ่งขึ้น ขยายกลุ่มสินค้าให้หลากหลาย
TLSC ยังยืนยันเจตนารมณ์เดิมที่จะลงทุนในประเทศไทย ทั้งในแง่เป็นฐานการผลิต การพัฒนาผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการขายและการทำตลาด และโตชิบาจะยังคงเติบโต ยั่งยืน และก้าวไปด้วยกันกับคนไทย เรามุ่งเน้นและให้ความสำคัญกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ดี มีคุณภาพตามมาตรฐานญี่ปุ่น และคำนึงถึงไลฟ์สไตล์และความต้องการของลูกค้าเป็นหลัก ทั้งนี้ เพื่อนำสิ่งที่ดีสู่ชีวิตคนไทย ตามสโลแกนโตชิบา
นายไบรอัน จ้าว ประธาน บริษัท โตชิบา ไทยแลนด์ จำกัด เผยว่า “สำหรับตลาดในประเทศไทย ภาพรวมเศรษฐกิจ ตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบัน อยู่ในช่วงฟื้นตัว และมีแนวโน้มดีขึ้น โดยคาดว่าปีนี้จะเติบโตสูงถึง 4.1% ซึ่งถือว่าเติบโตสูงสุดตั้งแต่ปี 2555 ส่วนค่า GDP หรือ ผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ ก็เพิ่มสูงขึ้นถึง 4.8% ซึ่งตัวเลขดังกล่าวบ่งชี้ถึงแนวโน้มในเชิงบวกว่าธุรกิจเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านจะดีขึ้น
- สำหรับไตรมาสแรกของปี 2561 ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านยังคงทรงตัวที่อัตราการเติบโต 0.2% เนื่องจากสภาพอากาศ ส่งผลกระทบต่อยอดขายกลุ่มเครื่องปรับอากาศ มีผลติดลบ 9% อย่างไรก็ตาม เครื่องใช้ไฟฟ้าชิ้นเล็ก ยังมีการเติบโตสูงขึ้นถึง 7% ซึ่งช่วยสร้างความเชื่อมั่นว่าอนาคตจะเป็นไปในเชิงบวก
- สำหรับผลประกอบการของโตชิบาในครึ่งปีแรก ภาพรวมยอดขายโตชิบา โตขึ้นถึงกว่า 20% เมื่อเปรียบเทียบกับปีที่แล้วในช่วงเวลาเดียวกัน ในส่วนของการเปิดตัวสินค้าใหม่ในช่วงครึ่งปีแรก โตชิบาเผยโฉมสินค้าใหม่มากถึง 8 หมวดหมู่ รวม 32 รุ่น ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาร่วมกันระหว่างโตชิบาและไมเดีย และจากการลอนช์สินค้าดังกล่าว จึงเป็นที่มาของยอดขายที่เติบโตสูงขึ้น
- สำหรับแผนการตลาดครึ่งปีหลัง โตชิบายังคงใช้ความได้เปรียบจากการรวมกันของ 3 ประเทศ ได้แก่ สินค้าคุณภาพมาตรฐานญี่ปุ่น // ความรวดเร็วในการผลิตและการพัฒนาจากประเทศจีน และ ประสบการณ์การทำตลาดอันยาวนานจากประเทศไทย เปิดตัวคอนเซปต์ A New Chapter Beyond All Limits เพื่อตอกย้ำโตชิบายุคใหม่ ที่จะก้าวทะยานไปข้างหน้าอย่างไร้ขีดจำกัด โดยคาดหวังจะเป็นแบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้า Top 3 ในประเทศไทย ภายใน 3 ปี และต้องเติบโตอย่างน้อย 2 ดิจิตขึ้นไป เราวางแผนที่จะขยายธุรกิจของเราให้เติบโตยิ่งขึ้น จากการที่มีผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ เพิ่มมากมาย โดยในครึ่งปีหลัง แผนเปิดตัวสินค้าใหม่เพิ่มอีก 8 หมวดหมู่ 34 รุ่น
นายฮิโรยูกิ ทากาเสะ ผู้จัดการทั่วไป กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านและทีวี กล่าวเสริมว่า “จากข้อมูลเดือนมกราคมถึงเมษายน 2561 ที่ผ่านมา มูลค่าการตลาดสินค้ากลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าในประเทศไทย เติบโตขึ้น 0.2%
- โดยสัดส่วนที่เพิ่มมากขึ้นเยอะได้แก่กลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก (SDA – Small Domestic Appliances) ซึ่งมีสัดส่วนการตลาด 31%
- ในขณะที่เครื่องปรับอากาศ 32%
- ตู้เย็น 19% และเครื่องซักผ้า 18%
- ส่วนการเติบโตสินค้ากลุ่มความเย็นและกลุ่มซักผ้า เติบโต 4%
- ในขณะที่เครื่องปรับอากาศ ติดลบ 9%
- ส่วนเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เติบโตสูงถึง 7.1% โดยเครื่องทำน้ำอุ่นโตถึง 31% และไมโครเวฟ 15%
- ส่วนผลประกอบการของโตชิบาในครึ่งปีแรก ยอดขายโตชิบาโตถึงกว่า 20% โดยมาจาก ตู้เย็น เครื่องซักผ้า ไมโครเวฟ และ เครื่องทำน้ำอุ่นที่เติบโตถึง 38%, 35%, 189% และ 146% ตามลำดับ ส่วนเครื่องปรับอากาศ เติบโตเพียง 1%
- ส่วนแผนการตลาดครึ่งปีหลัง บริษัทฯ มีแผนเปิดตัวสินค้าใหม่อีก 34 รุ่น ทั้งกลุ่มตู้เย็น เครื่องซักผ้า หม้อหุงข้าว เครื่องปั่นน้ำผลไม้ และเครื่องทำน้ำอุ่น เพื่อมาเติมเต็มช่องว่างของสินค้าที่โตชิบาขาดหายไป และถือเป็นการตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้หลากหลายและครบถ้วนยิ่งขึ้น
นายบุนยรัตน์ ไตรสิริสมบัติ ผู้จัดการอาวุโส ฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน กล่าวเสริมว่า “ในครึ่งปีหลังนี้ โตชิบาจะเปิดตัวสินค้ามากมาย โดยเฉพาะตู้เย็นและเครื่องซักผ้า ที่จะมาขยาย Market Share ของโตชิบาให้กว้างขึ้น ทั้งตลาดพรีเมียมและตลาดแมส สำหรับสินค้ากลุ่มตู้เย็น โตชิบาเป็นที่ 1 ในเรื่องตู้เย็นประตูเดียวมาตลอดหลายปีต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังมีตู้เย็น 2 ประตู และตู้เย็นมินิบาร์ แต่ในปีนี้ เราจะมาครบไลน์อัพ เติมเต็มช่องว่างเค้กก้อนใหญ่ในส่วนของตู้เย็นมัลติดอร์ (Multi Doors) และ ตู้เย็นไซด์บายไซด์ (Side By Side) ที่มีมูลค่าการตลาดถึงหนึ่งพันล้านบาท โดยมีแผนออกสินค้าในไตรมาส 4 ส่วนในไตรมาส 3 เราส่งตู้เย็น 1 ประตูรุ่นใหม่ FIT ที่ปรับโฉมใหม่ เพื่อยังคงรักษาความเป็นผู้นำเบอร์ 1 ในตู้เย็น 1 ประตู ด้วยส่วนแบ่งการตลาดสูงสุดเกือบ 30%
ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ โตชิบาจะใส่ใจเรื่องความต้องการของลูกค้า รวมถึงดูเทรนด์ผู้บริโภคเป็นหลัก เฉกเช่นการพัฒนาตู้เย็น ที่ผู้หญิงทำงานนอกบ้านมากขึ้น เวลามีจำกัด ดังนั้นการซื้อของกินของใช้ในแต่ละครั้งจึงมาก และเมื่อต้องเก็บมาก เราจึงออกแบบตู้เย็นให้ใหญ่ขึ้น รวมถึงต้องเก็บรักษาความสดได้ยาวนาน และต้องออกแบบตู้เย็นให้จัดสรรของกินแต่ละประเภทให้อยู่ในอุณหภูมิที่เหมาะสม จึงเป็นที่มาของการเกิดตู้เย็นไซด์บายไซด์ และมัลติดอร์
- ตู้เย็นมัลติดอร์ โดดเด่นด้วย 3 Cycle Real Inverter มาพร้อมระบบทำความเย็น 3 Cooling กระจายความเย็นได้ทั่วถึง และระบบการกำจัดกลิ่นชั้นยอด นอกจากนี้ยังแบ่งช่องต่างๆ ในตู้เย็นได้มากถึง 26 ช่อง เพื่อให้คุณเลือกแช่ได้ตามใจ
- ส่วนตลาดเครื่องซักผ้า เราตั้งเป้าเติบโต 50% โดยขยายไลน์อัพเพิ่ม ด้วยการเปิดตัวเครื่องซักผ้า 2 ถังสำหรับจับตลาดกลางถึงล่าง และเพิ่มเครื่องซักผ้าฝาหน้า และ 2 in 1 เครื่องซักอบผ้าฝาหน้า เพื่อจับกลุ่มคอนโด และตลาดกลางถึงบน ซึ่งใน 2 ตลาดดังกล่าว มีมูลค่าการตลาดสูงถึง 6,000 ล้านบาท ซึ่งจะมาช่วยเติมเต็มมาร์เก็ตแชร์ของกลุ่มเครื่องซักผ้าของโตชิบามากขึ้น
- ในไตรมาส 3 นี้ โตชิบามีแผนเปิดตัวเครื่องซักผ้า 2 ถัง ซึ่งมาด้วยดีไซน์ที่สวยหรู ตัวถังกันสนิม พร้อมจุดเด่นท่อเติมน้ำแบบคู่ ที่ทำให้การซักและการปั่นสะดวก สะอาดยิ่งขึ้น มีให้เลือกมากถึง 4 ความจุ คือ 7.5 กก. 8.5 กก. 11 กก. และ 13 กก. เพื่อเติมเต็มความต้องการของผู้บริโภคที่หลากหลาย
- สำหรับเครื่องซักผ้าฝาหน้า หรือ Front Load จะมาด้วยเทคโนโลยี Great Wave ที่ช่วยให้ผ้าสะอาดโดยไม่ต้องใช้น้ำร้อน จึงทำให้ประหยัดไฟ ประหยัดเวลา รวมถึงช่วยปกป้องสีสันของเสื้อผ้าให้อยู่ยาวนานยิ่งขึ้น มาพร้อม 3 ความจุให้เลือก คือ 7.5 กก. 8.5 กก. และ 9.5 กก.
- ส่วนตัวไฮไลท์ เป็นเครื่องซักอบฝาหน้า ที่มีความจุทั้งซักและอบที่เท่ากัน เพื่อตอบโจทย์การใช้งานที่สะดวกสบายยิ่งขึ้น ซึ่งมีให้เลือก 2 ความจุ คือ 10/10 กก. และ 8/8 กก. ซึ่งแพลนวางขายในไตรมาส 4
นายชาตรี พลสอนดา ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กลุ่มผลิตภัณฑ์เครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก กล่าวว่า “ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เป็นตลาดที่มีอัตราการเติบโตสูง เนื่องจากเป็นสินค้าที่มีราคาไม่สูงมาก มีความต้องการใช้ต่อเนื่อง และด้วยความที่สินค้ามีหลากหลาย จึงตอบสนองความต้องการผู้บริโภคได้แตกต่างกัน สำหรับแบรนด์โตชิบา เราตั้งเป้าขึ้นเป็น Top 3 ในกลุ่มเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็กภายใน 3 ปี โดยในครึ่งปีแรก เห็นผลชัดเจนว่าเราเติบโตมากในกลุ่มสินค้ากลุ่มไมโครเวฟ ซึ่งโตขึ้นถึง 189% จากการที่เราเปิดตัวไมโครเวฟใหม่ 7 รุ่นเมื่อต้นปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมีเครื่องทำน้ำอุ่น ซึ่งโตขึ้นถึง 146% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ทำให้ใน ไตรมาสที่ 3 นี้ เราแพลนออกเครื่องทำน้ำอุ่นใหม่อีก 8 รุ่น เพื่อเตรียมรับหน้าหนาวที่จะมาถึงในปลายปีนี้ สำหรับตลาดหม้อหุงข้าว เราตั้งใจขยายตลาดระดับกลางถึงล่าง โดยส่งหม้อหุงข้าวประเภท Jar Type หรือหม้ออุ่นทิพย์ดีไซน์ใหม่ สดใส และทันสมัยกว่าเดิม มีให้เลือก 2 ความจุ 5 รุ่น 3 ดีไซน์ มากไปกว่านั้น โตชิบากำลังขยายไลน์สินค้ากลุ่มเครื่องปั่นน้ำผลไม้เพิ่ม ซึ่งเป็นตลาดที่มีการเติบโตสูงเช่นกัน เพราะเมืองไทยเป็นเมืองร้อน และคนใส่ใจเรื่องสุขภาพมากขึ้น เครื่องปั่นน้ำผลไม้ของโตชิบา มาด้วยเทคโนโลยี Off Center ที่ช่วยให้น้ำผลไม้ปั่นละเอียดยิ่งขึ้น”
นางสาวธัญปภัสส์ อริยะวรวัฒน์ ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายการตลาด กล่าวเสริมว่า “นอกจากปัจจัยทางเศรษฐกิจที่ส่งผลต่อตลาดแล้ว ยังต้องคำนึงถึงปัจจัยโดยตรงจากกลุ่มผู้บริโภคด้วย อย่างแนวโน้มหรือเทรนด์ เรื่องความต้องการของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ซึ่งแนวโน้มดังกล่าว จะส่งผลต่อการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สอดคล้องกับความต้องการของผู้บริโภคมากยิ่งขึ้น ทั้งในเรื่องความสะดวกสบาย คุณภาพและเทคโนโลยี ดีไซน์ของสินค้า ที่อาจนับได้ว่าเป็นเฟอร์นิเจอร์ในบ้าน รวมถึงการตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่เร่งรีบ อย่างเรื่องการประหยัดเวลา นอกจากนี้ ปัจจัยอื่นๆ ยังรวมถึงการรักษ์โลก ประหยัดพลังงาน และการรักสุขภาพ ดังนั้น ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของโตชิบา จึงถูกออกแบบมา โดยคำนึงถึงผู้บริโภคเป็นปัจจัยหลัก เพื่อให้แน่ใจว่า เราจะ “นำสิ่งที่ดี มาสู่ชีวิต” ให้กับผู้บริโภคได้อย่างต่อเนื่อง”
- สำหรับกิจกรรมการตลาดในครึ่งปีแรก อัตราส่วนการลงทุน จะมุ่งเน้นที่ การสร้างแบรนด์ สร้างภาพลักษณ์ และการจดจำต่อสาธารณชน ซึ่งรวมไปถึง ณ จุดขาย การส่งเสริมการขาย เพื่อกระตุ้นให้เกิดการจับจ่ายใช้สอยมากยิ่งขึ้น และนอกจากการลงทุนข้างต้นแล้ว ทางบริษัทยังให้ความสำคัญกับ พนักงานขาย อีกด้วย เพื่อให้แน่ใจว่าผลิตภัณฑ์จะเป็นประโยชน์แก่ผู้บริโภคได้มากที่สุด นอกเหนือจากการจัดจำหน่าย สินค้า ที่มีคุณภาพ หลากหลาย และแข่งขันได้
- ส่วนแผนการตลาดครึ่งปีหลัง จะเน้นเรื่อง 4P ได้แก่
- สินค้า อย่างเรื่องการเพิ่มไลน์สินค้า การอัพเกรดสินค้าให้มีคุณภาพและทันสมัยยิ่งขึ้น
- การขยายช่องทางการขาย ช่องทางการจัดจำหน่าย ให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น
- แพลนปรับโฉมร้านค้าให้ดูทันสมัย และสวยงามยิ่งขึ้น แผนการสื่อสารและการตลาดงบกว่า 12% เพื่อการลงทุนด้านโฆษณาและส่งเสริมการขาย ทั้ง Above the line และ Below the line เพื่อสร้างการรับรู้ และความเชื่อมั่นในตราสินค้า ทั้งนี้ ภาพรวมการตลาดจะผ่านการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ โดยเฉพาะ Online & Social Media เป็นหลัก โดยเน้นเรื่อง Digital Marketing, Localized Marketing
- การทำกิจกรรมส่งเสริมการขายให้เหมาะกับกลุ่มสินค้า ฤดูกาล และพื้นที่การขาย โดยจะมีแคมเปญออกมาอย่างต่อเนื่อง อาทิ
- แคมเปญรับหน้าฝน แคมเปญฉลองวันเกิด แคมเปญรับปีใหม่
- หรือแม้แต่การทำ Road Show และ Work Shop ไปยังกลุ่มเป้าหมายต่าง ๆ เพื่อสร้างประสบการณ์การใช้สินค้า
- และสุดท้าย เรายังคงให้ความสำคัญกับ พนักงานขาย ที่ไม่ได้ต้องการให้เป็นตัวแทนขายสินค้า แต่เขาคือที่ปรึกษาส่วนตัว (Personal Consultant) เราจึงมีแผนพัฒนาบุคลากรให้ความรู้และฝึกอบรมทั้งในส่วนการขาย การสร้างประสบการณ์การใช้งาน การเป็นเลขาส่วนตัว รวมถึงการให้คำแนะนำหลังการขายด้วย
นางกนิษฐ เมืองกระจ่าง ประธานกรรมการบริหารบริษัท กล่าวเสริมว่า “นอกจากบริษัทฯ จะเตรียมพร้อมสำหรับการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ และแผนการตลาดต่าง ๆ ตามที่กล่าวข้างต้นแล้ว บริษัทฯ ยังได้มีแผนการพัฒนาระบบสารสนเทศ ระบบงานบริการหลังการขาย ระบบการบริหารทรัพยากรบุคคล และระบบต่างๆ เพื่อเตรียมรองรับการเติบโตในอนาคต นอกจากนี้ขอให้เชื่อมั่นในโตชิบา เรายังคงเป็นแบรนด์ที่ยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ในฐานะผู้ถือหุ้นคนไทย เรายังเชื่อมั่นในโตชิบา และในการรวมพลังของเรา 3 ประเทศ จะนำไปสู่การสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ที่ดี ที่รวดเร็ว และเติบโตอย่างยั่งยืน และที่สำคัญ เรายังคงมุ่งเน้นนโยบายด้านส่งเสริมกิจกรรมที่ดีเพื่อสังคม (CSR – Corporate Social Responsibility) เช่นที่ผ่านมา โตชิบาจะต้องเป็นตัวอย่างของบริษัทที่มีธรรมาภิบาลของสังคมไทย เป็นบริษัทที่ไม่ได้เน้นเพียงเรื่องการขายและการบริการเท่านั้น แต่ต้องเป็นบริษัทที่รับผิดชอบต่อท่านผู้แทนจำหน่าย ต่อสังคม ต่อคนรุ่นต่อไป ต่อประเทศชาติที่รักของพวกเราทุกคน และจะ “มุ่งมั่น …นำสิ่งที่ดีสู่ชีวิต”
แสดงความคิดเห็น

ประชาสัมพันธ์-กิจกรรม
มหาจักรฯเดินหน้าเปิดตัว “JBL Endurance Series” ครบทั้งตระกูล พร้อมวางจำหน่ายแล้วทั่วประเทศ

บริษัท มหาจักรดีเวลอปเมนท์ จำกัด วางจำหน่ายเป็นที่เรียบร้อยสำหรับหูฟัง JBL Endurance Series โดยตระกูลนี้เป็นหูฟังสาย Sport มีทั้งหมด 5 รุ่น เริ่มกันตั้งแต่
JBL Endurance RUN
- หูฟัง JBL Endurance Run ด้วยการออกแบบ FlipHook ที่สวมใส่แบบเกี่ยวหลังใบหูได้ด้วย
- ผสมกับ FlexSoft และ TwistLock เทคโนโลยี รับประกันได้เลยว่าคุณจะไม่รู้สึกเจ็บ หรือหูฟังหลุดในขณะที่ใช้งานอย่างแน่นอน
- กันน้ำมาตราฐานการกันน้ำระดับ IPX5 กันฝนและเหงื่อได้อย่างดี ทำให้คุณหมดห่วงทุกอุปสรรค์ในการออกกำลังกาย
- มาพร้อมไมโครโฟนในตัวจึงทำให้คุณไม่พร้อมสายสำคัญขณะที่คุณออกกำลังกาย
- มีทั้งหมด 4 สี ได้แก่ สีแดง, สีเหลือง, สีน้ำเงิน และสีเขียว
- ราคา 990 บาท
JBL Endurance SPRINT
- หูฟัง JBL Endurance Sprint หูฟังที่ถูกออกแบบมาให้ไม่เจ็บหรือหลุดขณะสวมใส่
- มาพร้อมมาตราฐานการกันน้ำระดับ IPX7
- มีเทคโนโลยี Speed Charge จึงใช้เวลาในการชาร์จแบตเตอรี่เพียง 10 นาที และใช้งานได้นานถึง 8 ชั่วโมง
- สวมใส่สบายสุด ๆ ด้วยเทคโนโลยี FlexSoft และ TwistLock ที่รับประกันได้เลยว่า จะไม่ทำให้คุณเจ็บหรือหูฟังหลุดขณะสวมใส่
- มาพร้อมการความคุมแบบสัมผัสที่ให้คุณได้ใช้งานอย่างสะดวกสบาย
- มี MagHook แม่เหล็กที่จะให้คุณหนีบหูฟังกับเสื้อผ้าในขณะที่คุณไม่ได้ใช้งานได้อีกด้วย
- มีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีดำ, สีแดง, สีเหลือง, สีน้ำเงิน และสีเขียว
- ราคา 1,990 บาท
JBL Endurance JUMP
- หูฟัง JBL Endurance Jump หูฟังที่ถูกออกแบบมาให้ไม่เจ็บหรือหลุดขณะสวมใส่ เหมาะสำหรับผู้ที่ชอบออกกำลังกายที่มีการคลื่อนไหวสูง (กระโดด, โลดโผน) ด้วยการออกแบบตัว Hook และ จุกยางอย่างดี รับประกันได้ว่าคุณจะไม่รู้สึกเจ็บ หรือหูฟังหลุดในขณะที่สวมใส่
- มาพร้อม PowerHook ที่ถูกออกแบบมาเพื่อเปิดใช้งานทันทีอัตโนมัติ เมื่อคุณทำการสวมใส่หูฟัง
- เสริมความมั่นใจยิ่งขึ้นด้วย Twistlock ที่ออกแบบมาให้ล็อคกับใบหูอย่างพอดี
- สามารถกันน้ำได้ด้วยมาตราฐาน IPX7 ใช้งานได้นานถึง 8 ชั่วโมง
- พร้อมทั้งยังใช้เวลาชาร์จที่แสนสั่นด้วยเทคโนโลยี Speed Charge
- มีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีดำ, สีแดง, สีเหลือง, สีน้ำเงิน และสีเขียว
- ราคา 2,990 บาท
JBL Endurance DIVE
- หูฟัง JBL Endurance Dive เมื่อคุณชอบออกำลังกายทั้งบนบกและในน้ำ JBL Endurance Dive คือหูฟังที่เกิดมาเพื่อคุณ รับประกันว่าเมื่อคุณสวมใส่หูฟังเป็นเวลานานจะไม่ทำให้คุณเจ็บหูหรือหลุดแน่นอน
- ช่วยให้คุณออกกำลังกายได้เพลิดเพลนมากขึ้น ด้วยมาตราฐานการกันน้ำระดับ IPX7 และ Powerhook ที่เมื่อคุณทำการสวมใส่และล็อค Hook ฟังจะทำการเปิดใช้งานให้อัตโนมัติ ไม่จำเป็นต้องพกโทรศัพท์ไว้ใกล้ตัวเพื่อฟังเพลงอีกต่อไป
- เชื่อมต่อการใช้งานผ่าน Bluetooth ได้แล้ว DIVE ยังมีเครื่องเล่น MP3 ภายใน มีความจุ 1 GB (สามารถบันทึกได้มากกว่า 200 เพลง)
- ความคุมด้วยการสัมผัส มาพร้อมแบตเตอรี่ที่สามารถใช้งานได้สูงสุด 8 ชั่วโมง
- มีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีดำ, สีแดง, สีเหลือง, สีน้ำเงิน และสีเขียว
- ราคา 3,990 บาท
JBL Endurance PEAK
- หูฟัง JBL Endurance Peak เพลิดเพลินกับอิสระในการออกกำลังกายที่ไร้สายอย่างสมบูรณ์แบบ โดย JBL PEAK
- ใช้งานได้นานสูงสุด 28 ชั่วโมง (4 ชั่วโมงต่อครั้ง + 24 ชั่วโมงเคสหูฟังพลังงานสำรอง)
- ใช้เวลาชาร์จเพียง 10 นาที เพื่อใช้งาน 1 ชั่วโมง มาพร้อม PowerHook ที่จะทำให้คุณใช้งานหูฟังได้ทันที เมื่อคุณทำการสวมใส่ พร้อมเสมอสำหรับการออกกำลังกายของคุณทุกรูปแบบ สามารถกันน้ำได้ ด้วยมาตราฐาน IPX7 สำหรับการทำงานของตัว Hook ถูกออกแบบให้รับกับใบหูเป็นอย่างดี รับประกันได้เลยว่าคุณจะไม่เจ็บหู หรือหลุดขณะที่คุณกำลังสวมใส่
- สามารถใช้งานได้ทั้งแบบ MONO และ STEREO สามารถรับสายโทรศัพท์ได้อย่างสะดวกสบาย ด้วยการควบคุมแบบสัมผัส
- มาพร้อมเคสที่ถูกออกแบบมาอย่างทนทาน ให้คุณได้เก็บรักษาหูฟังของคุณได้เมื่อใช้งานเสร็จเรียบร้อย
- มีทั้งหมด 5 สี ได้แก่ สีดำ, สีแดง, สีเหลือง, สีน้ำเงิน และสีเขียว
- ราคา 4,990 บาท
แสดงความคิดเห็น
ประชาสัมพันธ์-กิจกรรม
ให้ขอบเขตสีกว้างกว่า รองรับงานพิมพ์คุณภาพสูงกับ “High Chroma” จากโคนิก้า มินอลต้า

โคนิก้า มินอลต้า เปิดตัวแท่นพิมพ์ดิจิทัลสี High Chroma รุ่น AccurioPress C83HC ใหม่ล่าสุด อย่างเป็นทางการ คุณสมบัติเด่นคือสามารถพิมพ์สี sRGB ได้ ซึ่งให้ผลใกล้เคียงกับจอภาพ
สำหรับเทรนด์สีในปี 2019 มีอยู่ 8 สีด้วยกัน ได้แก่
- สีแดง Fiery reds หากรู้จักเลือกใช้จะให้ความรู้สึก Healthy
- สีขาว White neutrals สีที่ให้ความรู้สึกสงบ ความลงตัว
โมเดิรน์และทันสมัย - สีแบบ Earthy tones ให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นสีเขียว สีน้ำตาล ให้ความรู้สึกอบอุ่น ย้อนอารมณ์ไปในอดีต
- สี Less is more มีแบบสีให้เลือกไม่มากแต่กลับสร้างการตอบรับได้ดี อาทิ สีขาว – ดำ
- สี Break contrasts ให้ความรู้สึกถึงความกล้าของสีในแบบสีธรรมชาติหลัก ๆ แล้วมาทำให้เกิดขัดแย้งเป็นสีใหม่
- สีแบบ The more the merrier สามารถใช้สีได้ทุก ๆ พื้นที่ อาทิ สีพาสเทล หรือสีที่สะท้อนแสงได้
- สีแบบ Iridescent Colors คล้ายหนังปลาทู สีสายรุ้ง 8.สี Living Coral หรือสีของปะการังที่ให้ความอบอุ่น เติบโต ซึ่งในปัจจุบันจะเห็นนักออกแบบนำมาใช้กับการเปิดตัวสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ๆ
แท่นพิมพ์ดิจิทัลสี AccurioPress C83HC ของโคนิก้า มินอลต้า น่าจะตอบโจทย์งานเหล่านี้ได้เพราะมีเทคโนโลยีผงหมึกสี High Chroma ที่ให้ขอบเขตสีที่กว้างกว่าผงหมึกสี CMYK ทั่วไป จึงให้ภาพพิมพ์ที่มีสีใกล้เคียงกับไฟล์ภาพ
แท่นพิมพ์ดิจิทัลสีผงหมึก High Chroma รุ่น AccurioPress C83HC เป็นแท่นพิมพ์ระบบอิเล็กโทรโฟโตกราฟี เพียงหนึ่งเดียวที่สามารถพิมพ์สี sRGB ได้ ซึ่งให้ขอบเขตสีที่กว้างกว่าผงหมึกสี CMYK ทั่ว ๆ ไป งานพิมพ์ที่ได้จึงดูมีชีวิตชีวา โดยเฉพาะย่านสีชมพูและสีม่วงที่เจิดจ้ากว่าเดิม สีน้ำเงินและสีเขียวที่สว่างสดใสเป็นพิเศษ สร้างเอกลักษณ์และความแตกต่างเหนือคู่แข่ง ตอบโจทย์ผู้ประกอบการพี่ต้องการสร้างความแตกต่างให้กับงานพิมพ์ใน 3 กลุ่มธุรกิจ ได้แก่
- กลุ่มแรก คือ แพคเกจจิ้งดีไซน์ ที่สินค้าทุกประเภทต้องการบรรจุภัณฑ์ที่มีความโดดเด่นเพื่อให้ผู้บริโภคเดินเข้ามาหยิบจับสินค้า และจำเป็นต้องมีการใช้สีเพื่อสร้างจุดขายไม่เว้นแม้แต่ฉลากสินค้า
- กลุ่มที่สอง คือ ฉลากสินค้าของผลิตภัณฑ์ที่ต้องการสร้างจุดเด่นให้กับสินค้าของตัวเองเพื่อดึงดูดความสนใจจากผู้บริโภค และ
- กลุ่มที่สาม คือ ธุรกิจภาพถ่าย ต้องการสร้างเอกลักษณ์และสร้างจุดเด่นของตนเอง
ซึ่งแท่นพิมพ์ AccurioPress C83HC สามารถรองรับกระดาษได้สูงสุด 350 แกรม หน่วยความจำสามารถควบคุมได้ถึง 2 โหมด ได้แก่
- CMYK ที่ทุกแบรนด์ในตลาดทำได้ และ
- โหมด High Chroma ซึ่งมีเฉพาะแท่นพิมพ์โคนิก้า มินอลต้า เท่านั้นที่ทำได้ และ
- ยังทำให้สีของงานพิมพ์ออกมาใกล้เคียงกับไฟล์ภาพแบบที่นักออกแบบหรือช่างภาพคาดหวังไว้
อีกหนึ่งเทคโนโลยีที่โคนิก้า มินอลต้าภูมิใจคือ เทคโนโลยี IQ 501 ที่มีความสามารถพิเศษควบคุมคุณภาพของงานพิมพ์ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งของภาพพิมพ์ หรือความสม่ำเสมอของสี และยังช่วยลดการสูญเสียที่เกิดจากการพิมพ์ และยังทำให้เรื่องของงานหลังการพิมพ์ ทำได้ง่ายมากและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
แสดงความคิดเห็น
ประชาสัมพันธ์-กิจกรรม
เพราะการออกแบบที่โดดเด่น!! LINE คว้ารางวัล “iF Design Award 2019”

LINE Plus Corporation บริษัทในเครือ LINE Corporation ณ ประเทศเกาหลีไต้ ประกาศความภาคภูมิใจครั้งใหญ่กับการชนะเลิศรางวัล iF DESIGN AWARD รางวัลการออกแบบมีชื่อระดับโลกในหมวดหมู่ Communication
โครงการออกแบบ Welcome Kit ของ LINE ได้รับการคัดเลือกจากกว่า 6.400 ผลงานที่ส่งมากจากกว่า 50 ประเทศ ด้วยความเป็นเลิศในด้านการออกแบบที่โดดเด่น เป็นเอกลักษณ์และสามารถถ่ายทอดตัวตนขององค์กรและแบรนด์ได้อย่างดีเยี่ยม
Welcome Kit ผลงานการออกแบบโดยเหล่า Creative Center ใน LINE Plus เป็นแพคเกจของ LINE ที่มอบให้กับพนักงานใหม่ทุกคน ในวันแรกที่เข้าทำงาน ประกอบไปด้วย
- การ์ดข้อความต้อนรับ
- เช็คลิสต์
- บัตรกำนัล (Gift Voucher)
- ตารางเวลาตั้งโต๊ะ
- เซตของสำหรับโต๊ะทำงาน
- เซตกล่องบัตรพนักงาน และ
- ชุดเครื่องเขียน
เพื่อช่วยให้พนักงานสามารถปรับตัวเข้ากับการทำงานใน LINE ได้อย่างรวดเร็ว ด้วยการออกแบบให้แบรนด์ผสมผสานอยู่ใน Welcome Kit ได้อย่างลงตัว ทำให้ผู้รับประทับใจกับประสบการณ์แรกที่ได้รับจากแบรนด์ และรู้สึกถึงความเป็นเจ้าของ Welcome Kit อันแสดงออกถึงตัวตนของแบรนด์ LINE ได้อย่างชัดเจน
แสดงความคิดเห็น
-
ข่าววงการมือถือ2 days ago
ตำนานใหม่ เปิดตัว Samsung Galaxy Fold หน้าจอพับได้ มีรอยบาก กล้อง 6 ตัว ราคา 6 หมื่นบาท!
-
ข่าววงการมือถือ2 days ago
Samsung เปิดตัว Galaxy S10 และ S10 Plus หน้าจอเจาะรู กล้องหลังสามตัว กล้องหน้าคู่ และสแกนลายนิ้วมือในหน้าจอ!
-
ข่าวไอทีในประเทศ2 days ago
รวมราคา Samsung Galaxy S10 และ 10+ จากทุกค่ายมือถือลดสูงสุด 50 เปอร์เซ็นต์!
-
ข่าววงการมือถือ2 days ago
เปิดตัว Samsung Galaxy S10E สเปกเรือธงในราคาไม่แพง!
-
ข่าววงการมือถือ2 days ago
Xiaomi Mi 9 ทำคะแนนทดสอบวิดีโอโดย DxOMark ได้ “สูงสุด” เหนือสมาร์ตโฟนทุกรุ่น
-
ข่าววิทยาการ3 days ago
เด็กหญิงชาวจีนปิ๊งไอเดีย! นำเครื่องคัดลายมือมาช่วยทำการบ้าน
-
What The Fact3 days ago
[รีวิว]Happy Death Day 2U : กลายเป็นหนังไซไฟไปซะงั้น
-
ข่าววงการถ่ายภาพ3 days ago
เผยภาพ Leica Q2 ก่อนเปิดตัวเดือนมีนาคมนี้