หนึ่งในปริศนาที่เป็นที่สงสัยมาหลายปีของผู้คนทั่วโลก คือรูปสลักหิน ‘Moai’ บนเกาะ Easter ประเทศ Chili ก่อนหน้านี้นักโบราณคดีเชื่อว่า Moai ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อพิธีกรรมทางศาสนา แต่เมื่อไม่นานมานี้นักโบราณคดีกลับมีข้อสันนิษฐานว่ามันอาจถูกสร้างมาเพื่อเป็นสัญลักษณ์บอกถึงแหล่งน้ำจืดของเกาะ!

Moai คือ รูปสลักที่เกิดจากหินเพียงก้อนเดียวที่มีความสูงเฉลี่ย 3.5 เมตร และหนักเฉลี่ยกว่า 20 ตัน บางตัวมีช่วงตัวที่โผล่พ้นดินขึ้นมา บางตัวก็ถูกฝังอยู่ในดิน ชาวพื้นเมืองเชื่อว่า Moai เป็นที่สิงสถิตของวิญญาณบรรพบุรุษ เพื่อดลบันดาลให้พืชผลเจริญงอกงาม

แต่งานวิจัยที่ถูกตีพิมพ์ใน PLOS One ได้ออกมาบอกถึงปริศนา Moai ที่ถูกตั้งกระจัดกระจายอยู่รอบ ๆ เกาะว่า นักวิจัยจากสถาบันทั้ง 6 ของอเมริกา ได้ทำการสำรวจ Moai 93 ตัวรอบ ๆ เกาะ พวกเขาพบว่าพื้นที่รอบ ๆ รูปสลักหิน มีการทำการเกษตร แหล่งตกปลาน้ำจืด และแหล่งน้ำจืดบนเกาะ พร้อมทั้งมีแหล่งทรัพยากรทางทะเลอยู่ใกล้ ๆ กันอีก เมื่อนักวิจัยได้ทำการวิเคราะห์แหล่งที่ตั้ง Moai พวกเขาก็พบว่าภายใต้เกาะแห่งนี้มีแหล่งน้ำบาดาลอยู่ และมีการซึมออกมาผ่านกระบวนการต่าง ๆ จากพื้นดินตามแนวชายฝั่ง Cari Lipo ศาสตราจารย์ด้านมนุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัย Binghamton กล่าวว่า เราสังเกตเห็นม้าบนเกาะไปดื่มน้ำที่ริมชายฝั่ง เมื่อน้ำทะเลลดลง น้ำจืดจากแหล่งน้ำบาดาลจะไหลออกมาแทนที่ และทุกจุดที่มีน้ำจืดไหลออกมาที่นั่นจะมี Moai ตั้งอยู่ และเมื่อสังเกต Moai ตัวอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ใกล้ชายฝั่ง ก็จะพบว่าพวกมันถูกตั้งไว้ใกล้กับถ้ำและแหล่งน้ำจืดอื่น ๆ ด้วยเช่นกัน การค้นพบนี้ทำให้เราได้รู้ว่า Moai เป็นสิ่งที่มีค่ามากกว่าพิธีกรรมทางศาสนาสำหรับคนสมัยก่อน แต่มันหมายถึงศูนย์กลางการอยู่รอดของชาวเผ่าบนเกาะอีกด้วย

แต่การค้นพบนี้เป็นเพียงการไขปริศนาเพียงเศษเสี้ยวเล็ก ๆ ของ Moai เพราะเรายังคงต้องหาคำตอบอีกว่า แล้วทำไมรูปสลักบางอันถึงมีขนาดใหญ่มากกว่าปกติ และหากจะทำเพื่อบอกแหล่งน้ำจืดก็มีวิธีที่ง่ายกว่านี้ ดังนั้นนักโบราณคดีและนักวิจัยก็จะยังคงเดินหน้าเพื่อไขปริศนา Moai บนเกาะ Easter ต่อไป

อ้างอิง