ตอนนั้นมันยุค pantip ใช่มั้ย เจ็บ ๆ ฮะ ตอนนั้นผมก็ดาวน์มาก แล้วสุกี้ก็พูดกับผมว่า “ไม่รู้ว่า you ควรอยู่วงการนี้รึเปล่าวะ you sensitive ชิ_หาย” เล่นคอนเสิร์ตเสร็จก็ลงมาร้องไห้ เล่นไม่ดี ร้องไม่ดี ผมจะ self-critical มาก สร้างความกดดันให้ตัวเองมาก แต่ผมพยายามเข้าใจคนนะ ผมเป็นเค้าก็อาจคิดแบบเค้าเหมือนกัน เค้าก็ไม่ผิดที่จะคิดแบบนั้น ผมเรียน anthropology (มานุษยวิทยา) ผมต้องเข้าใจว่าทำไมเค้าถึงคิดแบบนั้น ผมก็แบบโอเค hurt ที่คุณมา judge ผม แต่ผมก็จะพยายามพิสูจน์ ซึ่งต่อให้คนที่ไม่ชอบเรานะ ถ้าเค้าเห็นเราพยายามเค้าก็จะให้เครดิตเราว่า he tries he tries
ลงมาร้องไห้หลังเวทีนี่เกิดขึ้นบ่อยไหม
บ่อยเลยครับถามสุกี้ได้ บ่อยมาก ไปอยู่ใต้เวทีร้องไห้ มันเป็น struggle มันไม่ใช่ว่าผมชอบความเจ็บปวดนะ แต่มันก็สร้างพลังให้ผม การที่อยู่บนเวทีแล้วหน้าที่ผมต้อง entertain คนดู แล้วผมก็กลัวด้วย ผมสั่น บางทีผมก็กลัวว่าเค้าจะคิดยังไง แล้วผมก็ไม่ชอบ public speaking มันสั่น มันเหนื่อย มัน struggle ระหว่างเพลง แต่บางเพลงผมก็อิน โชว์ที่สุดยอดคือผมกลายเป็นคนละคนแล้ว ผมอินแล้วผม flow ไม่ได้คิดอะไรเลย แต่ว่าเวลาเล่นคอนเสิร์ตอย่างมี 20 เพลง พอเล่นไปแล้วมันจะเริ่ม drop ผมก็เริ่มคิดเรื่องอื่นแล้ว มันไม่อินแล้ว มันจะ struggle แล้วฮะ อย่างนักกีฬามันจะมีจุดที่เค้า in the zone (ช่วงเวลาที่ ‘เข้าถึง’ เป็นหนึ่งเดียวกับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่อย่างแท้จริง) ซึ่งผมในฐานะนักร้องก็จะพยายามไปถึงตรงจุดนั้นให้ได้ เหมือนนักแสดงเหมือนกัน บางฉากผมก็ไม่ได้อินตรงนั้น การเป็นนักร้องผมอยาก in the zone ตั้งแต่ต้นจนจบของโชว์ แล้วบางทีผมไม่ พอผมไม่ ผมก็จะโมโห ผมก็จะลงแล้วก็ไปโมโหตัวเอง แล้วผมก็จะร้องไห้แล้วก็ ok you can do it แล้วก็เอาใหม่ ความเศร้า กับความกลุ้มใจมันทำให้ผมกระตุ้นนะ It’s my technique.
อาจจะพูดได้ว่า เราอาจจะเห็นแก่ตัวมากไปหน่อยในการเป็นศิลปินตอนนั้นอ่ะฮะ มันก็ใช่ที่อาจไม่มีใครทำ ถ้าเราอยากทำเราก็ต้องเสี่ยง แต่บางทีเราก็ลืมแฟนเพลงไป ถ้าไม่มีแฟนเพลงเราก็อยู่ไม่ได้ sometimes you need to give the audience what they want (บางครั้งเราก็ต้องให้ในสิ่งที่คนดูต้องการ) อย่างวง Coldplay ที่เพลงของเค้าสมัยนี้ไม่เหมือนช่วงที่เป็นวงอัลเทอร์สมัยก่อนแล้ว เค้าก็คงคิดว่าถ้าเค้าจะอยู่รอดก็ต้องมาทาง dance หน่อยแล้ว ซึ่งจริง ๆ เค้าอาจจะสนุกกับมันก็ได้นะ ผมไม่รู้นะ แต่ผมก็เสียดายที่มันไม่มีเพลงพวก ‘Clock’ ‘Yellow’ อะไรแบบนี้ แต่เค้าก็ไปทางนี้แล้ว และเค้าก็เป็น last stadium rock band เป็นวงร็อกที่เล่นในสเตเดียมมาจนถึงทุกวันนี้ แล้วผมก็มองว่าทุกวันนี้ร็อกมันก็เริ่มตายแล้ว กำลังตายอยู่ top 20 billboard ที่อเมริกาไม่เห็นมันมีเพลงร็อกเลย ผมก็คิดว่าตอนนั้นเราคงพลาดที่คิดกับสิ่งที่ตัวเองต้องการมากเกินไป โดยไม่คิดในสิ่งที่คนฟังต้องการจากเราอะไรแบบนั้นอ่ะฮะ
แต่ว่าผมพยายามหาความ positive หน่อยนะ ในทุกวันนี้ที่เล่นโชว์ ผมต้องเล่นเพลงโปรดนะ เพราะทุกคนรีเควสต์เพลงโปรดเสมอ มันมาเกิดทีหลังอ่ะฮะ อย่างเต๋อ นวพล ก็ใช้เพลง “บิน” จาก Zero มาใช้ในหนังเค้าด้วยอ่ะฮะ เพลง “รักคุณ” ผมก็ต้องเล่นเปิดเพลงนี้ทุกทีอ่ะฮะ เหมือนเป็น blade runner ที่ตอนแรกที่ปล่อยมามันก็ไม่ได้เวิร์ก เหมือนอัลบั้มผมก็เพิ่งมาเวิร์กหลังจากนั้น 15 ปี หลังจากที่เค้าได้มาศึกษามัน แล้วเวลาผมกลับไปฟังอัลบั้มผมก็แบบ it’s a good song กับอัลบั้มพรูผมยังชอบแค่เพลง “พรู” รู้สึกว่าเพลงอื่นมันเชย ๆ
When Dream (Almost) Ends เมื่อความฝัน…เกือบถึงจุดจบ
ตอนนั้นเบเกอร์รี่ก็กำลังปิด ทุกคนก็เริ่มหมดไฟ ทุกอย่าง timing มัน wrong ไปหมดก็เลยจบไปมี 3-4 ซิงเกิล ก็ ok it’s not working out พรูก็คุยกันพยายามซ้อม ดูว่าจะมีอัลบั้มใหม่มั้ย ทำเพลงแบบไหนดี จำได้เลยว่าตอนนั้นเล่น ๆ อยู่มือกลองก็แบบหมดไฟแล้วว่ะ สุกี้ก็แบบไม่มีไฟแล้วว่ะ ยอดเถาก็แบบงั้นก็จบกันแล้วกันนะ
แล้วผมก็ทำให้ทุกอย่างพังไปด้วย ไม่ใช่เราแค่สองคน แล้วผมก็จำได้ผมกระโดดไปที่คนดู แล้วผมก็บอกเค้าเป็นภาษาอังกฤษเพราะเสกเข้าใจภาษาอังกฤษอยู่แล้ว ก็บอกเค้าว่า “We’re nobody here. Nobody knows who we are. There are no superstars in here. We are all the same. Getup and come back on stage !!” (เราไม่ได้มีตัวตนที่นี่ ไม่มีใครรู้ว่าเราเป็นใคร ที่นี่ไม่มีซุปเปอร์สตาร์ เราทุกคนเป็นนักแสดงเหมือนกัน กลับขึ้นมาบนเวทีตอนนี้ ) ก็พูดกับเสกเค้าแบบนี้เค้าก็ต้องโมโหอยู่แล้วใช่มั้ยครับ ก็เลยดึงขึ้นมาบนเวทีเลย หลังจากนั้นก็ถ้าหากให้มันฟังดูตลก เผอิญมีคนมีโทรศัพท์ Nokia ที่สามารถอัดได้ แล้วหลังจากนั้นทุกคนก็เห็น ก็ยื้อกระชาก เรื่องรองเท้า มันก็ไม่สมควร ผมก็รู้ว่ามันผิดมารยาท ผมรู้แล้วว่า ‘น้อย you กำลังแก้สถานการณ์บนเวทีแบบนี้ไม่ได้ you ก็ต้องไปทำทีหลัง’ ก็ดึง ๆ กันไปหลังเวที แล้วก็มีการชกกันต่อที่คนไม่ได้เห็น หลังจากนั้นก็ต้องมาเล่นต่ออีกสองสามโชว์ หลังจากนั้นเสกก็ไม่ได้กลับมาแล้ว พี่ชายหรือน้องชายเค้าก็เล่นแทน ผมก็ต้องรับผิดชอบ ว่า you พยายามแก้ปัญหาแต่กลับทำทุกอย่างพังหมดเลย จริง ๆ ผมก็น่าจะปล่อยให้เค้าเล่นไป แล้วเค้าก็คงกลับขึ้นมาบนเวทีเอง ตอนนั้นผมน่าจะใจเย็นกว่านี้ แต่อาจเป็นเพราะผม built มานาน มันเป็นการแก้สถานการณ์ที่ไม่ถูกต้องสำหรับน้อย น่าจะฉลาดมากกว่านี้ ใจเย็นมากกว่านี้
แต่สิ่งทีทำให้ผมรู้สึกไม่ดีที่สุดคือ I let my team down (ผมทำให้ทีมผิดหวัง) หลายคนซ้อมมาตั้งนานแล้วต้องเจอเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น กลับมาประเทศไทยก็โดนด่า สองคนนี้ทำให้ประเทศไทยอับอาย แล้วผมก็ไม่นึกว่าเป็นข่าว มันอยู่เมืองนอก ถ้าเป็นยุคนี้คงมีหลายมุม เต็มไปหมด
ก็หัวเราะกันมากกว่า เสกก็บอกว่า แม่งเราบ้ากันเนอะ เออว่ะ ไม่ได้มานั่งคุยอธิบายอะไรแบบนั้น ก็แบบบ้าว่ะ shit mann ! มันผ่านไปแล้วนะ เรามาเล่นคอนเสิร์ตกันดีกว่า ก็ไปเล่นคอนเสิร์ตของเสก แล้วก็ร้องเพลง ‘live and learn’ ร้องเพลงของเสกเพลง ‘ซมซาน’ ตอนร้อง ‘live and learn’ ด้วยกัน ก็เท่ เห็นคนดูหลายคนก็บอกขนลุก ผมจำได้ผมขึ้นเวทีจากข้างบน เสกก็เล่นกีตาร์ ผมก็เดินลงมาแล้วมองหน้ากัน (หัวเราะ) ก็มีความ theater หน่อยนะ เราก็มีบาดแผลด้วยกันทั้งสองคน แต่สุดท้ายเราก็จับมือกันได้ การมีบาดแผลแล้วทิ้งมันเอาไว้อย่างนั้นมันไม่ดีจริง ๆ มันต้อง make peace “I have to make peace.”
อะไรคือวิธีบอกตัวเองว่ามันต้องคืนดีกัน
ตอนนั้นผมคิดว่า ไม่มีใครรู้ว่าผมรู้สึกยังไง มีคนเดียวที่รู้ว่าผมรู้สึกยังไงนั่นก็คือเสก เพราะเค้าก็โดนเหมือนกัน นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้เรา connect กันได้ ที่เราเหมือนกัน แม้แต่เรามาจากคนละวงจร เราอาจจะคิดไม่เหมือนกันเลยด้วยซ้ำ แต่เรื่องนี้เราเหมือนกัน นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้ผม connect กับเค้าได้ we got hurt together ผมสามารถรู้สึกในสิ่งที่เค้ารู้สึกได้ และผมก็หวังว่าเค้าจะรู้สึกในสิ่งที่ผมรู้สึกได้ แล้วเราก็พลาดกันทั้งสองคน and then we shake hand แล้วมันจบลงด้วยดี จากอะไรที่แย่มันก็กลายเป็นเรื่องดีได้
Being Noi ความเป็น ‘น้อย พรู’
รู้สึกอย่างไรกับการโดนไซเบอร์บูลลี่บ้างครับ
ผมกลุ้มใจ ผมโมโห ผมว่ามันทำให้ประเทศเราไม่เดินไปข้างหน้า ทำให้มนุษย์เราไม่เดินไปข้างหน้า อย่างเวลาผมโพสต์แล้ว คนบอกว่าคุณไม่ควรออกความคิดเห็นอะไรเลย ผมไม่เห็นด้วย ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะออกความคิดเห็น ทุกคนเท่าเทียมกันหมด ผมว่ามันจะต้องมี dialogue เพื่อที่เราจะเดินไปข้างหน้าได้ ผมไม่ชอบบูลลี่ แต่ผมเรียนรู้มาแล้ว ผมจะไม่แสดงออกด้วยการไปว่ากลับ คุณมีสิทธิ์ที่จะว่าผม แต่ผมว่าเรามาคุยกันดีกว่า ผมรู้เสมอว่าสิ่งที่ผมคิดว่าถูก คนอื่นอาจจะไม่คิดว่าถูกก็ได้ คนเราคิดไม่เหมือนกัน แต่ว่ามันก็ต้องคุยกันน่ะฮะ แต่ว่าผม respect คนที่ยืนขึ้นและออกมาทำในสิ่งที่เค้าเชื่อมั่น ไม่ว่าคุณทำอะไรมันก็เจ็บอยู่แล้ว ไม่ว่ามันจะเจ็บแค่ไหน และสมัยนี้มันทำอะไรไม่ได้เลย คนจะช่วยเหลือคนจนมันก็ไม่ได้แล้ว เพราะมันมีคนจ้องจะเล่นกัน คนก็จะเอาคุณให้ได้ คุณจะเดินไปข้างหน้าจากตรงนี้ได้ยังไง ผมเข้าใจถ้าใครผิดก็ควรโดนลงโทษ คุณควรที่จะยกมือว่าคุณผิด “Ok I was wrong.” นั่นคือลูกผู้ชาย ว่าผมผิดว่ะ กูผิดว่ะ หลายคนทราบว่าผมไม่ชอบโลกโซเชียลอยู่แล้ว แต่ข้อดีมันก็มีนะเข้าใจ ๆ แต่ไม่ชอบการบูลลี่เลย ถ้าหากผมไม่อยากอยู่ในวงการนี้เมื่อไหร่ผมก็จะเลิกเล่นนะฮะ ที่เล่นเพราะผมรู้ว่าผมมี fan base ผมก็ต้องทำให้ fan base แฮปปี้ แต่มันเป็นโลกที่น่ากลัวจริง ๆ อย่างผมก็โดนสูบ เวลาตามดูว่ามันได้กี่ like แล้ววะ
ค่ายเกม Square Enix ได้ทำการจดทะเบียนเครื่องหมายการค้าในชื่อ Chocobo GP และ Chocobo Grand Prix เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม 2020 ในญี่ปุ่น โดยเครื่องหมายการค้า Chocobo GP ...อ่านต่อ
XIAOMI (เสียวหมี่) ผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับโลก วางจำหน่ายนาฬิกาอัจฉริยะ Mi Watch และ Mi Watch Lite อย่างเป็นทางการในประเทศไทย ครบถ้วนด้วยโหมดการออกกำลังกายที่หลากหลาย ...อ่านต่อ