หลังจากโควิดเอฟเฟกต์ทำเราตระเวนชมสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ ผ่านระบบ VR Tour หรือระบบนำชมเสมือนจริง ไปเกือบรอบโลก ไม่ว่าจะเป็น เอาใจสายติสท์ ! รีวิว 5 พิพิธภัณฑ์ศิลปะเสมือน เยือนนิทรรศการผ่านหน้าจอ มาท่องพิภพ สยบอวกาศ แล้วนวยนาดในสุสานแดนอียิปต์ ผ่านระบบ VR กัน ! หรือ จัดเต็ม ! ผจญภัยแดนอียิปต์ บุกพีระมิดฟาโรห์สำรวจ 7 สุสานผ่านโลก VR ในที่สุดก็ถึงคราวชมสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศไทยบ้าง

ครั้งนี้ขอเริ่มที่ 8 พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ผลงานของกรมศิลปากร โดยภาพรวมระบบ VR Tour ของไทยก็ทำได้ดีไม่แพ้ชาติใดในโลก การหันซ้ายขวาหมุนรอบตัวออกจะลื่นเกินไปจนมึนด้วยซ้ำ ข้อมูลต่าง ๆ ก็ให้ได้ครบถ้วนหลากหลายรูปแบบทั้งเสียงพากย์นำชม (มีเป็นบางแห่ง) การกดซูมดูป้ายข้อมูลต่าง ๆ ปุ่มรับชมวีดิทัศน์ที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนไอคอนคลังข้อมูลไฟล์ภาพและวิดีโอที่แยกออกมาต่างหากก่อนเข้าสู่ระบบนำชมเสมือนจริงในหน้ารวมหลักของแต่ละพิพิธภัณฑ์

เรื่องน่าติดใจในระบบจะมีก็เพียงการเดินไปยังจุดต่าง ๆ ทำได้ไม่ค่อยอิสระนัก ไม่สามารถกดที่พื้นเพื่อเลื่อนตำแหน่งไปตามทางได้อย่างใจคิด ส่วนใหญ่จะมีปุ่มกดแสดงเส้นทางต่อไปปรากฏแค่ที่ทางเชื่อมระหว่างห้องเท่านั้น ส่วนปุ่มกดอื่น ๆ จะเป็นแค่การย้ายมุมมองภายในห้อง ซึ่งหลายครั้งจะสับสนกับการกดซูมเพื่อดูรายละเอียดของผลงานจัดแสดงต่าง ๆ แต่รวม ๆ แล้ว หากเทียบกับสถานที่จริง การนำชมในระบบ VR Tour ก็ให้ความรู้สึกเสมือนได้กลับไปเยือนที่แห่งนั้นอีกครั้งจริง ๆ พิพิธภัณฑ์  8 แห่งที่ว่าจะมีอะไรบ้างนั้น ตามไปดูกันเลยครับ

หน้ารวมหลักของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติทั้ง 8 แห่ง

ในหน้านี้จะแสดงถึงพิพิธภัณฑ์ทั้ง 8 แห่ง พร้อมที่มาของการจัดทำระบบนำทัวร์เสมือนจริง เมื่อกดเข้าไปในแต่ละแห่งจะไปยังหน้าหลักของแต่ละพิพิธภัณฑ์ ซึ่งจะมีไอคอนแสดงการนำเสนอข้อมูลในประเภทต่าง ๆ อาทิ คลังข้อมูลภาพถ่าย วิดีโอ และอีบุ๊ก ประวัติความเป็นมาและหน่วยงาน แหล่งรวมวัตถุที่จัดแสดง สำหรับระบบนำชมเสมือนจริงจะอยู่ที่มุมขวาบนสุด

หน้ารวมหลักของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติทั้ง 8 แห่ง มีให้เลือกอ่านทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
หน้าหลักของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป
หน้ารวมวัตถุจัดแสดง หนึ่งในหน้าที่ลิงก์จากไอคอนนำเสนอข้อมูลในหน้าหลักของแต่ละพิพิธภัณฑ์

สำหรับลิงก์ไปยังหน้าหลักของพิพิธภัณฑ์แต่ละแห่ง เราได้เรียบเรียงไว้ให้ในแต่ละหัวข้อด้านล่างแล้วครับ สนใจพิพิธภัณฑ์ไหนก็กดตามไปชมได้เลย

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ หอศิลป หรือที่เรียกอีกชื่อว่า หอศิลปเจ้าฟ้า ตั้งอยู่บนถนนเจ้าฟ้า เขตพระนคร ในอดีตเป็นสถานที่ตั้งพระตำหนักของเจ้านายฝ่ายวังหน้า (กรมพระราชวังบวรสถานมงคล) มาตั้งแต่ครั้งรัชกาลพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช     ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชดำริให้สร้างโรงงานผลิตเงินเหรียญแห่งใหม่ที่มีความทันสมัยในบริเวณนี้ นามว่า “โรงกษาปณ์สิทธิการ” 

โรงงานกษาปณ์สิทธิการเปิดใช้งาน พ.ศ.2445 จนถึง พ.ศ. 2511 กรมธนารักษ์ได้ย้ายไปสร้างโรงงานใหม่ ต่อมาในปี พ.ศ.2517 กรมศิลปากร เสนอขอใช้โรงกษาปณ์สิทธิการ ปรับปรุงให้เป็น “หอศิลปแห่งชาติ” เพื่อเป็นสถานที่เก็บรวบรวมและจัดแสดงผลงานศิลปกรรมประเภททัศนศิลป์ของศิลปินผู้มีชื่อเสียงทั้งชาวไทยชาวต่างประเทศ ใช้เป็นศูนย์ศึกษาวิจัยและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับศิลปกรรมทั้งแบบไทยประเพณีและร่วมสมัย และเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมตั้งแต่วันที่ 5 พฤษภาคม พ.ศ. 2521 เป็นต้นมา

สำหรับระบบทัวร์ของที่นี่ ให้ความรู้สึกสมจริงเหมือนได้ไปเยือนที่จริงมากๆ เราสามารถกดเลือกดูงานศิลปะ ชมแต่ละภาพได้เนิ่นนานไม่มีเมื่อย มุมมองที่ให้เดินก็ละเอียดมากๆๆๆ (จนบ้างครั้งก็คิดว่ามากเกินไปหรือเปล่านะ ทำไมไม่ขยับไปไหนสักที) 

การนำชมมีทั้งบริเวณภายในและภายนอกของชั้น 1 ส่วนจัดแสดงชั้น 2 และนิทรรศการหมุนเวียน พูดง่าย ๆ ก็คือแทบจะทุกส่วนที่เราเดินไปชมยังแสดงที่จริงเลยทีเดียว (ขนาดหน้าห้องน้ำ หรือมุมเล็ก ๆ ที่เราไม่เคยได้เฉียดเข้าไปก็ยังมี) ใครยังไม่เคยไปหรือยังไม่มีโอกาสได้ไป ดูผ่านระบบ VR ก็ได้อารมณ์อยู่ครับ

หอจดหมายเหตุแห่งชาติ เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช

หอจดหมายเหตุแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี จัดตั้งขึ้นเนื่องในโอกาสมหามงคลที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี พ.ศ. 2539 เพื่อรวบรวมเอกสารหลักฐานที่เกี่ยวเนื่องในพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช     

สำหรับระบบทัวร์เสมือนจริงของที่นี่ แบ่งออกเป็นเนื้อหาเกี่ยวกับพระราชประวัติ ภายในอาคาร 3 และเนื้อหาด้านพระราชกรณียกิจ ภายในอาคาร 4 ซึ่งนอกจากจะจัดแสดงเอกสารจดหมายเหตุ ภาพถ่าย สื่อเสียง สื่อสารคดี สิ่งของ แล้วยังจำลองบรรยากาศให้ใกล้เคียงกับเหตุการณ์เละเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้นด้วย เพื่อให้ผู้ชมเข้าใจและอินไปกับข้อมูล รวมถึงสร้างบรรยากาศให้เกิดความซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9

การกดซูมไล่ดูข้อมูลของแต่ละบอร์ดแต่ละภาพ

แม้ว่าการชมในระบบทัวร์เสมือนจริงนี้จะลดทอนความน่าซาบซึ้งไปบ้าง แต่ก็ช่วยให้เราเก็บข้อมูลได้ครบถ้วน เข้าถึงเข้าใจได้เช่นเดียวกับการไปเยือนสถานที่จริง ข้อมูลที่ให้ก็มีทั้ง คำบรรยายภาษาไทย – อังกฤษ และเพื่อความอินขอแนะนำว่าในเข้าไปชมนิทรรศการในอาคาร 3 ก่อนแล้วค่อยไล่มายังอาคาร 4 

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลา

สงขลาเป็นเมืองท่าและเมืองชายทะเลที่สำคัญแห่งหนึ่งของภาคใต้มาตั้งแต่โบราณ เป็นที่ตั้งของเมืองเก่าหลายเมือง ทำให้มีโบราณสถาน โบราณวัตถุ ที่น่าสนใจพบไม่ได้ในท้องที่อื่นหลายอย่าง อาทิ เศษภาชนะดินเผา หม้อสามขา กลองมโหระทึกสัมฤทธิ์ ซึ่งเป็นโบราณวัตถุสมัยก่อนประวัติศาสตร์ เทวรูป พระพุทธรูป เศษเครื่องถ้วยจีนและเวียดนาม อันเป็นโบราณวัตถุสมัยแรกเริ่มประวัติศาสตร์ เครื่องมือเครื่องใช้ในสมัยเมืองสทิงพระ เรื่อยมาถึงข้าวของที่แสดงถึงความรุ่งเรืองของระบบการปกครองแบบสุลต่านในสมัยเมืองสงขลาเก่าหัวเขาแดง และเครื่องใช้เก่าแก่ของสมัยรัตนโกสินทร์ที่ยังไม่บุบสลาย

เพื่อรวบรวมสิ่งเหล่านี้ให้ชนรุ่นหลังและผู้มาเยือนได้เยี่ยมยลจึงเกิดการจัดตั้งพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สงขลาขึ้น โดยใช้พื้นที่ภายในคฤหาสน์เก่าแก่สีแดงขาวที่เคยเป็นของผู้ช่วยเจ้าเมืองสงขลา พระยาสุนทรานุรักษ์ (เนตร ณ สงขลา) เป็นที่พำนักและว่าราชการของเจ้าพระยายมราช รวมทั้งยังเคยเป็นศาลาว่าการมณฑลนครศรีธรรมราชด้วย

แม้จะไม่ได้ไปเยือนถึงที่จริง แต่ระบบ VR Tour ก็นำเสนอความงดงามของคฤหาสน์ได้แจ่มชัด (จะขาดก็แต่ความเหนียวเหนอะของไอทะเลและไอแดดร้อนจ้าเท่านั้นแหละ ที่ยังไม่สมจริง) เส้นทางนำชมมีครบหมด 14 ห้อง บอกเล่าเรื่องราวครบถ้วนตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันอย่างเข้าใจง่าย ชูให้เห็นภาพวิถีชีวิตและความโดดเด่นของมนต์เสน่ห์แห่งสงขลาได้อย่างลงตัว

นอกจากนี้ยังโดดเด่นด้วยเสียงพากย์ระหว่างการนำชมซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบภาษากลางและภาษาใต้ ฟังไปชมไปได้ฟิลสุด ๆ และหากเราสลับหน้าต่างไปอย่างอื่น การบรรยายจะหยุดลงอัตโนมัติ และเมื่อเข้ามายังหน้าต่างเดิมก็จะเล่นต่อตรงที่ค้างไว้ให้ทันที ซึ่งเหมือนว่าระบบนี้น่าจะมาทดแทนรายละเอียดในเรื่องของการกดดูของเฉพาะชิ้นอย่างในพิพิธภัณฑ์อื่น แต่เชื่อเถอะ ถึงไม่มีการชมพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ผ่าน VR Tour ก็ยังถือว่าฟิน ได้ข้อมูลครบถ้วนไม่ต่างกัน

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สุพรรณบุรี รวบรวมเรื่องราววิถีชีวิตของชาวจังหวัดสุพรรณบุรี ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ทวารวดี ลพบุรี อยุธยา จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ รวมทั้งยังแสดงประวัติบุคคลสำคัญของจังหวัด วรรณกรรมและเพลงพื้นบ้านหรือเพลงลูกทุ่งที่มีชื่อเสียงของสุพรรณบุรี ซึ่งถือเป็นการรวบรวมผลงานวรรณศิลป์ที่โดดเด่นแตกต่างจากพิพิธภัณฑ์อื่นเอาไว้ด้วย

ภายในนิทรรศการผสมผสานการจัดแสดงระหว่างโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ กับสื่อจัดแสดงประเภทต่าง ๆ ทั้งใหม่เก่า เช่น หุ่นจำลอง วีดิทัศน์ โดยอาคารจัดแสดงมี 2 ชั้น ซึ่งระบบการนำชมของที่นี่ก็โดดเด่นด้วยเสียงบรรยายที่ฟังดูเป็นมิตร ทั้งยังมีรายละเอียดอย่าง วิดีโอและกดดูภาพขยายได้ที่ให้รายละเอียดค่อนข้างดีด้วย ต้องไปลองตามชมกันดูครับ

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ศิลป์ พีระศรี อนุสรณ์

สถานที่แห่งขึ้นตั้งขึ้นเพื่อรำลึก  ถึงศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี (คอร์ราโด เฟโรจี) ชาวต่างชาติเข้ามารับราชการในตำแหน่งช่างปั้นประจำกรมศิลปากรในรัชสมัยพระบาทสมเด็จ พระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว  และอุทิศตนให้แก่งานศิลปวัฒนธรรมไทย ผลงานที่สำคัญ คือ การริเริ่มโรงเรียนศิลปากร และร่วมก่อตั้งมหาวิทยาลัยศิลปากร ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยทางด้านศิลปะแห่งแรกของประเทศไทย ถือเป็นผู้ที่มีบทบาทสำคัญในการวางรากฐานและพัฒนาวงการศิลปะสมัยใหม่ในประเทศไทยจนได้รับการยกย่องว่า “บิดาแห่งศิลปะร่วมสมัยของไทย”

ภายในจัดแสดงนิทรรศการถาวร โดยแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 2 ส่วน ส่วนแรก ห้องชั้นนอก (บริเวณประตูทางเข้า) จัดแสดงผลงานจิตรกรรม ประติมากรรม และภาพพิมพ์ ของบรรดาลูกศิษย์ผู้ใกล้ชิด เช่น นายเฟื้อ หริพิทักษ์, นายประยูร อุลุชาฎะ, นายชลูด นิ่มเสมอ เป็นต้น ส่วนที่สอง ห้องชั้นใน จัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ของศาสตราจารย์ศิลป์ พีระศรี ทั้ง โต๊ะทำงาน เก้าอี้ เครื่องพิมพ์ดีด เครื่องเล่นแผ่นเสียง เครื่องมือปั้น ข้าวของเครื่องใช้ส่วนตัว โดยจำลองบรรยากาศโต๊ะทำงานดั้งเดิมเช่นเดียวกับเมื่อครั้งที่ท่านยังมีชีวิตอยู่ 

แม้พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะไม่ได้อาณาบริเวณกว้างขวางเท่าพิพิธภัณฑ์อื่น ทั้งยังไม่ค่อยมีจุดให้กดซูมให้เห็นรายละเอียดมากขึ้น แต่ที่แห่งนี้ก็อัดแน่นไปด้วยข้าวของ และอบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งศิลปะ ทั้งยังมีเพลงคลอดเบา ๆ สร้างความสุนทรีย์ระหว่างรับชมด้วย 

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ จันทรเกษม 

พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณริมแม่น้ำป่าสัก ใกล้กับตลาดหัวรอ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา สันนิษฐานว่า สร้างขึ้นในรัชสมัย สมเด็จพระมหาธรรมราชา ประมาณ พ.ศ. 2120 เคยเป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และพระมหาอุปราชที่สำคัญถึง 8 พระองค์ (มีใครบ้างนั้น ตามไปยลข้อมูลในพิพิธภัณฑ์เลย) ภายหลังเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 พระราชวังแห่งนี้ถูกทิ้งร้างไป และได้รับการบูรณะอีกครั้งในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 เพื่อใช้สำหรับเป็นที่ประทับในเวลาที่พระองค์เสด็จประพาสพระนครศรีอยุธยา และใช้เป็นที่ทำการของมณฑลกรุงเก่า ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 

แม้ผ่านมาหลายยุคสมัย แต่สิ่งก่อสร้างที่ปรากฏในปัจจุบัน ส่วนใหญ่สร้างขึ้นในรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวถึงรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว งานสถาปัตยกรรมจึงบ่งบอกถึงช่วงเวลาในยุคนั้น  ระบบนำชมเสมือนจริงจะทำให้เราได้ไปสัมผัสอาคารเหล่านี้ เหมือนได้ย้อนวันเวลาไปชมในอดีตไม่มีผิด แถมภายในยังมีของจัดแสดงอีกหลายอย่างด้วย สิ่งปลูกสร้างที่โดนเด่นน่าสนใจ ได้แก่ 

พลับพลาจตุรมุข เป็นอาคารที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ใช้เป็นที่ประทับและเป็นท้องพระโรง สำหรับว่าราชการขณะเสด็จประพาสพระนครศรีอยุธยา ภายในจึงมีห้องบรรทม ห้องสรงน้ำ และท้องพระโรงให้เราได้เดินสำรวจ

พระที่นั่งพิมานรัตยา ตั้งอยู่กลางพระราชวัง ลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปดัดแปลงให้เหมาะสมกับประโยชน์ใช้สอยแบบไทย เคยใช้เป็นที่ว่าการมณฑลกรุงเก่า ปัจจุบันจัดแสดงโบราณศิลปวัตถุสมัยต่าง ๆ ที่พระยาโบราณราชธานินทร์เก็บรวบรวม ได้แก่ ประติมากรรมที่สลักจากศิลา พระพุทธรูปสำริด และพระพุทธรูปทรงเครื่องสมัยอยุธยาตอนปลายที่มีความวิจิตรงดงาม รวมทั้งพระพิมพ์แบบต่าง ๆ 

อาคารมหาดไทย อาคารรูปตัว L ที่สวยงามให้ความรู้สึกเหมือนเดินย้อนไปในสมัยรัชกาลที่ 6 เพราะสร้างขึ้นในสมัยนั้น ครั้งพระยาโบราณราชธานินทร์ (พร เดชะคุปต์) เป็นสมุหเทศาภิบาลมณฑลกรุงเก่า ใช้เป็นตึกที่ทำการภาคต่อมาจนกระทั่งเปลี่ยนแปลงการปกครองพุทธศักราช 2475 หลังจากนั้นยังได้ใช้เป็นที่ทำการของอัยการจังหวัด สำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน สำนักงานสหกรณ์จังหวัด และสำนักงานคลังเขต 1 อีกด้วย

หอพิสัยศัลลักษณ์ เป็นอาคารทรงหอ 4 ชั้น สูง 22 เมตร ตั้งอยู่ริมกำแพงด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ สันนิษฐานว่าสร้างครั้งแรกในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และได้พังลงก่อนเสียกรุงศรีอยุธยาครั้งที่ 2 ภายหลังรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นตามรากฐานเดิมแล้วพระราชทานนามว่า หอพิสัยศัลลักษณ์ ใช้เป็นที่ประทับทอดพระเนตรดวงดาว ต่อมาจึงทำหน้าที่เป็นหอสังเกตุการณ์และติดเครื่องสัญญาณเตือนภัยของมณฑลกรุงเก่า

ถือเป็นพิพิธภัณฑ์ที่โดดเด่นด้วยฟิลย้อนอดีตครบทั้งภายในภายนอกอาคาร ต้องลองไปเดินเล่นด้วย VR Tour กันดูนะครับ

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี

ชนชาวไทยคุ้นชินกับวิถีริมน้ำมาช้านาน แพ หรือ เรือ จึงเป็นพาหนะสำคัญผูกพันกับวัฒนธรรมไทย กระทั่งในหมู่ผู้ปกครอง ก็มีการใช้เรือแสดงถึงสถานะและความพิเศษในกิจกรรมต่าง ๆ เรือจึงได้รับการปรับแต่งเพิ่มพูนให้ความสำคัญ ในฐานะพระราชยาน เพื่อ “การพยุหยาตราชลมารค” และใช้ประกอบในพระราชพิธีต่าง ๆ มาตั้งแต่ครั้งสมัยกรุงศรีอยุธยา โดยมีรัฐพิธีสำคัญ 3 กรณี ได้แก่ พระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน พระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินไปนมัสการพระพุทธบาทที่สระบุรี และพระราชพิธีเนื่องด้วยพระบรมศพหรือพระศพ และมีการใช้เรือในพระราชพิธีดังกล่าวเรื่อยมา 

กระทั่งเมื่อพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงสละราชสมบัติในปี พ.ศ. 2477  พระราชพิธีเสด็จฯถวายผ้าพระกฐินประจำปีโดยกระบวนพยุหยาตราชลมารคขาดหายไป  เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชเสด็จขึ้นครองราชสมบัติ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บูรณะซ่อมแซมเรือพระราชพิธีเพื่อนำมาใช้ในพระราชพิธีเสด็จพยุหยาตราชลมารคในวาระต่างๆ ตามแบบครั้งโบราณราชประเพณี

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี เดิมเป็นอู่เรือเก่าปรับปรุงขึ้นเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเมื่อ พ.ศ. 2517  จัดแสดงเรือพระที่นั่ง 4 ลำ ราชพาหนะอันเป็นมรดกสุดวิจิตรตระการตาของชาติ ประกอบด้วยเรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์, เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ 9,  เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช และเรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์ พร้อมทั้งเรือที่มีโขนเรือ 4 ลำ ประกอบด้วย  เรือเอกชัยเหินหาว,  เรือครุฑเหินเห็จ, เรือกระบี่ปราบเมืองมาร และเรืออสุรวายุภักษ์ และยังจัดแสดงชิ้นส่วนรวมถึงองค์ประกอบต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรือด้วย

ระบบนำชมของที่นี่จะนำพาให้เราได้เดินท่องไปสอดส่ายดูลวดลายรอบลำเรือ แถมยังคำบรรยายของชิ้นส่วนและองค์ประกอบต่าง ๆ ที่จัดแสดงให้เราได้จินตนาการเห็นภาพไปถึงการใช้งานด้วย โดยนอกจากอู่เรือใหญ่แล้ว ยังมีส่วนนำชม อู่เรือเล็ก อันเป็นอีกสถานที่ที่ใช้เก็บรักษาเรือพระราชพิธีจำนวนหนึ่ง ตั้งอยู่ในพื้นที่ไม่ไกลจากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธีอีกด้วย

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร

นับเป็นพิพิธภัณฑสถานสำหรับประชาชนแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งขี้นเมื่อ พ.ศ.2402 แต่เดิมเป็น “พระราชวังบวรสถานมงคล” หรือวังหน้า ทว่ากว่าจะเข้าที่เข้าทางมีหน้าตาคล้ายปัจจุบันก็ในปี พ.ศ.2469 เมื่อ พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 โปรดเกล้าฯ พระราชทาน พระราชมณเฑียรในพระราชวังบวรสถานมงคลทั้งหมดให้จัดตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานสำหรับพระนครขึ้น และได้จัดพระที่นั่งศิวโมกขพิมานให้เป็นสถานที่จัดแสดงศิลาจารึก  และคัมภีร์โบราณ เรียกว่าหอสมุดวชิรญาณ และได้เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิดเมื่อวันที่ 10 พฤศจิกายน 2469 เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา ต่อมาประเทศไทยได้เปลี่ยนแปลงการปกครองจึงได้ประกาศตั้งเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เมื่อ พ.ศ.2477

ระบบทัวร์เสมือนจริงของที่แห่งนี้โดดเด่นด้วยเสียงบรรยายที่มีให้เลือกทั้งภาษาไทยและอังกฤษ และสำหรับในห้องจัดแสดงหลัก ยังสามารถกดเลือกบรรยายเฉพาะวัตถุแต่ละชิ้น ได้ทั้งสองภาษาด้วย ส่วนห้องอื่น ๆ จะมีคำบรรยายภาษาไทยเป็นหลัก แต่คาดว่าในอนาคตอาจมีการเพิ่มภาษาอังกฤษเข้าไปด้วย ส่วนสำเนียงและจังหวะจะโคนในการบรรยาย เรียกได้ว่าส่งให้เพื่อนชาวต่างชาติฟังได้ไม่มีอายเลยทีเดียว

นอกจากโซนแสดงวัตถุโบราณล้ำค่าของชาติ ที่แห่งนี้ยังมีระบบนำชมนิทรรศการหมุนเวียนพิเศษ ที่จัดขึ้นตามวาระพิเศษที่น่าสนใจอีกหลายนิทรรศการ อาทิ นิทรรศการพิเศษ เรื่อง “เมื่อตะวันออกพบตะวันตก: พิพิธสมบัติพระราชา ณ วังหน้า” ที่มุ่งเน้นนำเสนอพระราชประวัติและพระราชกรณียกิจของพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่คนไทยไม่ค่อยรับรู้มากนัก ให้ได้รับทราบว่าท่านมีบทบาทอย่างไรในช่วงเวลาที่บ้านเมืองกำลังเผชิญกับการเข้ามาของนานาชาติทางซีกโลกตะวันตก หรือ “วิถีแห่งศรัทธาจากศิลปทัศน์ญี่ปุ่น” ที่ยกงานศิลปะและโบราณวัตถุของญี่ปุ่นที่น่าตื่นตา หาชมได้ยากหลากหลายชิ้นมาจัดแสดงที่พระที่นั่งศิวโมกขพิมาน ซึ่งนิทรรศการเหล่านี้มักมีช่วงระยะเวลาจัดไม่ยาว แต่แม้จะพลาดไปก็สามารถมาตามย้อนดูนิทรรศการดังกล่าวในระบบทัวร์เสมือนจริงนี้ได้ด้วย แถมยังไม่ต้องเบียดเสียดกับผู้คนอีกต่างหาก

นิทรรศการ ‘วิถีแห่งศรัทธาจากศิลปทัศน์ญี่ปุ่น’ หนึ่งในนิทรรศการหมุนเวียนที่เคยจัด และมีระบบ VR Tour ให้ชม

หากใครยังกังวลกับการเดินทาง อยากเก็บตกข้อมูลหรือมุมมองที่พลาดไปของพิพิธภัณฑ์เหล่านี้ ระบบนำชมนี้ก็ตอบโจทย์มากเลยทีเดียว หรือจะชักชวนส่งไปให้เพื่อนชาวต่างชาติชมกันให้หายคิดถึงเมืองไทยไปพลาง ๆ ก็ได้ ลองเข้าไปเยี่ยมชมกันดูนะครับ

อ้างอิง

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

เนื้อหาล่าสุด

Play video
Video
feature

สนุกเวอร์ ! อัดร้อง อัดเล่น ให้เป็นเพลง !! | HOME MUSIC EP.5

รีวิว Samsung Galaxy S20 FE 5G ฉบับทำเครื่องตกก่อนรีวิว!

ดีไซน์ มาดูดีไซน์เครื่องชัด ๆ กันหน่อยครับ ฝาหลังของ Samsung Galaxy S20 FE นั้นเป็นฝาหลังเรียบที่มีขอบโค้งรับฝ่ามืออยู่ โดยฝาหลังตัวนี้เป็นวัสดุที่เรียกว่า Reinforced Polycarbonate ...อ่านต่อ

Video
feature

เจ้าสัวแนะ! ทีเด็ดประเทศไทย!!

คุณธนินท์ เจียรวนนท์ เจ้าสัว CP แนะทีเด็ดประเทศไทยเพื่อเป็นแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยประเทศไทยเต็มที่ด้วยโอกาส เรามีสถิติโควิด19 ดีกว่าใคร ประเทศไทยตั้งอยู่ตำแหน่งกึ่งกลางภูมิภาคเราไม่ได้รังเกียจใคร ...อ่านต่อ

ซีพี เหมาโบกี้รถไฟสายตะวันออกนำคณะที่ปรึกษาด้านความยั่งยืนสำรวจเส้นทางรถไฟแห่งอนาคต 220 กิโลเมตร

เมื่อเร็ว ๆ นี้ นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานคณะผู้บริหาร เครือเจริญโภคภัณฑ์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารซีพี คณะผู้บริหาร บริษัท รถไฟความเร็วสูงสายตะวันออกเชื่อมสามสนามบิน จำกัด ...อ่านต่อ

Video
feature

รีวิว Samsung QLED 8K Q950TS ทีวีจอใหญ่ ภาพคมชัดสมจริง!

นี่คือ Samsung QLED 8K รุ่น Q950TS ทีวีระดับ 8K รุ่นล่าสุดของซัมซุง ที่มาปีนี้ 8K เริ่มจับต้องได้ง่ายขึ้นแล้ว! ซึ่งจอนี้แสดงภาพได้ 8K หรือแสดง 33 ล้านพิกเซลบนจอนี้ด้วยความละเอียด 7,680 x 4,320 pixel ...อ่านต่อ