“ความรัก การอกหัก ความแปลกแยก โดดเดี่ยว เปลี่ยวเหงา และ ยา ” นี่คือสิ่งที่วนเวียนอยู่ในชีวิตของวัยรุ่น วัยแห่งการสับสนและค้นหา  โดยเฉพาะช่วงเวลานี้ที่เทคโนโลยีมีผลต่อการกระตุ้นให้เราโดดเดี่ยว เปลี่ยวเหงาและสับสนมากยิ่งขึ้น

ความรู้สึกเหล่านี้จารึกรอยไว้ในบทเพลงทั้ง 21 เพลงจากอัลบั้มชุดแรกของ Ari Staprans Leff หรือ Lauv ( อ่านว่า เลาฟ์ แปลว่า สิงโตในภาษาลัตเวียตามเชื้อสายของคุณแม่ สอดคล้องกับชื่อจริงคือ Ari ที่แปลว่าสิงโตในภาษายิว) “~how I’m feeling~” ซึ่งดูเหมือนว่า “ความรู้สึก” ของหนุ่มวัย 25 คนนี้ ก็ไม่แตกต่างจากความรู้สึกของหนุ่มสาวในรุ่นราวคราวเดียวกัน หรือ ที่เราอาจเหมารวมเป็นคนรุ่น Gen Z คนรุ่นที่เติบโตและใช้ชีวิตอยู่กับเทคโนโลยีและโลกโซเชียล

ปกอัลบั้มที่มีเลาฟ์ตัวใหญ่อยู่ตรงกลางและมีเลาฟ์ตัวเล็กตัวน้อยอยู่รายรอบนั้นสื่อถึงคอนเซ็ปต์ของอัลบั้มที่เกี่ยวกับการโอบกอดตัวตนของตนเองในแง่มุมที่หลากหลาย เราไม่ได้เป็นเพียง “สิ่งเดียว” เราสามารถเป็น “ตัวเรา” ได้ในหลายรูปแบบ วันนี้เราอาจเป็นแบบนั้น วันนั้นเราอาจเป็นแบบนี้ ซึ่งสำหรับเลาฟ์แล้ว เขาได้สร้างตัวตนที่แตกต่างกันออกมา 6 แบบโดยแบ่งตามสีสันต่าง ๆ กัน คือ สีม่วง (Lauv ผู้รักในเสรี), สีฟ้า (Lauv ผู้โศกเศร้าเคล้าโรแมนติก) , สีเขียว (Lauv ผู้โง่เง่า ), สีเหลือง (Lauv โลกบวก (ไม่ใช่เลือดบวกนะ) ) , สีส้ม (Lauv ลั้นลา),และสีแดง ( Lauv แซ่บ) โดยตัวตนเหล่านี้ได้ถูกสะท้อนผ่านบทเพลงทั้ง 21 เพลงที่เป็นเสมือนตัวแทนห้วงแห่งความรู้สึกที่หลากหลายในชีวิตของ Lauv (และของเราด้วยเช่นกัน)

 

“And I don’t wanna hit delete

On all the parts of me that they might hate”

 

“และฉันก็ไม่อยากกดปุ่มลบ

ในทุก ๆ ส่วนเสี้ยวของฉันที่พวกเขาอาจจะชัง”

 

ความไม่มั่นใจหรือรู้สึกไม่สบายใจต่อการเปิดเผยตัวตนในโลกโซเชียลคงเป็นอะไรที่คนในสมัยนี้เข้าใจกันเป็นอย่างดี ก่อนจะโพสต์ ก่อนจะลงอะไรไป เรามักคิดแล้วคิดอีกว่าคนอื่นจะ “คิดอย่างไร” รู้สึกกับเราแบบไหน ซึ่ง Lauv ได้บอกไว้ในแทร็กเปิดของอัลบั้ม “Drugs & the internet” ว่าเขาไม่อยากจะหลอกตัวเองและแสร้งทำเป็นคนอื่น ไม่ว่าความเป็นเขาในส่วนไหนอาจจะทำให้ใครเกลียดได้ เขาก็คงจะไม่ลบมันเพราะนั่นอาจหมายถึง “การปฏิเสธตัวเอง” และนี่ก็คือแรงบันดาลใจที่ทำให้ Lauv เขียนเพลงนี้ขึ้นมาหลังจากพ้นสภาวะซึมเศร้าที่เกิดขึ้นหลังจากชื่อเสียงเริ่มถาโถมเข้ามาและเริ่มรู้สึกไม่สบายใจในการถูก “จับจ้อง” จากสายตาของผู้คน

 

 

“I think I’m gonna cut my hair

‘Cause these days, I don’t feel like me, mmm”

 

“ฉันคิดว่าฉันควรจะไปตัดผมเสียที

เพราะหมู่นี้ ฉันรู้สึกไม่เป็นตัวเองเลย”

 

และสิ่งที่ตามติดมาจากการรู้สึก “ไม่เป็นตัวเอง”  ก็คือความพยายามที่จะ “เปลี่ยนแปลง” อะไรในตัวเองไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยอย่างการแต่งกาย หรือการตัดผม เพื่อให้ตัดเองได้รู้สึกสดใหม่และกลับมาใช้ชีวิตได้ดังเดิม ซึ่ง Lauv ได้สื่อออกมาในเพลง “Changes” บทเพลงที่เป็นเสมือนการให้กำลังใจตนเองและทุกคนที่กำลังอยู่ในห้วงของความสับสนให้เปลี่ยนแปลงและพร้อมก้าวเดินไปสู่วันใหม่

 

“Changes, they might drive you half-insane

But it’s killing you to stay the same

But it’s all gonna work out, it’s all gonna work out someday”

 

“จงเปลี่ยนแปลงเถอะ ไม่งั้นมันอาจทำให้เราเป็นบ้า

เพราะความจมจ่อมอยู่ที่เดิมมันจะค่อย ๆ ฆ่าคุณช้า ๆ

เชื่อเถอะว่ามันจะต้องเวิร์คแน่ ๆ  มันจะต้องดีขึ้นในสักวัน”

 

 

และในกลุ่มเพลงที่ไม่ “โดดเดี่ยว” เพราะมีเพื่อนพ้องนักร้องนักดนตรีมาร่วมแจมด้วย ก็ทำให้จานสีของ Lauv นั้น ถูกเติมด้วยสีใหม่ให้มีความน่าสนใจไปอีกแบบ แต่เมื่อสีใหม่นั้นถูกผสมกับสีของ Lauv มันก็ถูกกลืนเข้าด้วยกันได้เป็นอย่างดี

 

“Fuck,  I’m lonely, I’m lonely, I’m lonely as”

 

“โอ๊ยยย เหงาโว้ย เหงาโว้ย เหงา”

(แต่ถ้าจะถอดความให้ดิบหน่อยก็คงประมาณว่า เชี่ยยย กูเหงา)

 

ใครที่ร่ำร้องออกมาขนาดนี้คงเหงามากจริง ๆ  Lauv และ Anne-Marie Rose Nicholson นักร้องนักแต่งเพลงสาวชาวอังกฤษได้ร่วมกันถ่ายทอดห้วงอารมณ์สุดเหงาผ่านบทเพลง “fuck, i’m lonely” เสียงสะท้อนของคนเหงาที่คิดถึงแฟนเก่า คิดถึงคนรักที่จากไป แต่ใจยังคงถวิลหาจนต้องร้องคร่ำครวญว่า “โอ๊ยย เหงาโว้ยย”

 

 

ฟังไปฟังมาเราจะเริ่มรู้สึกว่าเพลงของ Lauv มีอารมณ์คล้ายกับงานเพลงของ Lany ทั้งในท่วงทำนองดนตรีที่มีสีสันจากซาวด์อิเล็กทรอนิกส์และซินธ์และเนื้อหาที่เกี่ยวกับห้วงเหงาในเงารัก และเราก็ไม่แปลกใจเลย แถมยังดีใจที่ Lauv ได้มาเจอกับ Lany ใน “Mean It” บทเพลงเหงาของ “ตัวสำรอง” รักเธอและพร้อม stand by เพื่อเธอเสมอไม่ว่าเธอจะมีใคร แต่ก็หวังไว้ในใจว่าคงจะได้เป็น “ตัวจริงของเธอ” ในสักวัน

 

 

“Who” คืออีกหนึ่งบทเพลงที่เฝ้ารอเพราะเป็นการร่วมงานกันของ Lauv กับบอยแบนด์ซูเปอร์กรุ๊ปจากเกาหลี “BTS” เป็นบทเพลงที่พวยพุ่งอารมณ์รวดร้าวออกมาได้อย่างรุนแรงที่สุดแล้วในอัลบั้ม จริง ๆ ก็แอบหวังเหมือนกันว่าแทร็กนี้จะมีลูกเล่นลีลามากกว่านี้ แต่เท่าที่เป็นมันก็เจ๋งดี ฟังท่อนแรกที่ Lauv ร้องก็รวดร้าว ฟังท่อนที่จองกุกกับจีมินร้องก็เจ็บปวด พอสามประสานมันช่างรวดร้าวรุนแรงอิ่มเอมในอารมณ์ร้าวลึกจากการเปลี่ยนไปของคนที่เรา (เคยรัก) จนกลายเป็นคนที่เราไม่รู้จัก

 

“Who are you?

‘Cause you’re not the girl I fell in love with, baby

Who are you?

‘Cause something has changed, you’re not the same, I hate it”

 

เธอคือใคร ?

เพราะเธอไม่ใช่คนที่ฉันเคยหลงรัก,ที่รัก

เธอคือใคร ?

เพราะบางสิ่งได้เปลี่ยนไป เธอไม่เหมือนเดิม และฉันเกลียดมัน”

 

 

แทร็กอื่น ๆ ที่ซึมแทรกอยู่ในอัลบั้มก็ใช้ว่าจะไม่น่าสนใจบางเพลงถึงแม้จะไม่ “โดดเด้ง” แต่ก็ “ดูเด่น” ด้วยการทำตัวให้แตกต่างจากเพลงอื่น ๆ เช่น “Lonely Eyes” ที่การเรียบเรียงดนตรีมีความเป็นแบนด์รายละเอียดลงตัวกลอง เบส กีตาร์ ซินธ์ กับเพลงสไตล์เธอเหงาฉันเข้าใจเพราะฉันก็เหงาเหมือนกัน “Lonely eyes / She had those lonely eyes /I only know ’cause I have them too”  “For Now” อะคูสติกเหงา ๆ ที่เล่าเรื่อง “ความรักระยะไกล” ในโลกร่วมสมัยที่เนื้อเพลงจะบ่งบอกถึงการแสดงความรักผ่านทางเทคโนโลยีในยุคปัจจุบัน “I know it’s hard to feel so / Close to someone /That’s so far away”  “Sweatpants” อีกหนึ่งเพลงอารมณ์เหงาที่เคล้าด้วยลีลากีตาร์กลิ่นแจ๊ซในห้วงอารมณ์ของการข้ามผ่านความเหงาจากการที่ไร้เงาของเธอ “Sweatpants and songs about her / Coffee with a little bit of alcohol / Oh no, no, don’t judge me / Just ’cause I do anything to get by”

จนมาถึงแทร็กสุดท้าย “Modern Loneliness”

 

“Modern loneliness

 We’re never alone, but always depressed,”

 

“ความเหงาในโลกสมัยใหม่

เราไม่เคยโดดเดี่ยว แต่ซึมเศร้าเสมอ”

 

ถ้อยคำของมันช่างจริงอย่างเจ็บปวด ชีวิตเราในทุกวันนี้เทคโนโลยีทำให้เราเชื่อมต่อกับผู้คนได้มากมายผ่านโซเชียลมีเดีย เราดีใจที่มีเพื่อนเป็นร้อยเป็นพัน เราดีใจที่มีคนกด like กด love ในสิ่งที่เราโพสต์ มันทำให้เรารู้สึกว่า “มีคนสนใจให้ความสำคัญ” หรือ “มีใครสักคน” แต่จริง ๆ แล้วมันไม่ใช่ความสัมพันธ์ที่สามารถพึ่งพิงทางใจได้ เรายังรู้สึกว่างเปล่า เรายังโหยหาความสัมพันธ์ในโลกออฟไลน์ที่พึ่งพิงพึ่งพากันทางใจได้ ต้องการ “ความรัก” ที่จริงแท้มาเติมเต็มหัวใจ

 

“And I’ve been trying to fill all of this empty

But, fuck, I’m still so empty

Yeah, I could use some love”

 

“และฉันพยายามที่จะเติมเต็มความว่างเปล่าที่มี

แต่ ให้ตายเถอะ ฉันยังรู้สึกว่างโหวงอยู่ดี

ใช่ ฉันคงต้องใช้ความรัก”

 

 

งานเพลงของ Lauv งดงามด้วยการเปิดเผยความเศร้าในท่วงทำนองที่เราเพลินใจไปกับมันได้ เป็นความเศร้าที่ไม่หมองแต่กลับมีสีสันจากการสอดผสานของลีลาในแต่ละเครื่องดนตรี ซาวด์อิเล็กทรอนิก ซินธ์ และเสียงร้องนุ่มนวล ผ่านท่วงทำนองอันไพเราะ Lauv ได้เปลี่ยนเรื่องเศร้าให้เป็นเรื่องสุขไปได้อย่างงดงาม เป็นเพลงเศร้าที่เราร้องตามได้อย่างมีความสุข

สุดท้ายแล้วการฟังเพลงจากอัลบั้มนี้อาจเป็น “ความสุขชั่วครู่ยาม” หรือเป็น “ความเศร้าในเงาสุข” ที่สุดท้ายเราก็อาจกลับไปหม่นหมอง เศร้าสร้อย สับสนอีก แต่อย่างไรก็เถอะ อย่างที่ Lauv ได้บอกไว้ เราต้องโอบกอดทุกตัวตนของเราไว้ ไม่ว่าสีสันของมันจะเป็นเช่นไร ดังเช่นในตอนจบของภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องเยี่ยม “Inside Out” ที่บอกเราว่าทั้งความเบิกบานและความเศร้านั่นก็คือตัวเรามิใช่หรือ และความสวยงามของชีวิตก็เกิดจากการผสมผสานสีสันของสิ่งเหล่านี้เข้าด้วยกันนั่นล่ะ.

 

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส

เนื้อหาล่าสุด

รวมทุก Easter Eggs ใน MV ‘cardigan’ ซิงเกิลแรกจากอัลบั้มใหม่ ‘folklore’ ของ Taylor Swift

เล่นทำเซอร์ไพรส์แบบไม่ให้ตั้งตัว กับอัลบั้มล่าสุดชุดที่ 8 ที่มีชื่อว่า ‘folklore’ ของสาวเทย์เลอร์ สวิฟต์ ที่ประกาศมาวันที่ 23 และปล่อยอัลบั้มวันที่ 24 เลย ...อ่านต่อ

“ถ้าปูมาสู้กันจะเป็นยังไง” Fight Crab จะวางจำหน่ายให้กับ Nintendo Switch และ PC

จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเอาปูมาสู้กัน Fight Crab เกมจากทีมพัฒนา Calappa Games กำลังจะวางจำหน่ายในต่างประเทศ โดยได้ Mastiff มาเป็นผู้จัดจำหน่าย ตอนแรก Fight Crab ...อ่านต่อ

Brie Larson อยากเล่นเป็น Samus ถ้า Nintendo สนใจสร้างภาพยนตร์ Metroid

Brie Larson นักแสดงมากฝีมือ หรือที่ใครรู้จักในนาม Captain Marvel เป็นอีกครั้งที่เธอออกมาเผยถึงการอยากรับบทเป็น Samus Aran ในภาพยนตร์ Metroid Brie Larson ...อ่านต่อ

เผยภาพหลุดแรกของ Sony A7sIII กล้อง Mirrorless Full-frame สายวิดีโอที่จะเปิดตัวสิ้นเดือนนี้

Sony A7sIII กล้อง Mirrorless Full-frame ที่เตรียมจะเปิดตัวในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้แล้วนั้น วันนี้มีภาพหลุดแรกของกล้องตัวนี้ออกมาให้เราได้ชมกันก่อนแล้วครับ ...อ่านต่อ