ในอนาคต Android อาจมี Repair Mode ทำให้ไม่ต้อง factory reset มือถือก่อนส่งซ่อมเพราะกลัวข้อมูลหลุด!
การ factory reset มือถือก่อนส่งไปซ่อมถือเป็นหนึ่งในวิธีที่ทำให้เรามั่นใจได้ว่าข้อมูลส่วนตัวจะไม่หลุดออกไป ...อ่านต่อ
วันที่ 23 กันยายน 2566 ผมได้มีโอกาสไปร่วมกิจกรรม VIRTUAL MEDIA LAB TECHNOLOGY FOR BUSINESS OPPOTUNITIES จัดโดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) และเพื่อให้ทุกท่านที่เข้ามาอ่านบทความนี้เห็นภาพได้ชัดเจน ผมจะเรียบเรียงประเด็นตั้งแต่การบอกว่า เวอร์ชวล โปรดักชัน (Virtual Production) คืออะไรและแบ่งเป็นกี่ประเภท องค์ประกอบของเวอร์ชวล โปรดักชัน ไปจนถึงตัวอย่างงาน
ภายในกิจกรรมทางคุณ ปวีณ ภูริจิตปัญญา ผู้กำกับภาพยนตร์ที่เคยมีผลงานอย่าง ‘Ghost Lab ฉีกกฎทดลองผี’ ได้เล่าที่มาที่ไปและลำดับขั้นของงาน Virtual Production ดังนี้
Chroma Key Process
เพื่อให้เข้าใจง่ายที่สุด กระบวนการโครมาคีย์ (chroma key) คือการถ่ายงานในสตูดิโอโดยใช้ฉากหลังสีน้ำเงิน (blue screen) หรือ ฉากหลังสีเขียว (green screen) โดยข้อดีของการถ่ายทำแบบนี้คือ ผู้กำกับสามารถทำงานได้อย่างอิสระสามารถไปหา ฟีลลิง (feeling) หรืออารมณ์ในการเล่าเรื่องเอาหน้ากองถ่ายและยังสามารถลบสลิงได้สะดวกเพราะมีฉากหลังเป็นสีเขียวหรือสีฟ้าที่ง่ายต่อการลบสิ่งแปลกปลอม
แต่กระนั้นการถ่ายแบบโครมาคีย์ก็ยังมีข้อจำกัดสำคัญนั่นคือเรื่องของ “เวลา” ที่ถือเป็นต้นทุนที่หาซื้อไม่ได้ เพราะการถ่ายแบบโครมาคีย์ หมายถึงกระบวนการหลังการถ่ายทำหรือ โพสต์ โปรดักชัน (Post Production) ที่ต้องแก้ไขสร้างจากฉากที่มีเพียงสีฟ้าหรือสีน้ำเงินเท่านั้น นั่นหมายถึงการต้องเพิ่ม “เวลา” ในการทำงานเข้าไปอีก
และก็มาถึงยุคที่เทคโนโลยีสมัยใหม่สามารถสร้างฉากหลังเป็นสถานที่ต่าง ๆ ด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งหมดซึ่งจะมีบริษัทไหนเหมาะไปกว่าบริษัทเกมอย่าง Epic Games และ Unity Technologies ผู้อยู่เบื้องหลังเกมดัง ๆ ทั้ง Fortnite และ Pokemon Go ที่พัฒนาโปรแกรม ‘Unreal Engine’ จนกลายเป็นมือปืนรับจ้างให้กับ Disney และ Netflix เพื่อเนรมิตรฉากด้วยคอมพิวเตอร์กราฟิกสุดล้ำสำหรับหนังและซีรีส์ แทนที่กรีนสกรีนเดิมที่เคยเสียต้นทุนด้าน “เวลา” อย่างที่กล่าวไป
โดยต่อไปภาพยนตร์จะถ่ายในสตูดิโอที่ติดจอ LED ขนาดยักษ์ความละเอียด 4K (หรือสูงกว่านั้น) ที่จะกินพื้นที่ตั้งแต่พื้นจรดเพดานแล้วภาพฉากหลังที่เหล่าบริษัทด้านวิชวลเอฟเฟกต์รังสรรค์มาก็จะปรากฎบนจอ ทีนี้ฉากในหนังจะพิสดารแค่ไหนก็ไม่มีปัญหาไม่ว่าจะเป็นทะเลทรายหรือสถานีอวกาศก็ทำได้หายห่วง โดยมี ‘The Mandalorean’ ซีรีส์ที่ถ่ายระบบเวอร์ชวล โปรดักชัน 100% มาเป็นต้นแบบที่ช่วยให้หลายสตูดิโอตัดสินใจง่ายขึ้น
นอกจากนี้ยังมีงานที่น่าสนใจทั้ง ‘The Batman’ ที่เลือกเวอร์ชวล โปรดักชันเป็นคำตอบสำหรับฉากหลังที่ต้องการแสงแบบเมจิกอาว (Magic Hour -ช่วงเวลาที่แสงอาทิตย์สวยที่สุดราว 17.00 นก่อนพลบค่ำ) ที่แนบเนียนจนตากล้องหลายคนมองไม่ออก และ ‘1899’ ซีรีส์สุดพิศวงของ Netflix ที่เลือกเวอร์ชวล โปรดักชันเป็นคำตอบของการถ่ายทำ
กระนั้นแล้วคุณปวีณ ก็ยังกล่าวว่าการทำงานเวอร์ชวล โปรดักชัน ยังคงเป็นสิ่งใหม่ที่ท้าทายให้คนทำงานโปรดักชันต้องปรับตัวอยู่ดี ตัวอย่างเช่นหากงานดังกล่าวไม่มี สินทรัพย์ดิจิทัล (Digital Asset) พวกกราฟิกที่จะใช้เป็นฉากหลัง นั่นหมายถึงกระบวนการทำงานก่อนถ่ายทำคือการเคลียร์เรื่องฉากหลังหรือแบ็กกราวด์ให้ละเอียดรวมถึงการทำงานในส่วนกลไก (Mechanic) ที่ฉากหลังจะทำงานกับกล้องผ่านโปรแกรม Unreal Engine ซึ่งถือเป็นสิ่งใหม่
และในฐานะผู้กำกับ คุณปวีณยังกล่าวอีกว่าผู้กำกับจะต้องสื่อสารความต้องการในงานภาพออกมาให้ละเอียดที่สุดก่อนเริ่มการถ่ายทำดังนั้นอาชีพที่เกี่ยวข้องกับการออกแบบภาพอย่างวิชวลไลเซอร์ (Visualiser) ที่มีหน้าที่ในการจัดทำสตอรีบอร์ดจะจำเป็นอย่างมาก และตำแหน่งผู้กำกับภาพเองจะต้องมีองค์ความรู้เรื่องการใช้เลนส์และต้องทำงานกับฉากหลังที่เป็นจอ LED ซึ่งอาจเกิดภาพสะท้อน (Reflection) และคุณภาพผลงานยังเกี่ยวข้องกับจำนวนเงินทุนที่ต้องจ่ายเพิ่มและการสื่อสารระหว่างผู้กำกับและนักแสดงที่ต้องทำความเข้าใจกับการทำงานในฉากที่เป็นจอ LED ขนาดยักษ์อีกด้วย
ก่อนจะไปดูองค์ประกอบว่าหากจะทำงานเวอร์ชวล โปรดักชัน ต้องเตรียมอุปกรณ์อะไรบ้าง อยากให้ผู้อ่านทุกท่านได้เรียนรู้ประเภทของ เวอร์ชวล โปรดักชันเสียก่อนโดยทาง คุณอโรชา กิตติวิทยากุผล ตำแหน่ง Entertain Lighting Manager ของบริษัท แอลแอนด์อี บียอนด์ จำกัดที่ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาและให้บริการด้านเวอร์ชวล โปรดักชันได้กล่าวว่าเวอร์ชวล โปรดักชันจะมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภทได้แก่
Virtual Production
โดยขอเริ่มที่ Virtual Production ที่วัตถุประสงค์คือการรองรับการถ่ายทำในสตูดิโอเป็นหลัก ซึ่งหลักการทำงานเบื้องต้นของเวอร์ชวลโปรดักชันคือจะมีการทำงานร่วมกัน 3 ส่วนได้แก่
จอ LED ที่เดิมทีก่อนจะมีการตั้งสตูดิโอ เวอร์ช่วล โปรดักชัน ทางทีมงานจะประกอบจอในสตูดิโอที่ทางผู้สร้างงานกำหนด โดยสามารถปรับเปลี่ยนลักษณะการต่อจอได้ตามความต้องการของงานจะเป็นจอตั้งในฉากหลังธรรมดาหรือตั้งล้อมรอบเป็นเซตที่มีความยืดหยุ่นในการถ่ายทำก็ได้
ระบบกล้อง ระบบกล้องถือเป็นกุญแจสำคัญในการถ่ายทำโดยบนหัวกล้องจะมีเซนเซอร์เฉพาะสำหรับงานเวอร์ชวลสตูดิโอ อย่างที่เวอร์ชวล โปรดักชัน สตูดิโอของสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์จะใช้เป็นอุปกรณ์ HTC Vive Mars ที่เซนเซอร์จะตอบสนอง (Synchronize) กับภาพบนจอ LED แบบกึ่งเรียลไทม์ ตากล้องและผู้กำกับจะสามารถเห็นภาพที่ปรากฎได้ทันทีบนจอมอนิเตอร์
ระบบของโปรแกรม ‘Unreal Engine’ บนคอมพิวเตอร์ หากจอ LED และ กล้องทำหน้าที่เหมือนตาและร่างกายของงานเวอร์ช่วล โปรดักชันแล้วล่ะก็ ในส่วนของโปรแกรม ‘Unreal Engine’ ก็ไม่ต่างจากสมองที่ช่วยในการประมวลผลภาพพื้นหลัง (Background) กับสิ่งที่กล้องเห็นให้ทำงานสอดประสานกัน (Synchronize) ทางผู้กำกับภาพจึงสามารถเคลื่อนไหวกล้องได้อย่างอิสระโดยภาพพื้นหลังจะเปลี่ยนความลึกและมุมมองทำให้เกิดภาพเสมือนว่านักแสดงตรงหน้าอยู่ในโลกใบเดียวกับฉากหลังจริง ๆ
Extended Reality
ต่อมาเป็นในส่วนของการนำเวอร์ชวล โปรดักชันมาใช้ในการผลิตอีเวนต์ ออนไลน์ ซึ่งเป็นที่นิยมมากในช่วงเกิดโรคระบาดโควิด – 19 ในประเทศไทย โดยหลักการของการทำงานจะไม่ได้ต่างจากเวอร์ชวล โปรดักชันมากนักแต่เนื่องจากงานอีเวนต์ ออนไลน์ต้องการเพิ่มความตื่นตาตื่นใจเพราะหลักการแรกคือ ตาที่หนึ่งจะเป็นตาของกล้องก่อนจะนำภาพมาตาสุดท้ายคือผู้ชมดังนั้นหลักการคือเวอร์ชวล โปรดักชันแบบเอ็กซ์เทนเด็ด เรียลลิตี้ (Extended Reality) หรือ XR คือการดึงผู้ชมเข้าสู่โลกเสมือนให้ได้ โดยทางคุณ อโรชาและทีมงานได้อธิบายโดยละเอียดไว้ในวิดีโอด้านล่างนี้แล้ว
นอกจากนี้ทางคุณอโรชายังได้ยกตัวอย่างการใช้งาน XR จากการรับผิดชอบในการจัด XR ในสตูดิโอเพื่อโชว์ของ แจ็กสัน หวัง (Jackson Wang) ในรายการ ‘The Voice All Star’ ในปีที่ผ่านมาโดยอาศัยฉากที่ฉายบนจอ LED ทั้ง 4 ด้านและสลับมุมมองเสมือนพา แจ็กสัน หวัง ที่กำลังโชว์อยู่บนเวทีเดอะวอยซ์แล้วสลับไปยังโลกทะเลทรายร้อนแรงดังคลิปวิดีโอด้านล่าง
นอกจากนี้คุณอโรชายังเสริมอีกว่าการมีสตูดิโอ เวอร์ชวล โปรดักชัน ในประเทศไทยจะสามารถเพิ่มโอกาสสำหรับธุรกิจการผลิตคอนเทนต์ในประเทศไทยเป็นอย่างมาก โดยยกตัวอย่างจากโชว์ของ แจ็กสัน หวัง ที่ได้มือวิชวล เอฟเฟกต์คนไทยในประเทศอังกฤษมาออกแบบกราฟิกในโปรแกรม ‘Unreal Engine’ ให้ รวมถึงงานหลาย ๆ งานที่คุณอโรชาสามารถจัดการให้เกิดโปรดักชันทางไกล (Remote Production) ที่ผู้กำกับงานอยู่อีกประเทศแต่สามารถสั่งการมายังสตูดิโอที่ประเทศไทยเพื่อผลิตผลงานส่งกลับไปยังประเทศต้นทางได้ ซึ่งต่อไปวงการเวอร์ชวล โปรดักชันของประเทศไทยจะต้องการบุคลากรอีกมาก
นอกจากนี้คุณ เชาว์ คณาวุฒิกานต์ ผู้กำกับภาพยนตร์โฆษณาจากเพลย์เยอร์ทูโปรดักชันส์ (Player 2 Productions) ได้แบ่งปันประสบการณ์การถ่ายภาพยนตร์โฆษณาชุด ‘Undefeated’ ของเกม ‘Free Fire’ ที่ได้ ญาญ่า-อุรัสยา สเปอร์บันด์ มิว-ศุภศิษฏ์ จงชีวีวัฒน์ และ ลุค อิชิคาว่า มาแสดงนำในภาพยนตร์สั้นความยาว 17 นาที
ซึ่งคุณเชาว์เปิดเผยว่าเป็นโปรเจกต์แรกของประเทศไทยที่ใช้เวอร์ชวล โปรดักชัน 100 % โดยในช่วงเวลาที่ประเทศไทยยังไม่มีสตูดิโอเวอร์ชวล โปรดักชันอย่างทุกวันนี้ ทางทีมงานต้องติดตั้งจอ LED เพื่อถ่ายทำเป็นรายครั้งทำให้ต้นทุนในการผลิตงานสูงมากและการทำงานโปรดักชันที่กล้องต้องหันถ่ายเข้าหาจอ LED ก็ทำให้ผู้กำกับภาพต้องเรียนรู้ในการทำงานใหม่และข้อจำกัดสำคัญคือการตั้งปรับค่าเฟรมเรตของกล้องที่ถูกจำกัดไว้แค่ 60 เฟรมต่อ 1 วินาทีเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการกะพริบของภาพ (Flicker)
ส่วนวิธีการที่คุณเชาว์เลือกใช้เพื่อทำให้ผู้ชมเชื่อในภาพที่ปรากฎออกมาคือการออกแบบการใช้ โฟร์กราวด์ (Foreground) ที่พยายามเซตของจริงหน้าจอ LED รวมถึงใช้พรอบจริงให้นักแสดงถือเพื่อดึงสายตาผู้ชมอยู่กับจุดสนใจหลักของภาพมากกว่าจะไปสนใจภาพฉากหลังที่อาจมีบางเฟรมที่เกิดการสะท้อน แสง(Reflection) อยู่บ้าง และเพื่อให้เห็นภาพชัดขึ้นขอให้ชมวิดีโอเบื้องหลังการถ่ายทำด้านล่างนี้ครับ
และขออนุญาตประชาสัมพันธ์สำหรับนักเรียน นักศึกษาและผู้ทำธุรกิจกองถ่ายภาพยนตร์หรือให้บริการด้านโปรดักชันการถ่ายทำโดยสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ (องค์การมหาชน) มีแผนเปิด CEA Virtual Media Lab ที่ชั้น 4 อาคารสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ อาคารไปรษณีย์กลางบางรัก เพื่อส่งเสริมงานสร้างสรรค์ของนักเรียน นักศึกษาและภาคธุรกิจ ผู้สนใจสามารถสอบถามข้อมูลได้ทาง [email protected] หรือโทร (+66)2 105 7400 ต่อ 112, 165
พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส