ไม่เคยรู้จักหนังชื่อหนังเรื่องนี้มาก่อนเลย โปสเตอร์หนังก็ดูไม่น่าสนใจ แต่พอได้ดูตัวอย่างที่เห็นลูพิตา นยองโก ที่รับบทเป็นคุณครูโรงเรียนอนุบาลที่ต้องพาเด็กเล็กในดูแลของเธอไปเที่ยวสวนสัตว์ แล้วต้องเผชิญกับฝูงซอมบี้ หนังเอาไอเดียในเรื่องการที่ผู้ใหญ่ต้องล่อหลอกเด็กเล็กไม่ให้ตกใจกับสถานการณ์น่ากลัวที่กำลังเผชิญ ด้วยการแต่งเรื่องหลอกเด็กต่าง ๆ นานา ก็สามารถเอามาขยายเป็นมุกฮาได้มากมายและได้ผล แค่ตัวอย่างก็หัวร่องอหายแล้ว ทำให้ตั้งใจที่จะรอคอยชมตัวหนังจริง และเมื่อได้ดูก็นับว่าไม่ผิดหวังครับ ผู้กำกับอาเบ ฟอร์ไซธ์ ที่รับหน้าที่เขียนบทหนังด้วย นี่ไอเดียอัดแน่นจริง ๆ อัดมุกต่อเนื่องมาแทบทุกนาทีแล้วก็เป็นมุกที่ยิงติด ขำมากขำน้อยก็ว่ากันไป หน้าหนังจะเน้นขายชื่อ ลูพิตา นยองโก ใส่ภาพเธอเด่นสุดบนโปสเตอร์เลย ด้วยความตั้งใจล้อเลียนหนัง...
การเปลี่ยนแปลงสำคัญที่ เอ็มมานูเอล เบนบิไฮโปรดิวเซอร์หนังเลือกสานต่อซีรีส์ มหานครแห่งรักของพวกเขาคือการพยายามทำให้หนังสั้น 10 เรื่องมีเอกภาพมากขึ้นด้วย หนังเชื่อมต่อหรือ Transition ที่เป็นเรื่องของคู่แข่ง นักดนตรีเปิดหมวก กับ หุ่นมนุษย์รูปเทวดา ที่ค่อยๆพัฒนาความสัมพันธ์คู่ขนานไปกับเรื่องราวต่างๆของหนัง แต่สิ่งที่ขาดหายไปจริงๆคือ ลูกบ้าบางอย่างจาก Paris Je T’aime ที่จะมีหนังเพี้ยนๆหลุดโลกมาให้ดูกันบ้าง ดังนั้นเราเลยได้เห็นแต่เรื่องความรักธรรมดาสามัญที่เจอได้ทุกวัน ทั้งความรักระหว่างหนุ่มอกหักกับสาวข้างห้องที่มีระบบ AI รถยนต์มาสอนบทเรียนรักให้หนุ่มรักคุด หรือ ความรักระหว่างแม่ลูกที่มีคอนฟลิกต์คือการที่ลูกสาวแอบพาลูกผู้ลี้ภัยมาค้างคืน ในขณะที่แม่อยากให้เธอมีชีวืตครอบครัวเสียที...
หลายคนอ่านพล็อตแล้วคงถอนหายใจว่า เฮ้อ! หนังเลียมล้างแค้นอีกแล้วสินะ.. แต่อยากบอกตรงนี้เลยว่า เฮ้ย! หนังมันไม่ธรรมดาจริงๆ เพราะมันคือหนังที่ ฮานส์ ปีเตอร์ โมแลนด์ รีเมคจาก In order of disappearance หนังนอร์เวย์ปี 2014 ที่ทั้งโหด แหวะ และเต็มไปด้วยมุกตลกร้ายยากเกินคาดเดา ตัวละครในหนังทุกตัวอยู่ๆก็ตายแบบเราเดาทางไม่ถูก มันเล่นกระทั่งการสวิตช์ สับเปลี่ยนแนวของหนัง จากล้างแค้น ไปเป็นตลกเสียดสีได้แบบหน้าตาเฉย และแม้จะมีกลิ่นอายของหนังพี่น้องโคเอนอย่าง...
กลับมาอีกครั้งกับซีรีส์การผจญภัยของราชาวานรระดับอลังการงานสร้างในชื่อตอน ศึกราชาวานรตะลุยเมืองแม่ม่าย โดยคราวนี้เป็นภาคต่อจากไซอิ๋ว 3D ตอนกำเนิดราชาวานร (2014) และ ไซอิ๋ว 2 ตอน ศึกราชาวานรพิชิตมาร (2016) โดยการกลับมาคราวนี้ยังคงนักแสดงหลักชุดเดิมจากภาค 2 ไว้เหมือนเดิม นำโดย กัวฟู่เฉิง และ เผิงเส้าเฟิง รวมทั้งในภาค 3 นี้ได้ จ้าวลี่อิง สาวสุดฮอตมาสร้างสีสันรับบทเป็นราชินีแห่งเมืองแม่ม่ายอีกด้วย สำหรับเนื้อเรื่องในภาคนี้จะเป็นเรื่องราวของพระถังซัมจั๋งพร้อมคณะร่วมเดินทางอย่าง หงอคง, ตือโป๊ยก่าย และซัวเจ๋ง ซึ่งจับผลัดจับผลูเดินทางมาถึง ‘เมืองแม่ม่าย’ เมืองที่เต็มไปด้วยสาวโสด...
นอกจากการมาถึงของครอบครัวคนผิวสีแล้ว ชุมชนซับเบอร์บิคอนยังต้องสั่นคลอนจากเหตุบุกบ้านสุดสะเทือนขวัญของครอบครัวลอดจ์ที่คร่าชีวิต โรส (จูลี่แอน มัวร์) ภรรยาของการ์ดเนอร์ (แมต เดมอน) และยังทำให้เขาต้องพัวพันกับทั้ง มาร์กาเร็ต (จูลี่แอน มัวร์) น้องเมียฝาแฝด,สโลน(เกล็น เฟลชเลอร์) มาเฟียขาโหด, ไฮทาวเวอร์ (แจ็ค คอนลีย์) ตำรวจผู้สืบคดีนี้ และ บัด คูเปอร์ (ออสการ์ ไอแซค) เจ้าหน้าที่ประกันชีวิตตัวแสบ ในขณะที่...
เมื่อแคมป์ปิ้งสุดหฤหรรษ์พลันเปลี่ยนเป็นเกมล่าสุดสยอง ณ.อุทยานกลางป่าลึก แซม (แฮร์เรียต ไดเออร์) กับ เอียน (เอียน เอสจี มีโดวส์) คู่รักที่หวังฉลองปีใหม่ด้วยการตั้งแคมป์พลอดรักข้ามปี และครอบครัวของ ร็อบ (จูเลียน การ์เนอร์ ) กับ มาร์กาเร็ต (มายา สเตรนจ์) ก็พา เอ็ม (เทียร์เนียร์ คูปแลนด์)ลูกสาวที่เป็นโรคหวาดกลัว และทารกคนสุดท้องอย่าง ออลลี่...
เมื่อรู้ว่ามะเร็งกำลังพรากเวลาของเธอไปทุกนาที ฟูตาบะ (เร มิยาซาว่า) เลือกใช้แรงเฮือกสุดท้ายในระยะเวลาเพียง 60 วันในการสะสางหน้าที่ให้เสร็จสมบูรณ์ทั้งฝึก อาซูมิ (ฮานะ ซูกิซากิ) ให้เข้มแข็งและเอาตัวรอดจากสังคมอันโหดร้ายในโรงเรียน ตามตัว คาซูฮิโระ (โจ โอดางิริ)สามีเก่ากลับมาดูแลกิจการโรงอาบน้ำที่เธอหวังให้มันหล่อเลี้ยงทุกคนให้อยู่ต่อไปได้ในวันที่เธอจากโลกนี้ไปแล้ว รวมถึงการเปิดเผยความลับที่อยู่ในใจของเธอมานานหลายสิบปีแม้จะต้องแลกด้วยลมหายใจที่แผ่วลงทุกขณะก็ตาม ตามเนื้อผ้าแล้ว Her Love Boils Bathwater ของผู้กำกับ เรียวตะ นากาโนะ เดินตามสูตรสำเร็จทุกอย่างของหนัง ดราม่าน้ำตานองแบบญี่ปุ่นเริ่มด้วยตัวละครแม่หรือพ่อที่กำลังป่วยหนักต้องหาทางสะสางสิ่งที่ค้างในใจรวมถึงความลับสำคัญที่ไม่เคยเปิดเผยให้ลูกฟังมาก่อน...
หลังจากที่เมาหมัดมากับ Guardians เมื่อสัปดาห์ก่อน ก็ได้มีโอกาสมาสัมผัสกับหนังรัสเซียอีกครั้งกับ Attraction ซึ่งเป็นหนังสไตล์เอเลียนบุกโลกแนวไซไฟจัดๆ อีกเรื่อง ทั้งนี้ทั้งนั้น มันก็เข้าใจได้ไม่ยากว่าช่วงปี 2017 นี้เราจะได้เห็นหนังแดนหมีขาวส่งออกมาเจาะตลาดเมนสตรีมมากขึ้น ประมาณว่าเน้นสร้างการรับรู้ของแบรนด์ เปิดการรับรู้ใหม่ ขยายฐานคนดูหนัง และก็ประชาสัมพันธ์วัฒนธรรมและความภูมิใจก่อนจัดงานบิ๊กๆ อย่าง ฟุตบอลโลก 2018 ปีหน้าที่พวกเขาเป็นเจ้าภาพ รวมทั้งเป็นโอกาสดีที่ภาพลักษณ์ของอเมริกา คู่ปรับตลอดกาลเองก็กำลังสั่นคลอนจากประเด็นใหญ่ทางการเมืองด้วย แชร์โพสนี้