เมื่อโลกเสมือนกำลังใช้ AI กลืนกินโลกความจริง “AI label” อาจเป็นทางออกที่ดีที่สุดในเวลานี้
โลกเทคโนโลยีน่าตื่นตาขึ้นทุกวัน แต่ในขณะเดียวกันกลับสร้างความตื่นกลัวให้กับผู้ใช้งานแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เมื่อบริษัทนักพัฒนาหลายเจ้าแข่งขันกันเพื่อสร้าง AI และแอปพลิเคชันหรือฟีเจอร์ที่ทำให้คนสามารถสร้าง AI (Artificial Intelligence) ได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้เครื่องมือไม่กี่คลิก และเมื่อคนเข้าถึงง่าย ใครก็สร้าง AI ได้ ตามมาด้วยปัญหาที่ว่า ภาพ เสียงจาก AI เนียนจนเราแทบแยกไม่ออก แล้วแบบนี้ใครจะรับผิดชอบ ?
หลายคนคงเคยได้เห็นการสร้างภาพ (Generate) ตาม Prompt AI ที่ถูกแจกจ่ายตามโซเชียล ความสามารถของ AI ยิ่งป้อน Prompt ละเอียด ยิ่งทำให้ภาพที่ออกมาเสมือนจริงมาก จนสร้างความสับสนในข้อเท็จจริง โดยเฉพาะกับกรณีที่นำภาพตนเองกับศิลปินมา Generate ให้ใกล้ชิดกันเกินขอบเขต ส่งผลเสียต่อศิลปิน สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณะ และบางกรณีการนำรูปผู้อื่นไปสร้างภาพโป๊เปลือยปลอม ในลักษณะ Deepfake อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายที่สามารถถึงขั้นฟ้องร้องกันได้เลยทีเดียว
ฉะนั้นการมีป้ายกำกับเนื้อหา AI จึงเป็นเหมือนป้ายเตือนป้องกันการเข้าใจผิด ที่จะช่วยคัดกรองเนื้อหาลวงและเนื้อหาจริงให้ชัดเจนมากขึ้น

AI label คืออะไร ทำไมต้องมี ?
AI label คือ ป้ายกำกับหรือสัญลักษณ์ที่ระบุอย่างชัดเจนว่าเนื้อหานั้นถูกสร้างหรือปรับแต่งขึ้นโดย AI
ย้อนกลับไปในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา AI เริ่มเข้ามามีบทบาทในประเทศไทยอย่างช้า ๆ ผ่านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ โดยเฉพาะกระแสของ AI Chatbot ที่สร้างความฮือฮาให้กับผู้ใช้งาน ต่อมามีการพัฒนาฟีเจอร์ที่ให้ผู้ใช้สามารถสร้างรูปภาพได้ ซึ่งแม้หลายคนจะมองว่าเป็นโอกาสที่น่าตื่นเต้น แต่สำหรับบางคน ภาพเหล่านั้นอาจกลายเป็นหายนะที่ยากจะควบคุม
หลายบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำจึงเริ่มตระหนักถึงปัญหานี้ และเริ่มบังคับใช้มาตรการควบคุมเนื้อหาจาก AI อย่างจริงจัง ตัวอย่างเช่น
- Meta ในเดือนกุมภาพันธ์ 2024 Meta ได้ประกาศว่าจะเริ่มติดป้ายกำกับ “AI Info” บนเนื้อหาที่สร้างจาก AI บนแพลตฟอร์มอย่าง Facebook, Instagram, และ Threads เพื่อช่วยให้ผู้ใช้ตระหนักถึงความเสี่ยงต่าง ๆ ตั้งแต่การบิดเบือนข้อมูลไปจนถึงการสร้างภาพโป๊ปลอมของบุคคลที่มีชื่อเสียง
- Pinterest ในเดือนพฤษภาคม 2025 Pinterest ได้เพิ่มป้ายกำกับ “AI modified” บนรูปภาพที่ถูกปรับแต่งด้วย AI เมื่อผู้ใช้คลิกดูรูปภาพแบบใกล้ ๆ จะเห็นป้ายกำกับนี้ที่มุมล่างซ้าย
- TikTok ในเดือนเมษายน 2025 TikTok ได้อัปเดตข้อกำหนดให้ผู้ใช้ต้องเปิดเผยเนื้อหาที่สร้างจาก AI ซึ่งแสดงฉากที่สมจริง หรือถูกแก้ไขโดย AI โดยจะแสดงป้ายกำกับ “สร้างโดย AI” หรือ “Creator Labeled as AI-Generated” เพื่อให้ผู้ชมสามารถแยกแยะระหว่างโพสต์จริงและโพสต์ที่สร้างโดย AI ได้ นอกจากนี้ในเดือนกันยายน 2025 TikTok Shop ยังได้ออกนโยบายแบนเนื้อหาที่สร้างโดยปัญญาประดิษฐ์ (AIGC) ซึ่งรวมถึงเนื้อหาที่เลียนแบบบุคคลหรือถูกตัดต่ออย่างชัดเจน

ใช้ AI เป็นต้องควบคุม AI ด้วย
การติดป้ายกำกับ AI ไม่ใช่แค่เรื่องของเทคโนโลยี แต่ยังเกี่ยวข้องกับผลกระทบทางสังคมและกฎหมายในหลายมิติ
- ความน่าเชื่อถือของสื่อ การระบุแหล่งที่มาของเนื้อหาอย่างชัดเจนช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือให้กับสื่อต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นข่าว บทความ หรือภาพถ่าย
- การควบคุมเนื้อหาที่สร้างความเสียหาย การติดป้ายกำกับช่วยให้แพลตฟอร์มสามารถควบคุมและลบเนื้อหาที่สร้างความเสียหายได้ง่ายขึ้น เช่น Deepfake หรือการบิดเบือนข้อมูล
- การรู้เท่าทันสื่อ การติดป้ายกำกับเป็นเครื่องมือสำคัญในการสอนให้ผู้คนในยุคดิจิทัลมีความรู้เท่าทันสื่อและสามารถตั้งคำถามกับเนื้อหาที่บริโภคได้อย่างมีวิจารณญาณ
ในยุคที่ AI เข้ามามีบทบาทสำคัญในชีวิตประจำวัน การมี “AI label” ไม่ใช่เพียงแค่ทางเลือก แต่เป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถแยกแยะระหว่างความจริงและภาพลวงได้ การที่แพลตฟอร์มโซเชียลต่าง ๆ เริ่มบังคับใช้นโยบายนี้อย่างจริงจังแสดงให้เห็นว่านี่คือทิศทางที่โลกกำลังมุ่งไป เพื่อสร้างความโปร่งใสและปกป้องผู้ใช้งานจากภัยคุกคามที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย
การติดป้ายกำกับ AI อาจยังไม่ใช่คำตอบที่สมบูรณ์แบบ แต่อย่างน้อยก็เป็นก้าวแรกที่สำคัญในการสร้างความตระหนักรู้และรับผิดชอบร่วมกันในโลกดิจิทัล