เดี๋ยวนี้ใครๆ ก็หันมาใช้ eSIM กันมากขึ้น เพราะมันสะดวกสุดๆ ไม่ต้องวุ่นวายหาถาดจิ้มซิมการ์ดอีกต่อไป แค่สแกน QR Code ปุ๊บ ก็พร้อมใช้งานทันที แต่เคยสงสัยไหมว่า… ไอ้ซิมล่องหนที่ฝังอยู่ในเครื่องเราเนี่ย มันปลอดภัยแค่ไหน ? โดนแฮกได้รึเปล่า ?

eSIM คืออะไร ?

พูดง่ายๆ eSIM ก็คือ ‘ซิมฝัง’ ที่เป็นชิปเล็กจิ๋วติดมากับเครื่องสมาร์ตโฟนตั้งแต่โรงงานเลย ทำให้เราไม่ต้อง “ใส่ซิม” แต่เป็นการ “โหลดเบอร์” เข้าเครื่องแทน ข้อดีคือมันสบายกว่าซิมแบบเดิม

  • เปิดเบอร์ใหม่ได้จากบ้าน: แค่สแกน QR Code ก็จบ อาจไม่ต้องไปศูนย์ หรือรอซิมใหม่ส่งมาที่บ้าน
  • มีหลายเบอร์ในเครื่องเดียว: สลับใช้เบอร์ต่าง ๆ ได้ง่ายขึ้น อย่างแยกเบอร์ส่วนตัวกับเบอร์ทำงาน
  • ไม่ต้องกลัวซิมหาย: เพราะมันฝังอยู่ในเครื่อง ถอดไม่ได้ และลดความยุ่งยากต้องถอดถาดซิมเข้า-ออก เมื่อต้องการเปลี่ยนซิม

eSIM โดนแฮกได้ไหม ?

คำตอบคือ ได้ครับ ! …แต่ไม่ใช่การเจาะเข้าไปที่ตัวชิปโดยตรงนะ

ตัวชิป eSIM เหมือนตู้เซฟอย่างดีที่แฮกยากมาก แต่ที่โดนกันคือมิจฉาชีพไป “แฮกที่คน” แทน พูดง่าย ๆ คือ ไปหลอกผู้ให้บริการหรือพนักงานคอลเซ็นเตอร์ให้เอา QR Code ไปให้มันดื้อ ๆ โดยอาจใช้วิธีต่อไปนี้

  • หลอกเป็นเรา (Social Engineering): มิจฉาชีพจะหาข้อมูลส่วนตัวของเรา (ชื่อ, วันเกิด ฯลฯ) แล้วโทรไปที่คอลเซ็นเตอร์ สวมรอยเป็นเราแล้วขอออก eSIM ใหม่ พอสำเร็จปุ๊บ eSIM ในเครื่องเราจะดับ แล้วเบอร์ของเราก็จะไปอยู่ที่เครื่องโจรทันที
  • หลอกให้เรากดเอง (Phishing): ส่ง SMS หรืออีเมลปลอมมาหลอกให้เรากดลิงก์ หรือสแกน QR Code ที่มันส่งมา

เกิดอะไรขึ้น ถ้าโดนขโมยเบอร์ eSIM

เมื่อเบอร์เราไปอยู่ในมือโจร มันคือการถูกขโมยกุญแจเข้าสู่โลกดิจิทัล ของเราไปเลย เพราะโจรจะสามารถ

  • ดักรหัส OTP: เพื่อใช้ทำธุรกรรมธนาคาร หรือเข้าโซเชียลมีเดียของเรา
  • รีเซตรหัสผ่าน: เข้ายึดบัญชีทุกอย่างที่ผูกกับเบอร์โทรไว้
  • สวมรอยเป็นเรา: เอาเบอร์ไปหลอกยืมเงินคนในลิสต์รายชื่อของเรา

รู้ทันโจร ! ใช้ eSIM ยังไงให้ปลอดภัย ?

อย่างไรก็ตาม การโจรกรรมเบอร์จาก eSIM ไม่ได้ทำได้ง่าย ๆ และมีความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นน้อยมาก แต่เราก็สามารถเตรียมตัวรับมือกับปัญหานี้ได้

  1. เปลี่ยนไปใช้แอป 2FA: เลิกใช้ OTP ที่ส่งมาทาง SMS แล้วหันไปใช้แอปอย่าง Google Authenticator แทน เพราะรหัสจะถูกสร้างจากในเครื่องเรา โจรขโมยเบอร์ไปก็เอาไปใช้ไม่ได้
  2. อย่าแชร์ข้อมูลส่วนตัวมั่วซั่ว: ยิ่งเราโพสต์ข้อมูลส่วนตัวออนไลน์น้อยเท่าไหร่ โจรก็ยิ่งหาข้อมูลไปสวมรอยได้ยากขึ้นเท่านั้น
  3. คิดก่อนคลิก: เจอ SMS หรืออีเมลแปลก ๆ อย่ารีบกดลิงก์หรือสแกน QR Code เด็ดขาด
  4. ถ้าสัญญาณหายปุ๊บ… รีบโทรหาค่ายมือถือทันที: หากอยู่ดี ๆ สัญญาณมือถือก็ดับไป โทรไม่ได้ เน็ตไม่มา ทั้ง ๆ ที่จ่ายค่าบริการตามปกติ ให้รีบติดต่อผู้ให้บริการทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณว่าเบอร์ของคุณถูกย้ายไปแล้ว

สรุปง่ายๆ คือ eSIM ไม่ได้มีปัญหาด้านความปลอดภัยในตัวเอง แต่ความสะดวกของมันดันไปเปิดช่องให้มิจฉาชีพเล่นงาน ‘จุดอ่อน’ ที่เป็นคนอย่างเรา ๆ ได้ง่ายขึ้น แค่เรารู้ทันและป้องกันตัวเองให้ดี ก็ใช้ชีวิตได้สะดวกและปลอดภัยมากขึ้น