เมื่อเกิดอุทกภัย นอกเหนือจากการหนีขึ้นที่สูงแล้วอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ควรคำนึงถึงคือปัญหา ‘ไฟรั่ว’ (Leakage Current) ที่เกิดจากกระแสไฟไหลออกนอกวงจรผ่านตัวกลางอย่างน้ำหรือความชื้นออกมาทำอันตรายต่อมนุษย์และสัตว์เลี้ยง

ปกติแล้วไฟรั่วเกิดได้จากหลายสาเหตุนอกเหนือจากน้ำท่วม ไม่ว่าจะเป็น

  • สายไฟชำรุดหรือเสื่อมสภาพ ฉนวนแตกหรือขาด
  • เครื่องใช้ไฟฟ้าเก่าหรือมีปัญหาภายใน
  • การติดตั้งระบบไฟฟ้าไม่ได้มาตรฐาน
  • การซ่อมหรือดัดแปลงอุปกรณ์ไฟฟ้าด้วยตัวเอง

ข้อมูลจากมหาวิทยาลัยมหิดลชี้ให้เห็นถึงอันตรายจากไฟรั่วไว้ว่า เพียงแค่กระแสไฟ 0.1 แอมแปร์ ไหลผ่านเพียง 2 วินาทีอาจทำให้หัวใจหยุดเต้นได้ทันที (Ventricular Fibrillation) ยิ่งในสถานการณ์น้ำท่วมที่สาหัสและกำลังลามไปสู่หลาย ๆ จังหวัดภาคใต้ในตอนนี้ การเข้าใจและรู้จักแนวทางป้องกันที่เหมาะสมจึงเป็นเรื่องที่จำเป็นอย่างยิ่ง

วิธีดูไฟรั่วเวลาน้ำท่วม

ในสถานการณ์ที่ไฟรั่วขณะน้ำท่วม สิ่งที่ควรสังเกตคือ

  1. มีฟองหรือน้ำบุ๋ม ๆ บริเวณเสาไฟ (ลักษณะคล้ายฟองโซดา เป็นปฏิกิริยาระหว่างอิเล็กตรอนกับพื้นดิน) แต่ถ้าน้ำไหลเชี่ยว น้ำขุ่นมาก หรือไฟรั่วในปริมาณไม่สูงมาก คุณอาจมองไม่เห็นฟองอากาศ การไม่มีฟองไม่ได้แปลว่าปลอดภัย 100%
  2. บริเวณเสาไฟมีสัตว์เลื้อยคลาน หรือปลาตาย ลอยอยู่
  3. ความรู้สึกสัมผัส หากเดินลุยน้ำผ่านจุดนั้นแล้วรู้สึกขาชา ๆ หรือมีอาการเจ็บจี๊ด ต้องรีบถอยออกมาทันที

แนวทางป้องกันเบื้องต้น

สำหรับบ้านที่น้ำยังไม่ท่วมจนเดินทางลำบาก

  • ให้ตัดเบรกเกอร์ในบ้านทันที เพื่อป้องกันไม่ให้ไฟรั่วลงไปในน้ำ
  • ให้ยกอุปกรณ์ไฟฟ้าขึ้นที่สูงไว้ก่อน

การปฏิบัติตัวเมื่ออยู่นอกบ้าน

  • หลีกเลี่ยงเสาไฟฟ้า เสาโลหะ ตู้ที่มีไฟฟ้า โครงเหล็ก หรือสายไฟขาด โดยอยู่ห่างอย่างน้อย 1-4 เมตร (หรือ 10 เมตรสำหรับไฟฟ้าแรงสูง)

กรณีที่เลี่ยงเดินผ่านเสาไฟหรือสายไฟไม่ได้

  • ถ้าน้ำยังไม่สูงมาก เลือกใส่รองเท้าหรือถุงมือที่เป็นฉนวนป้องกันไฟฟ้า เช่น รองเท้าบูทยาง หรือถุงมือยาง
  • หากเดินผ่านน้ำแล้วรู้สึกเจ็บจี๊ด ๆ ขึ้นมา ให้เปลี่ยนการเดินเป็นกระโดดขาคู่ หรือก้าวเท้าสั้น ๆ ให้เท้าถูกันตลอดเวลา เพราะการก้าวเท้ากว้างจะทำให้เกิดความต่างศักย์ไฟฟ้าระหว่างเท้าสองข้าง (ไฟจะวิ่งจากเท้าข้างหนึ่งขึ้นมาผ่านตัวเราลงเท้าอีกข้าง)
  • ใช้ไขควงวัดไฟจุ่มน้ำนำทางไปก่อนจะช่วยให้ปลอดภัยมากขึ้น

แต่ในกรณีที่มีการโดนไฟดูดไปแล้ว ต้องตั้งสติและเริ่มทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้น แนะนำให้พาผู้ป่วยออกไปยังพื้นที่แห้งและห่างจากเสาไฟ จากนั้นใช้ฝ่ามือกดปั๊มไปที่หน้าอก 100-120 ครั้งต่อนาที แล้วจึงเป่าปาก 2 ครั้ง สลับไป 5 รอบ (ระยะเวลา 2 นาที) แต่หากไม่สะดวกเป่าปากสามารถกดต่อไปเรื่อย ๆ ได้