ประเด็นระหว่าง Apple หรือ App Store และ Spotify ผู้ให้บริการสตรีมเพลงรายใหญ่ของโลกนั้นก็มีมาเนิ่นนานแล้ว โดย Apple มักจะถูกมองเป็นตัวร้ายเสมอในแง่ของส่วนแบ่ง อย่างไรก็ตาม Spotify เองก็ไม่เคยให้ลูกค้าชำระเงินผ่าน App Store เลย และดูเหมือนบริษัทจะยังไม่พอใจ Apple อีกด้วยซ้ำ ล่าสุดคณะกรรมาธิการยุโรปได้แถลงผลการตัดสินที่ระบุว่า App Store เป็นอุปสรรคต่อการแข่งขันในตลาดเพลงดิจิทัลจนทำให้ Apple ต้องออกแถลงการณ์โต้ตอบ

การตัดสินของคณะกรรมาธิการยุโรปจะทำให้ Spotify เป็นผู้ได้ประโยชน์มากที่สุด โดยทาง Spotify ได้เข้าพบคณะกรรมาธิการยุโรปกว่า 65 ครั้งในระหว่างการสืบสวน อันที่จริง Spotify เองก็ถือว่าไม่เล็ก​ ปัจจุบันครองส่วนแบ่งการตลาดในยุโรปมากถึง 56% มากกว่าอันดับ 2 ถึง 2 เท่า อย่างไรก็ตาม Spotify ไม่เคยจ่ายค่าอะไรให้ Apple เลย ทั้ง ๆ ที่ Spotify อาศัย App Store ทำให้เป็นบริการสตรีมที่เป็นที่รู้จักมากสุดในโลก

Apple ระบุว่า บริษัทมีเป้าหมายในการเปิด App Store เพื่อเป็นสื่อกลางที่ปลอดภัยและน่าเชื่อถือรวมถึงเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจสำหรับนักพัฒนา มีตัวเลขที่น่าสนใจเผยว่า นักพัฒนาส่วนใหญ่ประมาณ 86% ไม่เคยจ่ายค่าคอมมิชชั่นให้แก่ Apple เลย ซึ่งถือว่าเยอะมาก App Store จะมีการเก็บค่าธรรมเนียมจากกรณีกดซื้อแอปรวมถึงซื้อ In-App Purchase แต่หากนักพัฒนาขายสินค้าที่จับต้องได้ โฆษณาภายในแอป หรือแค่แชร์แอป Apple จะไม่ได้ค่าธรรมเนียมใด ๆ จากสิ่งเหล่านี้เลย

Spotify เองก็เป็นอีกหนึ่งในหลายแอปที่เติบโตได้จากการเปิดตัวแอปใน iOS โดย Spotify เริ่มจากเริ่มต้นจากการเป็นสตาร์ตอัปเล็ก ๆ ปัจจุบันมีส่วนแบ่งในตลาดยุโรปมากกว่า 50% และมีส่วนแบ่งผู้ใช้งานบน iOS มากกว่า Android ด้วย แม้ว่าจะมีคู่แข่งในตลาดอย่าง Google, Amazon, Deezer, SoundCloud และ Apple แต่ Spotify ยังคงมีส่วนแบ่งเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก

Spotify ไม่เคยจ่ายค่าตอบแทนใด ๆ ให้ Apple

เรียกว่า Spotify พึ่งพา App Store เพื่อดันตัวเองให้เติบโตได้ขนาดนี้ อย่างไรก็ตาม Spotify ไม่เคยจ่ายอะไรให้ Apple เลย เนื่องจาก Spotify จะให้ผู้ใช้งานสมัครสมาชิกและชำระเงินผ่านหน้าเว็บของ Spotify เองเช่นเดียวกับแอปอื่น ๆ (เช่น Netflix)

จากข้อมูลพบว่าแอป Spotify ได้รับการดาวน์โหลด ดาวน์โหลดซ้ำ หรืออัปเดตมากกว่า 119,000 ล้านครั้งบนอุปกรณ์ของ Apple โดยแอป Spotify มีให้บริการบน App Store ในกว่า 160 ประเทศทั่วโลก และยังมีอีกหลากหลายวิธีที่ Apple สร้างมูลค่าให้กับ Spotify โดยไม่คิดค่าตอบแทนใด ๆ เช่น วิศวกรของ Apple ช่วยให้ Spotify สามารถทำงานร่วมกับ Siri, CarPlay, Apple Watch, AirPlay, วิดเจ็ต และอีกมากมายได้อย่างราบรื่น เป็นต้น

Spotify ต้องการมากกว่านั้น

เรียกว่า Apple ฟาด Spotify จัง ๆ โดยระบุว่า Spotify ต้องการเขียนกฎของ App Store ขึ้นใหม่เพื่อเอื้อประโยชน์ต่อตนเองให้มากขึ้นอีกจากเดิมที่ไม่เสียอะไรอยู่แล้ว Apple ระบุว่า Spotify ใช้อีเมล โซเชียลมีเดีย ข้อความ โฆษณาบนเว็บ และวิธีอื่น ๆ ในการเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเช่นเดียวกับที่หลาย ๆ บริษัทกำลังทำ นอกจากนี้ Spotify ยังสามารถใส่ลิงก์ไว้ในแอปเพื่อนำทางผู้ใช้งานไปยังหน้าเว็บไซต์สำหรับสร้างหรือจัดการบัญชีได้ด้วยภายใต้กฎ Reader ของ App Store

กล่าวสรุปคือ Spotify ต้องการแสดงหน้าค่าบริการต่าง ๆ บนแอปแต่ให้ผู้ใช้งานไปชำระเงินโดยไม่ผ่าน App Store แทน อาศัยเครื่องมือและเทคโนโลยีของ Apple ในการทำให้ตัวเองสร้างรายได้อย่างเดียว

สรุปสั้น ๆ ก็คือ Spotify ไม่รู้จักพอ

Apple ทิ้งท้ายไว้ว่า บริษัทดำเนินกิจการในยุโรปมานานกว่า 40 ปี อีกทั้งยังทำให้เกิดงานมากกว่า 2.5 ล้านตำแหน่งทั่วทั้งทวีป “เราช่วยให้ตลาดเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยส่งเสริมการแข่งขันและนวัตกรรมในทุกย่างก้าว และ App Store ก็เป็นส่วนสำคัญของเรื่องราวนี้ แม้ว่าเราจะเคารพคณะกรรมาธิการยุโรป แต่ผลการตัดสินในครั้งนี้ไม่มีข้อเท็จจริงสนับสนุน Apple จึงตัดสินใจที่จะยื่นอุทธรณ์ต่อไป”

ส่วนฝั่ง Spotify ก็ออกแถลงการณ์ตอบโต้แล้ว โดยบอกว่าสิ่งที่ตนทำนั้นถูกต้องแล้ว