สถานการณ์ในอิหร่านตึงเครียดสุด ๆ ตอนนี้คนในประเทศกำลังประสบปัญหาเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ทั้งเว็บไซต์ต่างประเทศและแอปแชทยอดฮิตอย่าง WhatsApp ก็เข้าไม่ได้เลย แหล่งข่าวอย่าง The New York Times และ NBC News รายงานตรงกันว่า รัฐบาลอิหร่านสั่งจำกัดการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต เพื่อรับมือกับการโจมตีทางไซเบอร์จากอิสราเอล ที่ความขัดแย้งระหว่างสองประเทศกำลังลุกลามใหญ่โตขึ้นเรื่อย ๆ
ฟาติเมห์ โมฮาเจะรานี โฆษกรัฐบาลอิหร่าน บอกว่ารัฐบาลจำเป็นต้องลดความเร็วอินเทอร์เน็ต เพื่อรักษาเสถียรภาพของเครือข่าย “จากการโจมตีทางไซเบอร์ของศัตรู” และมีข่าวว่าอิหร่านเตรียมลดแบนด์วิดท์อินเทอร์เน็ตลงถึง 80 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว
บริษัทที่ติดตามการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตทั่วโลกอย่าง Kentinc และ Netblocks แจ้งกับ NBC News ว่าสัญญาณอินเทอร์เน็ตของอิหร่านดิ่งฮวบ ตั้งแต่ช่วงเย็นวันที่ 17 มิถุนายนที่ผ่านมา (ตามเวลาสหรัฐฯ) แม้ว่าชาวอิหร่านจะประสบปัญหาในการเข้าถึงบริการออนไลน์มาหลายวันแล้ว โดยเฉพาะอินเทอร์เน็ตมือถือที่บางพื้นที่ใช้งานไม่ได้เลย และ VPN ที่ใช้เข้าเว็บไซต์ต่างประเทศก็ถูกบล็อกเป็นช่วง ๆ
นอกจากจะบล็อก WhatsApp แล้ว รัฐบาลอิหร่านยังเร่งให้พลเมืองลบแอปนี้ออกจากสมาร์ตโฟนด้วยซ้ำ โดยกล่าวหาว่า WhatsApp เก็บข้อมูลเพื่อส่งให้อิสราเอล งานนี้ WhatsApp ก็ออกโรงโต้ทันทีกับ AP ว่า “กังวลว่าข่าวเท็จเหล่านี้จะเป็นข้ออ้างให้บล็อกบริการของเรา ในช่วงเวลาที่ผู้คนต้องการมากที่สุด”
แม้โฆษกรัฐบาลอิหร่านจะอ้างว่าการปิดและลดความเร็วอินเทอร์เน็ตเป็นการป้องกันการโจมตีทางไซเบอร์จากอิสราเอล แต่ในอีกแง่หนึ่ง มันก็ทำให้ประชาชนได้รับคำเตือนเรื่องการโจมตีได้ยากขึ้น และติดต่อคนที่รักในกรณีฉุกเฉินไม่ได้เลย แถมแผนที่อย่าง Google Maps ก็ใช้ไม่ได้ ทำให้ผู้คนที่พยายามอพยพพลัดหลงกันอีกต่างหาก
รัฐบาลอิหร่านกำลังเร่งให้ประชาชนหันไปใช้บริการอินเทอร์เน็ตของชาติ หรือ N.I.N. ซึ่งยังคงใช้งานได้และอนุญาตให้ส่งข้อความผ่านแพลตฟอร์มของรัฐบาล แต่ประชาชนส่วนใหญ่ไม่คิดว่ามันจะปลอดภัย
ใช่ว่าอิหร่านจะเป็นฝ่ายตั้งรับอย่างเดียว The Verge รายงานว่า บริษัทรักษาความปลอดภัยทางไซเบอร์ Radware พบว่ามีการโจมตีทางไซเบอร์อิสราเอลพุ่งสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นับตั้งแต่การโจมตีอิหร่านเมื่อเร็ว ๆ นี้ ซึ่งเชื่อว่าเป็นการกระทำของกลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้องกับรัฐบาลอิหร่านและกลุ่มที่สนับสนุนอิหร่านนั่นเอง
ที่ผ่านมา อิหร่านเคยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการโจมตีทางไซเบอร์หลายครั้ง รวมถึงเหตุการณ์ที่แฮกเกอร์ที่เชื่อมโยงกับประเทศนี้เคยขโมยข้อมูลผู้ลงคะแนนเสียงของสหรัฐฯ และส่งอีเมลข่มขู่ไปยังผู้ลงคะแนนเสียงของพรรคเดโมแครตด้วย