Highlight

  • เมกะโปรเจกต์: Haier (ไฮเออร์) ลงทุนกว่า 10,000 ล้านบาท สร้างโรงงานแอร์แห่งใหม่บนพื้นที่ 324,000 ตร.ม. ที่นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 3 (WHA ESIE 3) จังหวัดชลบุรี
  • ศูนย์กลางอาเซียน: ยกระดับไทยเป็นศูนย์กลางการผลิต วิจัยและพัฒนา และส่งออกหลักในภูมิภาค
  • Smart & Green: โรงงานออกแบบภายใต้แนวคิดอัจฉริยะและยั่งยืน (Smart & Sustainable) ตอบโจทย์ Thailand 4.0 และ S-Curve
  • เป้าหมาย 3 ปี (68-70): ผลิตแอร์รวม 12.5 ล้านเครื่อง มูลค่ากว่า 63,650 ล้านบาท
  • เดินเครื่องเฟสแรก: เริ่มเดินสายการผลิตแล้ว ลุยผลิตทันที 3 ล้านเครื่อง สร้างงานกว่า 3,000 อัตรา

ยักษ์ใหญ่เครื่องใช้ไฟฟ้าจากจีน Haier (ไฮเออร์) กำลังเดินเครื่อง “เมกะโปรเจกต์” โรงงานอัจฉริยะแห่งใหม่ ตั้งเป้า 3 ปี ผลิตแอร์ 12.5 ล้านเครื่อง เสิร์ฟตลาดโลกจากไทย

ไฮเออร์ (Haier) แบรนด์เครื่องใช้ไฟฟ้าเบอร์ 1 ของโลก 16 ปีซ้อน เดินเครื่องการลงทุนครั้งใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในไทยอย่างเป็นทางการแล้ววันนี้ (23 ก.ย. 68) ด้วยการเปิดโรงงานผลิตแอร์แห่งใหม่ ณ นิคมอุตสาหกรรมดับบลิวเอชเอ อีสเทิร์นซีบอร์ด 3 (WHA ESIE 3) จังหวัดชลบุรี

นี่ไม่ใช่แค่การขยายไลน์การผลิตทั่วไป แต่คือ “เมกะโปรเจกต์” มูลค่ากว่า 10,000 ล้านบาท ที่ไฮเออร์ตั้งเป้าเปลี่ยนประเทศไทยให้เป็น “ฐานการผลิตเชิงยุทธศาสตร์” (Strategic Production Base) สำหรับภูมิภาคอาเซียนและตลาดโลก

การลงทุนครั้งนี้ถือว่าสำคัญเพราะมันคือการ “เดิมพัน” ครั้งใหญ่กับยุทธศาสตร์ New S-Curve ของไฮเออร์และ Thailand 4.0 ของไทยโดยตรง ไฮเออร์ไม่ได้มองไทยเป็นแค่ “ฐานการผลิตราคาถูก” อีกต่อไป แต่มองเป็น “ศูนย์กลางเชิงยุทธศาสตร์ในอาเซียน” ที่เชื่อมต่อครบวงจร ทั้งซัพพลายเชน, วิจัยและพัฒนา, รวมถึงการส่งออกไปขายยังประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก

ในยุคที่การแข่งขันย้ายฐานการผลิตในภูมิภาคกำลังดุเดือด การที่แบรนด์เบอร์ 1 ของโลกเลือกทุ่มเงินหมื่นล้านปักหมุดที่ไทย สะท้อนความเชื่อมั่นต่อนโยบายอุตสาหกรรม โครงสร้างพื้นฐาน และที่สำคัญคือ “แรงงานฝีมือ” ของไทย การเคลื่อนไหวนี้ยังเกิดขึ้นในจังหวะครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ซึ่งตอกย้ำความมั่นใจของนักลงทุนจีนต่อเสถียรภาพของไทยอย่างมีนัยสำคัญ

โรงงานอัจฉริยะหมื่นล้าน

โรงงานแห่งใหม่นี้ตั้งบนพื้นที่มหึมา 324,000 ตารางเมตร ถูกออกแบบภายใต้แนวคิด Green & Sustainable Manufacturing โดยอัดแน่นด้วยเทคโนโลยี Smart Manufacturing และระบบอัตโนมัติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุด และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

ไฮเออร์วางโรดแมปการผลิตไว้ชัดเจน แบ่งเป็น 3 เฟส:

  • เฟส 1 (ก.ย. 2568): เริ่มเดินสายการผลิต 3 ล้านเครื่อง (มูลค่า 14,700 ล้านบาท)
  • เฟส 2 (ปี 2569): ขยายเป็น 3.5 ล้านเครื่อง (มูลค่า 17,800 ล้านบาท)
  • เฟส 3 (ปี 2570): แตะระดับสูงสุด 6 ล้านเครื่อง (มูลค่า 31,150 ล้านบาท)

การลงทุนนี้จะช่วยสร้างงานให้คนในพื้นที่กว่า 3,000 ตำแหน่ง และเมื่อเดินเครื่องเต็มกำลัง โรงงานแห่งนี้จะกลายเป็นหนึ่งในฐานผลิตแอร์ที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค เพื่อป้อนสินค้าไปยังอาเซียน ตะวันออกกลาง และตลาดโลก

ไม่ใช่แค่ “สร้าง” แต่คือ “Innovation Ecosystem”

มร.โจว หยุนเจี๋ย ประธานกรรมการบริหาร ไฮเออร์ กรุ๊ป ย้ำชัดว่า ไฮเออร์ไม่ได้มาแค่สร้างโรงงาน แต่มาเพื่อสร้าง “Innovation Ecosystem”

เขาชี้ว่าจุดแข็งของไทยคือการมีระบบนิเวศอุตสาหกรรมที่พร้อม ทั้งแรงงานฝีมือที่ปรับตัวเร็ว โลจิสติกส์ที่เชื่อมต่อทั้งภูมิภาค และซัพพลายเออร์ท้องถิ่นที่แข็งแกร่ง ทำให้ไฮเออร์วางแผนต่อยอดสู่การจัดตั้งศูนย์นวัตกรรมและ R&D ในไทยด้วย นี่คือการยกระดับแบรนด์ “Made in Thailand” ให้แข็งแกร่งขึ้นในตลาดโลกด้วยคุณภาพและนวัตกรรม

เป้าหมายตลาดไทย

แม้โรงงานใหม่จะเน้นการส่งออกเป็นหลัก แต่ไฮเออร์ก็ประกาศเดินหน้าลุยตลาดในประเทศเต็มที่เช่นกัน โดยตั้งเป้าหมายยอดขายในไทยปี 2568 (ปีหน้า) สำหรับแอร์บ้านที่ 5,500 ล้านบาท และแอร์เชิงพาณิชย์อีก 1,108 ล้านบาท โดยมีเป้าหมายชิงส่วนแบ่งตลาด (Market Share) ในไทยให้ได้กว่า 13%

การเดินเกมครั้งนี้ของไฮเออร์ชัดเจนว่าเป็นการ “ปักธง” ระยะยาวในไทย ไม่ใช่แค่การย้ายฐานการผลิตชั่วคราว การทุ่มเงินหมื่นล้านในยุคที่เศรษฐกิจโลกผันผวน คือการส่งสัญญาณว่าไทยยังคงเป็นหมุดหมายสำคัญของอุตสาหกรรม New S-Curve และสมรภูมินี้