LINE ประเทศไทย เปิดตัว ‘Business Manager’ แพลตฟอร์มจัดการข้อมูลลูกค้าที่ทำให้แบรนด์สามารถเก็บข้อมูลโดยได้รับการอนุญาตจากลูกค้าโดยตรง (1st party data consent) ที่ง่ายต่อการใช้งาน และมีประสิทธิภาพสูง เพื่อที่จะสามารถผลักดันให้ธุรกิจไทยเข้าใจและพัฒนาในเรื่องการบริหารจัดการข้อมูล ทัดเทียบมาตรฐานระดับสากล

โดยวันนี้ (23 มีนาคม) นายนรสิทธิ์ สิทธิเวชวิจิตร รองประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ LINE ประเทศไทย ได้จัดงานแถลงข่าวออนไลน์ เพื่อเปิดตัวแพลตฟอร์มทั้งสองนี้ พร้อมกับสรุปผลงานปี 2021 กับความก้าวหน้าในการมีส่วนร่วมขับเคลื่อนธุรกิจไทยสู่ดิจิทัลอีกด้วย

‘Business Manager’ แพลตฟอร์มจัดการข้อมูลลูกค้าที่ใช้งานง่ายยิ่งขึ้น

นายนรสิทธิ์กล่าวว่า ในปี 2565 นี้ LINE มุ่งเป็นแพลตฟอร์มหลักสำหรับธุรกิจในการปรับตัวสู่ดิจิทัล (Digitalization) โดยมีเป้าหมายในการเพิ่มประสิทธิภาพ ลดต้นทุน และสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับกลุ่มธุรกิจไทย พร้อมเดินหน้าพัฒนาแพลตฟอร์ม เพื่อให้ธุรกิจไทยมีความสามารถในการแข่งขันเทียบเท่ากับแบรนด์ในระดับสากล ซึ่งความรู้ ความเข้าใจในเรื่องของข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า จะมีบทบาทอย่างมากในการพัฒนาธุรกิจให้เติบโต

แต่ด้วยปัจจุบัน กฎเกณฑ์ นโยบายในเรื่องการเก็บข้อมูลจากผู้บริโภคกำลังจะเปลี่ยนไป โดยทุกองค์กรจะต้องให้ความสำคัญกับการขออนุญาตยินยอมในการเปิดเผยข้อมูลของผู้บริโภคมากขึ้น LINE ตระหนักถึงความสำคัญในส่วนนี้ จึงได้พัฒนาโซลูชั่นบริหารจัดการข้อมูล (Data Solutions) ที่เหมาะสมกับกฎระเบียบที่เพิ่มมากขึ้น ง่ายต่อการใช้งาน และมีประสิทธิภาพสูง เพื่อที่จะผลักดันให้ธุรกิจไทยเข้าใจและพัฒนาในเรื่องการบริหารจัดการข้อมูล ให้มีมาตรฐานระดับสากลมากขึ้น

ที่ผ่านมา LINE มีแพลตฟอร์มจัดการข้อมูลให้กับแบรนด์ธุรกิจขนาดใหญ่ภายใต้ชื่อ ‘MyCustomer’ ซึ่งช่วยให้แบรนด์สามารถเก็บข้อมูลโดยได้รับการอนุญาตจากลูกค้าโดยตรง (1st party data consent) ทั้งจากภายในแพลตฟอร์ม LINE หรือนำข้อมูลภายในของแบรนด์ หรือที่ได้จากช่องทางอื่นมารวมไว้ในที่เดียวกัน เพื่อเป็นประโยชน์ในการเข้าถึงและวิเคราะห์ข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ปีนี้ LINE ได้พัฒนาแพลตฟอร์มใหม่ภายใต้ชื่อ ‘Business Manager’ แพลตฟอร์มบริหารจัดการข้อมูลอย่างง่าย เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กที่ไม่ได้ต้องการการบริหารงานข้อมูลที่ซับซ้อน โดยจะเน้นไปที่การบริหารจัดการข้อมูลที่เกิดขึ้นโดยตรงบนแพลตฟอร์ม LINE ระหว่าง LINE Official Account และ LINE Ads Platform เพื่อให้แบรนด์สามารถนำมาวิเคราะห์ นำเสนอสินค้าบริการที่โดนใจลูกค้า นำไปสู่ความมีประสิทธิภาพและต้นทุนที่ต่ำลงในการขาย ผลักดันทั้ง LINE Official Account และ LINE Ads Platform เป็นตัวช่วยสำคัญทำให้กลุ่มธุรกิจในไทย เข้าถึงและใช้งานข้อมูลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ภายใต้พระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล และนโยบายความเป็นส่วนตัว ที่กำลังส่งผลต่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในเชิงการตลาดต่อองค์กรธุรกิจทั่วโลก

เปิดผลงาน LINE ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลไทย

ในปี 2564 ที่ผ่านมา ประเทศไทยมีการเติบโตในเศรษฐกิจดิจิทัลเป็นอย่างมาก ดัชนีชี้วัดของการใช้งานบริการดิจิทัลผ่าน LINE API ที่เติบโตขึ้นถึง 47% จาก 46,000 ล้านการส่งข้อความผ่าน API ในปี 2563 มาเป็น 69,000 ล้านการส่งข้อความในปี 2564 สะท้อนให้เห็นถึงภาคธุรกิจที่ปรับตัวเข้าสู่ดิจิทัลโดยมี LINE เป็นแพลตฟอร์มสำคัญในการขับเคลื่อน โดยธุรกิจกลุ่มสถาบันการเงินยังคงเป็นผู้นำในการใช้งาน LINE API จำนวนมากที่สุด

ส่วนกลุ่มธุรกิจสินค้าหรู (Luxury) มีการบริโภคภายในประเทศสูงขึ้นเป็นอย่างมาก จากการบ่งชี้ของมูลค่าเงินลงทุนที่เติบโตอย่างก้าวกระโดดบน LINE for Business ถึง 200% ในช่วงปี 2562-2564 และเมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคในการซื้อของออนไลน์กลายเป็นพฤติกรรมกระแสหลัก กลุ่มธุรกิจสินค้า Luxury จึงสามารถจับกระแสและสร้างการเติบโตต่อเนื่องได้อย่างมีประสิทธิภาพ

กลุ่มภาครัฐและบริการสาธารณะ กลายเป็นกลุ่มที่เติบโตทางด้านดิจิทัลมากที่สุดในปี 2564 ด้วยยอดการทำรายการดิจิทัลผ่าน LINE API เติบโตถึง 482 % เมื่อเทียบกับปี 2563 ตามมาด้วยกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ท่องเที่ยว และค้าปลีก ที่ล้วนมียอดการเติบโตของการใช้งานผ่าน LINE API มากกว่า 100% แสดงให้เห็นว่า LINE มีส่วนช่วยในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลไทย และการเข้าถึงการบริการดิจิทัลของคนไทยทั้งประเทศ ในปีที่ผ่านมา

นอกจากนั้น ในปี 2022-2023 นี้ LINE จะเตรียมความพร้อมเพื่อเข้าสู่วงการคริปโทเคอร์เรนซี ผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์มสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับ NFT (Non-fungible Token) โดย LINE ตั้งเป้าที่จะเป็นแพลตฟอร์มที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานให้กับองค์กรธุรกิจไทยที่จะเดินหน้าสู่การทำการตลาดด้วยสินทรัพย์ดิจิทัล ทั้งในด้านการจัดหา creator ให้กับแบรนด์ และเป็น ศูนย์กลางองค์ความรู้ในการใช้งาน NFT เพื่อธุรกิจ ( NFT for Business ) ด้วยการร่วมมือกับ LINE Consumer Business ที่เพิ่งประกาศทิศทางในการดำเนินธุรกิจในอุตสาหกรรม NFT อย่างเต็มรูปแบบ

“เราขอยืนยันว่าจะเป็นแรงผลักดัน เคียงข้างธุรกิจไทยและคนไทยในการแก้ไขปัญหา เพิ่มประสิทธิภาพ ยกระดับศักยภาพการแข่งขัน เพื่อเป้าหมายที่ไม่เพียงให้เศรษฐกิจไทยอยู่รอดเท่านั้น แต่สามารถพัฒนาเป็น ศูนย์กลางเศรษฐกิจระดับภูมิภาคที่สำคัญในเศรษฐกิจโลกยุคใหม่ ที่กำลังจะเกิดขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้านี้” นายนรสิทธิ์ กล่าวสรุป