ธรรมชาติมักสร้างสรรค์สิ่งสวยงามเสมอ บางครั้งก็งดงามราวกับภาพวาด บางครั้งก็แปลกตาจนยากที่จะเชื่อว่าสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ หรือบางครั้งก็สร้างสรรค์สิ่งสวยงามล้ำค่าที่เปี่ยมไปด้วยพลัง ทั้งยังแฝงไปด้วยคุณประโยชน์มากมายอย่างน่ามหัศจรรย์ รอให้มนุษย์มาค้นเจอ

นักธรณีวิทยาพบหินอาเกตหายาก ที่ดูภายนอกเหมือนจะเป็นเพียงหินธรรมดาทั่วไป รูปทรงคล้ายไข่ แต่เมื่อผ่าแบ่งครึ่งออกมาแล้ว ต่างก็ตกตะลึงกันไปตาม ๆ กัน เพราะภายในมีการเรียงตัวของผลึกควอตซ์สีน้ำเงินเข้ม ที่ดูยังไงก็เหมือน “คุกกี้มอนสเตอร์” ตัวละครจากรายการ Sesame Street ไม่มีผิด !! 

หินสุดแปลกก้อนนี้ถูกค้นพบในรัฐ Rio Grande dol sul ใกล้เมือง Soledade ในประเทศบราซิล
ตั้งแต่เดือนพฤจิกายนของปี 2020 และด้วยความแปลกและหายาก บางคนถึงกับบอกว่ามันเป็นอัญมณีที่มีค่าราวกับเพชรเลยทีเดียว โดยเจ้าหิน “คุกกี้มอนสเตอร์” นี้มีมูลค่าสูงถึง 10,000 ดอลลาร์ หรือราว ๆ 300,000 บาท อีกทั้งยังมีผู้เสนอซื้อเจ้าหินก้อนนี้ถึง 5 ราย แต่อย่างไรก็ยังไม่ได้มีการตกลงขายให้กับผู้ใด

หินอาเกต หรือที่คนไทยในสมัยโบราณมักเรียกขานกันว่า “หินโมรา” เป็นหินที่มักถูกจินตนาการเป็นรูปนู่นรูปนี่เป็นปกติ แต่ส่วนใหญ่มักจะไม่มีรูปร่างหน้าตาที่ชัดเจนเหมือนเจ้าหินคุกกี้มอน
สเตอร์นี้

ด้วยสีของผลึกควอตซ์สีน้ำเงินเข้ม ที่เรียกว่า บลูเรซอาเกต (Blue Lace Agate) นับเป็นเครื่องรางประจำกายของผู้ที่เกิดวันพุธ และเป็นอัญมณีที่เหมาะกับผู้ที่ทำงานในวงการบันเทิง ผู้ที่ต้องใช้ความชำนาญในการพูด การเจรจา ด้วยลักษณะที่มีความนุ่มนวล อ่อนโยน เหมือนน้ำทะเลสีฟ้าที่ถูกปล่อยออกมาจากช่วงฤดูหนาว ลวดลายที่สง่างามมีผลกระตุ้นต่ออารมณ์และทัศนคติ เป็นการเพิ่มกำลังใจและยกระดับความรู้สึก ทั้งยังถูกใช้เป็นอัญมณีที่ช่วยให้เกิดความเจริญงอกงาม ความร่ำรวย และความสำเร็จ ด้วยเหตุผลเหล่านี้จึงทำให้หลาย ๆ คนต่างต้องการหินอาเกตมาไว้ในครอบครองเพื่อช่วยป้องกันความชั่วร้าย สร้างความกล้าหาญ เสริมอำนาจในการตัดสินใจ และบำบัดให้ร่างกายกลับสู่สภาพสมดุล

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า “อัญมณี” นั้นมีพลังจากธรรมชาติแฝงอยู่ เนื่องจากธรรมชาติได้สร้างสรรค์อัญมณีแต่ละก้อนผ่านการบีบอัดด้วยความร้อน ความกดดัน และการเสียดสีอย่างยาวนานนับพันล้านปี มันจึงได้ดูดซับพลังงานอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติไว้อย่างเข้มข้น อัญมณีแต่ละชนิดจึงมีพลังที่แตกต่างกันออกไปตามกระบวนการเกิด มนุษย์แต่ละยุคสมัยต่างได้เรียนรู้สิ่งเหล่านี้ และใช้มันเป็นประโยชน์ จนอาจกล่าวได้ว่า “อัญมณี” คือเทคโนโลยีแห่งกาลเวลา

อ้างอิง MailOnline

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส