เชื่อว่าในยุคปัจจุบัน คอเกมจะคุ้นชินกับเกมมือถือ ทั้งแบบที่ออกแบบมาเพื่อเล่นเกมโดยเฉพาะอย่าง NDS , 3DS , PSP , PS Vita , Nintendo Switch หรือ แท็บเล็ต และ สมาร์ทโฟน มากกว่า แต่เด็กในยุคอดีต เครื่องเกมมือถือ อาจจะเป็นแค่ฝัน เพราะด้วยราคาที่น้องๆเกมคอนโซลในยุคนั้น แถมเกมมือถือในยุคแรกเริ่ม ไม่สามารถเปลี่ยนตลับได้ซื้อมาก็เล่นได้แค่เกมเดียว หลายคนอาจจะคิดว่าไม่คุ้ม ทำให้การมีเครื่องเกมมือถือไว้สักเครื่องในบ้านเป็นเรื่องยากเย็น และในยุคแรกๆคนไทยนิยมเรียกเครื่องเกมมือถือว่า “เกมกด” ดังนั้นในบทความจึงขอเรียกว่าเกมกด เพื่อความเข้าใจร่วมกัน

โดยจุดกำเนิดของเครื่องเกมมือถือ นั้นเริ่มจากเครื่องคิดเลข ที่คุณ Gunpei Yokoi บิดาแห่งเกมบอยในเวลาต่อมา ได้สังเกตเห็นว่า นักธุรกิจใช้เวลาว่างระหว่างโดยสารรถไฟ ไปกับการนั่งเล่นเครื่องคิดเลข จึงเป็นที่มาของการทำเครื่องเล่นเกมฆ่าเวลา พร้อมกับ เป็นนาฬิกาไปในตัวในชื่อ Game & Watch ที่วางขายในปี 1980

และด้วยมีจุดกำเนิดมาจากเครื่องคิดเลข ทำให้เกมกดยุคแรกเริ่มใช้หน้าจอผลึกเหลวแบบเดียวกับ เครื่องคิดเลข ที่มีการเคลื่อนไหวจำกัด เพราะมีช่องๆการเดินของตัวละครจำกัด เหมือนตัวเลขในเครื่องคิดเลข แม้การเคลื่อนไหวในเกมจะจำกัด และใช้ถ่าน นาฬิกา เป็นพลังงาน แม้เกมจะไม่ได้มีอะไรมาก แต่สำหรับเด็กในยุคนั้นถือว่าเป็นความสนุกที่หาที่ไหนไม่ได้ และถ้าเด็กคนไหนมี “เกมกด” เด็กคนนั้นจะกลายเป็นซูเนโอะ ในยุคนั้น ที่เพื่อนๆจะแวะเวียนไปหยิบยืม หรือยึด ด้วยเพราะราคาแพงและความหายาก

โดยนินเท็นโด ได้ออก Game & Watch มามากมายหลายรุ่น เรียกว่าถ้าจะแนะนำให้หมดออกเป็น Pocket Book อีกเล่มยังได้ นี่ยังไม่นับรวมเกมกดจากค่ายอื่นที่มีมากมาย ส่วนรุ่นที่คนไทยรู้จักมีไม่กี่รุ่น โดยส่วนใหญ่จะเป็นเกมกดรุ่นแรกๆ


Game & Watch Silver วางขายในปี 1980 โดยมีทรงเป็นสี่เหลี่ยม มีปุ่มกด 2 ปุ่ม และเป็นนาฬิกาได้


Game & Watch Gold วางขายในปี 1981 หลังจากประสบความสำเร็จแบบถล่มทลาย และได้เพิ่มเกมและเพิ่มความสามารถในการตั้งเวลาปลุกได้ รวมทั้งมีขาตั้งทำให้วางเหมือนนาฬิกาตั้งโต๊ะได้ เหมือนกับ Nintendo Switch ในปัจจุบัน


Game & Watch Multi Screen (1982–1989)
รุ่นที่โด่งดังที่สุด เพราะมีถึง 2 หน้าจอ ลักษณะเหมือน Nintendo DS และ 3DS ในปัจจุบัน โดยมีเกมดังๆอย่าง ดองกี้คอง เป็นตัวชูโรง และเพิ่มความซับซ้อนด้วยปุ่ม D-Pad


Game & Watch Tabletop (1983)
มีลักษณะ เหมือนเกมตู้(อาเขต) เล็กๆ และเป็นจอสี แต่มีราคาแพงจึงเป็นหนึ่งในรุ่นที่หายาก โดยนอกจากรูปร่างแล้วยังมีปุ่มบังคับที่เหมือนกับเกมตู้ !!


Game & Watch Panorama (1983–1984)
มีจุดเด่นที่เป็นหน้าจอสี แต่ต้องเล่นผ่านเงาสะท้อนในกระจกเพื่อเล่น รุ่นนี้ราคาค่อนข้างสูง แต่ก็พอหาได้บ้างในไทย ตอนเด็กๆผู้เขียนก็พอจะเคยได้เล่นบ้าง ปัจจุบันเป็นของสะสมราคาสูง


Game & Watch New Wide Screen (1982–1991)
รุ่นที่สานต่อความสำเร็จจาก Silver ,Gold โดยมีการนำเกมดังๆของ นินเท็นโดมาสร้างเป็นเกมกด ทั้ง มาริโอ , เซลด้า และมีการสร้างอย่างยาวนานถึงปี 1991 แม้กระทั้งยุคที่เกมบอยวางขายแล้ว โดยมีฉากหลังเป็นสีสันสวยงาม


Game & Watch Super Color (1984)
รุ่นจอสีที่มีสีที่พื้นหลังของหน้าจอ โดยรุ่นนี้ไม่ค่อยได้รับความนิยม และหายากในไทย


Game & Watch Micro Vs. System (1984)
เกมกดตามชื่อที่เล่นได้ 2 คนพร้อมกัน และมีจอยแยกออกมาให้คนละอัน ซึ่งมันอาจจะเป็นต้นแบบของ Nintendo Switch ในปัจจุบัน


Game & Watch Crystal Screen (1986)
หรือเรียกเล่นๆว่ารุ่นจอใส ที่โปร่งแสง เกมออกมาในยุคที่เกมบอยใกล้จะมาแล้ว เลยไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควร

 

Game & Watch Mini Classics (1998)
รุ่นพิเศษที่ทำออกมาในแนวย้อนยุค โดยมีขนาดเล็ก กะทัดรัด ให้เหมือนเป็นพวงกุญแจขนาดเล็ก โดยมีเกมคลาสสิกออกมาให้เล่นกันหลายเกม เช่นเกม Super Mario โดยรุ่นนี้ก็มีขายในไทยในยุคนั้น

นอกจากนี้ยังมี Game & Watch รุ่นพิเศษอีกหลายเกมทั้งที่เป็นนาฬิกา , พวงกุญแจ และรุ่นพิเศษเพื่อฉลองเนื่องในโอกาสต่างๆ แต่นอกจากเกมกดของค่าย นินเท็นโด แล้วยังมีอีกหลายค่ายที่สร้างออกมานับไม่ถ้วน แต่ที่โดดเด่นคือ ของค่ายผู้ผลิต นาฬิกา และ เครื่องคิดเลข อย่าง คาสิโอ และค่ายที่ทำของเล่น Bandai ที่ทำออกมาหลายเกม


เกมกดที่โดดเด่น western bar เกมกดในตำนาน

แม้ Game & Watch ของ นินเท็นโด จะโดดเด่นโดนใจคอเกมในยุคนั้นแต่เชื่อได้เลยว่า เกมกด ที่สร้างความประทับใจ โดยเป็นเกมกดจากค่าย คาสิโอ นาม western bar ที่คนไทยเรียกว่า เกมคาวบอย โดยโดดเด่นที่เป็นเกมกดที่มีด่าน และมีบอส รวมกันอยู่ในเกมเดียว โดยเกมหลักๆจะเป็นการยิง แก้ว ขวด จาน แต่ต้องไม่ยิงโดนระเบิด

และอีกส่วนจะเป็นการต่อสู้กับบอส ตัวเกมเรียบง่าย แต่มีจุดเด่นที่ความดังของเสียงในเกมผ่านลำโพงขนาดยักษ์ ที่เปิดทีกระหึ่มชนิดเครื่องเกมรุ่นใหม่อย่าง 3DS ยังอาย แม้มันจะมีแค่เสียงประกอบก็ตาม โดย western bar ยังหาได้ในยุคปัจจุบันผ่านการเล่นบน อีมูเลเตอร์ , บน iphone และ ตลาดขายเกมมือ 2 ที่ยังคงพอมีให้เห็นบ้าง


เกมกดในไทย บาทเดียวก็เล่นได้ !!

เนื่องด้วยราคาเกมกดในยุคนั้นที่สูงมาก และเล่นได้แค่ 1 เกม ต่อ 1 เครื่อง ทำให้การเป็นเจ้าของ เกมกดไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับเด็กในยุคนั้น แต่ใช่ว่าจะไม่มีช่องทาง เพราะ เกมกดเหล่านี้สามารถหาได้ในสถานที่ ที่ไม่น่าเชื่อว่าจะมี เช่นตามงานวัด หรือหน้าโรงงิ้ว ที่จะมีคนนำเกมกดมาให้เช่า โดยผูกโซ่ ติดกับตัวเกมกด เพื่อกันขโมย และให้เช่าเป็นเกม ที่มีให้ 3 ตัว ต่อ 1 บาท และเด็กยุคนั้นหลายคนรวมทั้งผู้เขียนเองที่ เมื่อมีโรงงิ้วมาเปิดแสดงที่ไร จะอาสาพาอาม่า ไปดูทุกครั้ง ไม่ใช่เพราะอยากดูงิ้ว แต่เพราะอยากไปเล่นเกมกด ซึ่งเด็กในยุคนั้นแม้จะมีงบน้อยก็พอจะหาเล่นเกมกดได้ ในงบแค่ บาทเดียว

ปัจจุบันหาได้ที่ไหน

แม้จะผ่านเวลาไปนาน แต่ในปัจจุบัน เกมกด ก็ยังหาเล่นได้ โดยมีของใหม่ที่ส่วนมากจะเป็นเกมตัวต่อ Tetris ส่วนเกมกดเก่าๆอย่าง Game & Watch ที่ยังพอหาได้ เพราะมีคนเล่นเป็นของเก่า ซึ่งมีราคาค่อนข้างแพง ถ้าสภาพดี หรือตามตลาดนัดของเก่าอาจจะพอหาได้บ้าง ส่วนคอเกมที่งบน้อย ยังหาเล่นได้บน อีมูเลเตอร์ บน PC หรือ App บน ios และเกมบน 3DS

แม้เวลาจะผ่านไปนาน 38 ปีแล้ว แต่เกมกด ยังอยู่ในใจใครหลายคน แม้จะมีรูปแบบการเล่นเรียบง่าย มีแค่เกมเดียว กราฟิกก็แทบไม่มีอะไร แต่สำหรับเด็กในยุคนั้นความตื่นตาตื่นใจไม่ต่างจากเครื่องเกมเทพๆในยุคนี้ ที่หยิบขึ้นมาเมื่อไรก็คิดถึงความสนุกสมัยยังเด็ก

Play video