เมื่อวันที่ 1 ธันวาคม ที่ผ่านมานะครับ ทางทีมงานได้รับเชิญจาก Blizzard Entertainment ให้เข้าร่วมทดสอบเกม Diablo IV กันก่อนใคร ซึ่งต้องบอกเลยว่ามันเป็นประสบการณ์ที่ล้ำค่าเป็นอย่างมาก นอกจากนี้ก็ยังมีการสัมภาษณ์ทีมงานผู้พัฒนาเกมกันสด ๆ อีกด้วย

ตัวเกมที่เราได้ทดลองเล่นนั่นยังเป็นเวอร์ชันที่อยู่ในระหว่างการพัฒนา และยังไม่เสร็จสมบูรณ์สักเท่าไร โดยเนื้อหาที่เราได้เข้าถึง ก็จะเป็นเพียงโซนใน Act 1 และ Act 2 บางจุด พร้อมกับตัวละครทั้งหมด 3 Class ได้แก่ Rogue, Sorceress และ Barbarian และจำกัด Level สูงสุดที่ 25 และไม่จำกัดเวลาในการเล่น

การทดสอบครั้งนี้เกิดขึ้นพร้อม ๆ กันกับสื่อเจ้าอื่น ๆ ทั่วทั้งโลก แน่นอนว่าตัวเกมมีแต่เวอร์ชันภาษา ENG เท่านั้น โดยมีการทิ้งท้ายไว้ว่า “จะมีภาษาอื่น ๆ เพิ่มเติมหลังจากวางจำหน่าย” 

ด้วยเวลาที่ไม่จำกัด ทางเราเองก็เล่นกันอย่างเต็มที่ และหลังจากที่ได้มีการพูดคุยกับเหล่าผู้พัฒนาหลังเล่นเสร็จแล้ว ก็ต้องบอกกันตามตรงเลยครับว่า งานนี้ Blizzard อาจจะกลับมาผงาดอีกครั้งก็เป็นได้นะ


Story


เนื้อเรื่อง Diablo 4 จะสานต่อจาก Diablo 3 หลังจากการตายของ Malthael ในภาค Reaper of Souls มีผู้คนล้มตายมากมาย และเหล่าผู้คนก็ต่างพากันเอาชีวิตรอดออกจากยุคมืด เวลาผ่านมาหลายปีหลังจากที่ค่อย ๆ ฟื้นตัวกันได้แล้ว ก็มีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้น เหตุการณ์ที่จะทำให้โลก Sanctuary แห่งนี้เปลี่ยนไปตลอดกาล

Diablo 4 จะพูดถึงการมาของ Lilth ลูกสาวของ Mephisto, Lord of Hatred บอสใน Diablo 2 ที่เธอได้ถูกอัญเชิญมาด้วยพิธีกรรมมืดบางอย่าง พร้อมกับกลุ่มลัทธิที่ต้อนรับการมาของ Lilth

โดยคอนเซ็ปต์ของ Diablo 4 นั้น ทีมงานได้ตั้งใจให้มีความดาร์กที่สุดเท่าที่เคยทำมา ธีมของเกมคือ “กลับสู่ความมึด” ทำให้มีความสยองและความแฟนตาซี แน่นอนว่าเกมนี้ไม่เหมาะกับเด็ก ๆ และจะเป็นภาคที่มีเนื้อเรื่องใกล้ชิดกับมนุษย์มากที่สุด เพราะว่า Lilth นั้นเธอเป็นผู้สร้าง Sanctuary และเหล่ามนุษย์ที่อาศัยอยู่ รวมไปถึงตัวเอกด้วยเช่นกัน

ปกติแล้วใน Diablo เราจะได้เห็นการเล่าเรื่องแบบ Angel ปะทะ Demon ซึ่งเราจะรู้สึกเหมือนเป็นตรงกลางมาตลอด แต่คราวนี้เราจะได้เห็นมุมมองของเหล่ามนุษย์มากยิ่งขึ้น โดยนี่จะเป็นภาคที่มีเรื่องราวใหญ่ต่อมากที่สุดเท่าที่ Diablo เคยทำมาเลยล่ะ

งานศิลป์ในเกม Diablo 4 ก็คือการดึงเอาแนวทางของภาค เก่า ๆ กลับมาเป็นเสาหลัก โดยเฉพาะฉากโหด ๆ หรือฉากสยองขวัญ 

Diablo 4 จะมีเปิดอิสระ ให้ผู้เล่นไปไหนก็ได้ ทำอะไรก็ได้ โดยผู้เล่นไม่จำเป็นต้องสนใจเนื้อเรื่องหลักเลยก็ได้ โดยการสำรวจนั้นจะมีรางวัลดี ๆ มากมาย โดยทีมงานได้สร้างโลกที่ใหญ่ที่สุดในซีรีส์เท่าที่เคยทำมา โดยผู้เล่นสามารถเดินทางข้ามโซนได้อย่างไร้รอยต่อ เดินได้ทั้งแผนที่โดยไม่ต้องเทเลพอร์ตเลย 

และเป็นครั้งแรกในซีรีส์ สำหรับ Diablo 4 จะมีแคมเปญเนื้อเรื่องแบบไม่เป็นเส้นตรง เส้นเรื่องจะแตกแขนงออกไป โดยเราจะเลือกเองได้ว่าจะเล่นเนื้อเรื่องแบบไหน ยกตัวอย่างเช่น บางจุดของเนื้อเรื่อง จะมีบางช่วงที่กลุ่มของตัวละครอาจจะแยกทางกัน

ในระหว่างที่เราสำรวจโลก เราจะได้เจอแคมป์ที่ถูกพวกมอนสเตอร์ยึดครองอยู่ และเราสามารถเข้าไปยึดคืนมาได้ และมันจะสร้างการเปลี่ยนแปลงของโลกในเกมแบบถาวร เพราะสถานที่เหล่านั้นจะถูกเปลี่ยนจากสถานที่ชั่วร้าย เป็นหลักพักพิงของนักผจญภัยต่าง ๆ รวมไปถึงเราด้วย 

เราอาจจะอยากแวะไปทำเควสต์อื่น ๆ ที่นอกเหนือจากเควสต์หลัก หรือออกสำรวจโลกได้ โดยที่ไม่มีอะไรมาขวางทาง แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม สุดท้ายแล้วเราก็ต้องทำเควสต์หลักให้ครบอยู่ดีครับ ถึงจะเข้าสู่บทสรุปเรื่องราวในแต่ละช่วงได้


Gameplay


https://youtu.be/2AfczpugdFU

Diablo 4 ยังคงรูปแบบ Gameplay เดิม ๆ เอาไว้ ก็คือยังคงความเป็น ARPG แบบเดิม แต่เพิ่มเติมคือคราวนี้ตัวเกมจะใช้ Art Style แบบภาค 1-2 แต่หยิบเอารูปแบบ Gameplay ของ Diablo 3 ที่รวดเร็วยิ่งกว่าเดิมมาปรับใช้ และมีการเพิ่มสกิล Dodge เข้ามาให้ใช้กันทุกคลาสเป็นสกิลติดตัวมาเลย ทำให้การเคลื่อนไหวนั้นลื่นไหลมากกว่าเดิม

ต้องยอมรับเลยว่าเกม ARPG แอ็กชันแบบเลือดสาสนั้นมันเหมาะสม และเกิดมาเพื่อ Diablo จริง ๆ ผสมผสานกับ Gameplay ที่ลื่นไหลมากกว่าเดิม ทำให้นี่คือ Diablo ที่ยอดเยี่ยมที่สุดเลยก็ว่าได้

สิ่งหนึ่งที่หลาย ๆ คนอาจจะรอคอยอยู่ ก็คือระบบ Character customize หรือการปรับแต่งตัวละคร โดยคราวนี้เราจะสามารถเลือกเล่นคลาสไหนก็ได้ โดยทุกคลาสก็จะสามารถเลือกเพศได้ พร้อมปรับแต่งหน้าตา ทรงผมได้อย่างอิสระ

โลกในเกมคราวนี้จะไม่มีการแบ่งแผนที่อีกต่อไป นั้นหมายความว่าทุกโซนในเกมจะเชื่อมกันแบบไร้รอยต่อระหว่างฉาก จะไม่มีการโหลดฉากอีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตามพวก Dungeon ต่าง ๆ ก็ยังเป็นแบบสุ่มเหมือนเดิม ซึ่งนับว่าเป็นเอกลักษณ์ของ Diablo ที่มีมาตลอดทุกภาค

ใน Diablo 4 จะไม่มีระบบนำทางตามรอยเท้าแบบภาคที่แล้วมา และตัวเกมต้องใช้การเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ตตลอดเวลา ทำให้ตลอดการเล่น เราอาจจะเข้าไปเจอกับผู้เล่นคนอื่น ๆ รวมไปถึง World Boss ที่จะสุ่มเกิดขึ้นมาตามจุดต่าง ๆ ให้อารมณ์เหมือนกับเล่นเกม MMORPG เลยทีเดียว

และนี่เป็นครั้งแรกของ Diablo ที่ผู้เล่นสามารถแชร์โลกระหว่างกันได้ นั่นรวมไปถึงระบบการเล่นแบบ Cross Platfrom ด้วย ไม่ว่าใครจะเล่นอยู่เครื่องไหน ก็สามารถมาเล่นด้วยกันได้ และยังสามารถเล่นแบบ Local Play ได้อีกด้วย และนอกจากนี้ผู้เล่นยังมีโอกาสจะได้เจอกับผู้เล่นคนอื่น ๆ ระหว่างการเดินทาง ในบางจุดก็จะมีอย่าง World Boss  โผล่ขึ้นมา และถ้าหากผู้เล่นเข้าไปสู้คนเดียว มันก็คงจบไม่สวยแน่นอน

ระบบสกิลต่าง ๆ พื้นฐานแล้วยังคงคล้าย ๆ กับ Diablo ภาคก่อน ๆ มีการแยก Active Skill และ Passive Skill ที่ชัดเจน และสามารถอัปเกรดสกิลเดิมได้ แต่ที่ถูกปรับใหม่เลยก็คือ Paragon ที่จะทำให้ตัวละครของผู้เล่นมีความแตกต่างจากคนอื่น ๆ ได้ไปหลายสายมาก ๆ

พวกชุด อาวุธ เครื่องประดับต่าง ๆ ก็ยังคงเดิมเอาไว้ โดยภาคนี้จะเอาไอเทมแบบ Unique กลับมา พวกของอย่าง Legendary เองก็ยังอยู่เหมือนเดิมไม่หายไปไหน และเราสามารถทำการย้ายความสามารถจากไอเทมชิ้นนึง ไปอย่างชิ้นอื่น ๆ ได้อีกด้วย


สรุปแล้ว Diablo 4 นั้นยังคงเอกลักษณ์ของตัวเองเอาไว้เป็นอย่างดี โดยการกลับไปใช้แนวทางเดิม ๆ ของภาค 1-2 ทำให้แฟน ๆ หลายคนชอบใจเป็นอย่างมาก โดยสิ่งที่น่าสนใจที่สุดสำหรับ Diablo 4 ก็คือการที่ตัวเกมเลือกเดินทางสู่ Open World เต็ม ๆ นี่ล่ะ มันจะทำให้ผู้เล่นมีแนวทางที่หลากหลายในการดำเนินเรื่องของตัวเองเป็นอย่างดี

แนวทางของ Diablo 4 นั้น Blizzard ตั้งใจจะให้เป็นเกมแนว Live Service ที่จะเปิดให้บริการไปยาว ๆ พร้อมกับมี Season Pass และร้านขายของออนไลน์ แน่นอนว่าทุกอย่างที่ขาย จะเป็นเพียงแค่แฟชัน หรือของตบแต่งตัวละครเท่านั้น รับประกันได้เลยว่าจะไม่มี Pay 2 Win แน่นอน

นอกจากนี้ทาง Blizzard เองก็ยังบอกไว้ด้วยว่า พวกเขาเอาใจใส่ผู้เล่นในทวีปเอเซียตะวันออกเฉียงใต้เป็นอย่างมาก ผู้เล่นไม่ต้องกังวลปัญหาเรื่อง Ping หรือการเชื่อมต่อต่าง ๆ เพราะพวกเขามั่นใจว่าจะมอบประสบการณที่ยอดเยี่ยมให้ผู้เล่นชาวเอเซียตะวันออกเฉียงใต้อย่างแน่นอน

Diablo 4 จะวางจำหน่ายวันที่ 4 มิถุนายน 2023 สำหรับ PC Battle.net, PlayStation 4/5, Xbox On และ Xbox Series S/X

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส