สมัยนี้กราฟิกในเกมสวยงามสมจริงขึ้นเยอะ ต่างจากกราฟิกในเกมยุค DOOM, Unreal, หรือ Half-Life ที่พวกเราเคยเล่นในวัยละอ่อนราวฟ้ากับเหว (รู้สึกแก่เนาะ) ที่สำคัญกว่าคือเทคนิคการเล่าเรื่องราวในเกมต่างก็ได้รับการขัดเกลาขึ้นจนน่าตกใจ ทำให้หลาย ๆ ครั้งเกมเมอร์อย่างเราอดคิดไม่ได้ว่านี่เรากำลังเล่นเกมหรือกำลังชมภาพยนตร์อยู่กันเนี่ย

วันนี้เราจะขอแนะนำเกมสนุก ๆ ที่มาพร้อมกับเนื้อเรื่องสนุกสุดยอดไม่แพ้หนังฮอลลีวู้ดระดับบล็อคบัสเตอร์ หากคุณอยากหาหนังดูในวันเสาร์อาทิตย์แต่ในโรงมีแต่หนังฝรั่งและหนังไทยง่อย ๆ รีวิวกาก ๆ เราขอแนะนำให้คุณหาเกมเหล่านี้มาเล่นดีกว่า สนุกกว่ากันเยอะ!

ปล. เพื่อความหลากหลายของแนวเกมและแนวหนัง เราขออนุญาตหยิบมาเพียงหนึ่งเกมต่อหนึ่งทีมพัฒนาเท่านั้นนะจ๊ะ

Heavy Rain

แนวเกม: Adventure แนวภาพยนตร์: Drama Thriller

จะมีเกมไหนที่เหมาะกับการเปิดลิสต์นี้ไปกว่าเกมที่ได้รับการออกแบบให้เหมือนภาพยนตร์เล่นได้กันล่ะ? Heavy Rain เล่าเรื่องราวของคดีสืบสวนสอบสวนผ่านมุมมองของตัวละครหลัก 4 คน พวกเขาออกตามหาฆาตกรต่อเนื่องนามว่า Origami Killer ที่กลับมาลงมือลักพาตัวเด็กอีกครั้งหลังจากหายไปอย่างไร้ร่องรอยกว่า 10 ปี คุณจะได้สวมบทเป็นคุณพ่อจิตตกของเด็กชายที่ถูกลักพาตัว นักข่าวสาวขาลุยที่เป็นโรคกลัวโจรขึ้นบ้าน เจ้าหน้าที่ FBI ผู้มาพร้อมกับอุปกรณ์สืบสวนไฮเทค และนักสืบอิสระอาวุโสที่ตามสืบหาฆาตกรต่อเนื่องรายนี้มาหลายปีดีดัก

เนื้อเรื่องใน Heavy Rain เต็มไปด้วยฉากลุ้นระทึก น่าตกใจ และหวาดเสียวจนร้องซี้ดตามสไตล์หนังไล่จับฆาตกร นอกจากนี้มันยังมาพร้อมจุดหักมุมเนื้อเรื่องแบบเหนือเมฆ ที่เด็ดกว่านั้นคือการกระทำของคุณยังส่งผลกับฉากจบของเรื่องโดยตรงอีกด้วย ในตอนจบคุณพ่อจะสามารถช่วยลูกชายของเขาได้หรือไม่? ครั้งนี้ฆาตกรจะลอยนวลไปอีกรึเปล่า? ทุกอย่างอยู่ในมือคุณแล้ว!

Mafia

แนวเกม: Open World Shooter แนวภาพยนตร์: Gangster Movie

เกมเมอร์คนไหนที่ชื่นชอบภาพยนตร์แนวสุภาพบุรุษทรชนกับปืนกลทอมมี่ต้องเคยเล่นเกมนี้มาแล้วแหงมแซะ เพราะนอกจากภาพกราฟิกที่สวยงามและเกมเพลย์ที่สนุกท้าทายแล้ว เนื้อเรื่องของเกม Mafia ยังครบรสทุกอารมณ์ดราม่าตามสไตล์หนังอาชญากร ผู้เล่นจะได้ติดตามชีวิตของ “Tommy” คนขับรถแท็กซี่ธรรมดา ๆ ในปี ค.ศ. 1930 ที่โชคชะตานำพาเขาเข้าสู่วงการเจ้าพ่อ ชีวิตที่พลิกผันของเขาเต็มไปด้วยฉากแอ็คชั่นยิงสนั่นเมือง การหักหลังของเพื่อร่วมแก๊ง และการเผชิญหน้ากับความโหดร้ายดิบเถื่อนของโลกอาชญากรรม

เนื้อเรื่องของ Mafia เข้มข้นถึงพริกถึงขิงและมีเนื้อหาที่เป็นผู้ใหญ่มาก ๆ สำหรับเกมในยุคนั้น ต้องขอบคุณบทสนทนาและจังหวะการดำเนินเรื่องที่ได้รับการรังสรรค์มาเป็นอย่างดี และหากใครยังไม่จุใจกับโลกของมาเฟีย คุณยังสามารถตามไปเสพย์เนื้อเรื่องกันต่อในภาค 2 และภาค 3 ได้ด้วย ซึ่งถึงแม้เกมการเล่นจะไม่ได้เด็ดดวงเท่ากับภาคแรก แต่ในแง่เรื่องราวนั้นเข้มข้นเป็นกาแฟดำไม่แพ้กันแน่นอน

Uncharted 4: A Thief’s End

แนวเกม: Action Adventure แนวภาพยนตร์: Action Adventure

เกม Uncharted ทุกภาคก็คือภาพยนตร์ Indiana Jones ที่เล่นเองได้ดี ๆ นี่เอง แต่ที่เรายกภาค 4 ขึ้นมาก็เพราะมันเป็นภาคที่มีเนื้อเรื่องลุ่มลึกและมีรูปแบบการเล่าเรื่องเหมือนหนังฟอร์มยักษ์ทุน 100 ล้านที่สุดแล้ว ทั้งบทของเรื่อง มุมกล้อง ภาพกราฟิกต่างก็ได้รับการขัดเกลามาจนถึงจุดยอดเยี่ยมที่สุดของซีรี่ส์ เนื้อเรื่องในภาคนี้เล่าถึงพระเอกนักผจญภัย Nathan Drake ที่เกษียณชีวิตนักบู๊มาอยู่กับภรรยาของตัวเองในชีวิตที่เรียบง่าย แต่ในใจของเขายังคงโหยหาการผจญภัยล่าสมบัติที่แสนตื่นเต้น

ในขณะเดียวกันพี่ชายของเขาก็ปรากฏตัวขึ้นหลังจากหายตัวไปนานกว่า 15 ปี และต้องการความช่วยเหลือให้เขาออกตามหาขุมสมบัติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโจรสลัดไปด้วยกัน เตรียมพบกับเรื่องราวการผจญภัยระดับบล็อคบัสเตอร์ที่เต็มอิ่มไปด้วยฉากแอ็คชั่น มุกตลกเปิ่น ๆ และอารมณ์ดราม่ามากมายที่ผสมคลุกเคล้าเข้าด้วยกันอย่างลงตัว รับประกันได้เลยว่าต่อให้คุณมีเพื่อนที่ไม่เล่นเกมมานั่งดูคุณเล่น เขาก็จะสนุกไปกับคุณจนต้องหาป๊อบคอร์นมานั่งโจ้ด้วยกันเลยทีเดียวเชียว

Batman: Arkham City

แนวเกม: Open World Action แนวภาพยนตร์: Super Hero Movie

ช่วงหลัง ๆ หนังแนวซูเปอร์ฮีโร่ออกมาให้ดูกันเกลื่อนกลาดมาก (ต้องขอบคุณ MARVEL Studio มา ณ ที่นี้) เราจึงขอเลือกหนึ่งเกมที่จะสามารถสนอง Need แฟน ๆ หนังฮีโร่ได้ดีที่สุดมาซะเลย Arkham City คือภาคต่อของเกมแบทแมน Arkham Asylum ที่ยกระดับมาเป็นเกม Open World เต็มรูปแบบ แถมเกมยังเพิ่มความลุ่มลึกให้ระบบการต่อสู้ของมนุษย์ค้างคาวเข้ามาด้วย แต่ทีเด็ดที่สุดของมนุษย์ค้างคาวภาคนี้คือเนื้อเรื่องที่ดึงดูดให้ผู้เล่นติดหนึบกับหน้าจอตั้งแต่ฉากเปิดเรื่องยันฉากจบต่างหาก

เกมจะพาผู้เล่นไปปะทะกับวายร้ายชื่อดังทุกตัวของแบทแมนในเมืองคุก Arkham City ในขณะเดียวกันพระเอกของเราก็ต้องแข่งกับเวลาเพื่อรักษาชีวิตของตัวเองและวายร้ายตัวฉกาจอย่าง Joker รวมทั้งต้องหาทางเปิดโปงแผนร้ายของ Hugo Strange พร้อมกันไปด้วย หากนั่นยังหนักหนาไม่พอ เขายังต้องพบกับเรื่องราวหักมุมที่คาดเดาไม่ได้อีกสารพัด รวมไปถึงโศกนาฏกรรมของทั้งมิตรและศัตรูที่จะมากระแทกอารมณ์อัศวินรัตติกาลให้เซกันไปข้าง เขาจะแบกรับภาระอันหนักหน่วงนี้เอาไว้ได้หรือไม่? เรื่องราวในตอนจบของเขาและ Joker จะเป็นเช่นไร? คุณคงต้องสัมผัสด้วยตัวเองเท่านั้นถึงจะฟิน แต่บอกได้ประโยคเดียวว่า “สนุกไม่แพ้หนัง Batman ของ Nolan” แน่ ๆ!

Alan Wake

แนวเกม: Survivor Horror แนวภาพยนตร์: Horror

สำหรับแฟน ๆ “หนังผี” หรือเรื่องลึกลับเหนือธรรมชาติ เราขอแนะนำให้ท่านรู้จักกับ “Alan Wake” เกมที่จะมอบความรู้สึกเดียวกับตอนที่คุณนั่งดู The X-Files ในวัยเด็ก เพียงแต่ครั้งนี้คุณจะต้องเป็นคนพาพระเอกในเรื่องให้รอดชีวิตด้วยมือคุณเอง! Alan Wake มีระบบการยิงปืนและการใช้ไฟฉายที่ยอดเยี่ยม แต่ที่ยอดเยี่ยมไปกว่านั้นคือการเล่าเรื่องที่มาในสไตล์ซีรี่ส์ชุด ตอนสั้น ๆ ตอนละประมาณ 1 ชั่วโมง รวมถึงการดำเนินเรื่องที่ค่อย ๆ เผยเหตุการณ์น่าพิศวงหาคำอธิบายไม่ได้ไปทีละเรื่อง

เนื้อเรื่องเริ่มขึ้นเมื่อนาย Alan Wake นักเขียนชื่อดังและแฟนสาวของเขาเดินทางมาพักผ่อนที่เมืองเล็ก ๆ กลางหุบเขาเพื่อหาแรงบันดาลใจในการเขียนงานใหม่ แต่แล้วแฟนของเขาก็หายตัวไปอย่างลึกลับโดยไม่มีใครจำได้เลยว่าเธอมีตัวตน หลังจากนั้นพระเอกของเรายังต้องเผชิญหน้ากับเงาดำมรณะที่สิงให้คนในเมืองกลายเป็นฆาตกรเลือดเย็น ซ้ำร้ายเขายังโดนกล่าวหาเสียสติและถูกเจ้าหน้าที่เอฟบีไอไล่ล่า ซึ่งเนื้อเรื่องในแต่ละตอนของ Alan Wake จะจบแบบทิ้งปมปริศนาเอาไว้เสมอ ทำให้เกมเมอร์หยุดเล่นไม่ได้แม้จะเช้าแล้วก็ตาม (ในชีวิตจริงนะ) และในที่สุดพวกเขาก็จะได้พบกับฉากเฉลยปมปริศนาทั้งปวงที่จะทำให้ต้องอ้าปากค้างนานสามนาทีไปตาม ๆ กัน!

หากหนัง 5 เรื่อง เอ้ย! ไม่ใช่! เกม 5 เกมยังไม่จุใจคุณ เรายังมีอีกหลายเกมที่จะมาดับกระหายความอยากดูหนังสนุก ๆ ของคุณได้อีกนะ มาติดตามตอนต่อไปในบทความภาค 2 กันต่อได้เลย คลิกอ่านกันโลด!

รวมเกมเด็ดที่เล่นแล้วรู้สึกเหมือนดูหนังฟอร์มยักษ์! (ภาคสอง)