“พระคุณที่สามงดงามแจ่มใส
แต่ว่าใครหนอใครเปรียบเปรยครูไว้ว่าเป็นเรือจ้าง
ถ้าหากจะคิดยิ่งคิดยิ่งเห็นว่าผิดทาง
มีใครไหนบ้างแนะนำแนวทางอย่างครู..”

บทเพลงนี้ลอยเข้าหูเราแบบแผ่วเบาทุกครั้งที่วันครูมาถึง และได้ทำให้เราหวนระลึกถึงพระคุณของครูบาอาจารย์ อาชีพที่ว่ากันว่าต้องทุ่มเททั้งพลังกายและพลังใจในการขัดเกลาคน เพื่อให้คนเหล่านั้นกลายเป็นบุคคลคุณภาพและเป็นพลเมืองดีของประเทศชาติ

แม้แต่ก่อนอาชีพครูจะได้รับความนิยมมาก เพราะนอกจากจะเป็นอาชีพที่มีเกียรติและได้รับการนับถือจากคนในสังคมแล้ว ยังเป็นอาชีพที่ได้ใกล้ชิดกับเด็กๆ ที่เปรียบเสมือนผ้าขาวด้วย แต่ก็ต้องยอมรับว่าปัจจุบันไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของคนเปลี่ยนไปมาก ทำให้มีมุมมองต่ออาชีพครูต่างออกไปด้วย และแน่นอนว่าก็มีคนจำนวนไม่น้อยที่ผันตัวจากความฝันการเป็นครูไปทำอาชีพอื่นแทน แต่วันนี้แบไต๋จะพาคุณผู้อ่านไปพบกับครูสาวสวย ที่เพิ่งจบการศึกษามาหมาดๆ และถือเป็นครูรุ่นใหม่ไฟแรงเลยทีเดียว เดี๋ยววันนี้เราจะมาพูดคุยกับ เต – เตชินี วิทยาปรีชากุล กัน ว่าเธอมีมุมมองต่ออาชีพครูของเธอเองอย่างไรบ้าง

เตเริ่มต้นทำงานด้านนี้ได้ยังไง

หลังจากเตเรียนจบการสอนภาษาจีน ก็ลองสอบบรรจุค่ะ และโชคดีที่สอบติดเลย เตเลยเริ่มต้นการเป็นครูตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ปี 2560 เป็นต้นมาเลยค่ะ ตอนนี้ก็ครบ 1 ปีการศึกษาพอดีเลยค่ะ

ทำไมถึงเลือกทำอาชีพครูล่ะ

เพราะตอนเด็กๆ ชอบเล่นเป็นครูแล้วชอบ (หัวเราะ) เล่นสอนภาษาอังกฤษให้น้องสาวทุกวัน พอโตขึ้นก็รู้สึกว่าตัวเองชอบการสอน ชอบให้ความรู้ ให้คำแนะนำกับคน เลยคิดว่ามาทางนี้เหมาะแล้วค่ะ

เจาะจงมาตั้งแต่แรกเลยรึเปล่าว่าต้องเป็นครูสอนภาษาจีน

จริงๆ ตอนที่เริ่มเรียนจีน ก็ไม่ได้คิดว่าตัวเองจะต้องเป็นครูนะ เพราะภาษาจีนมันก็ทำงานได้หลากหลาย ค่อนข้างมีลู่ทางเยอะมากๆ แต่เตรู้สึกว่าเราอยากอยู่ใกล้คนที่บ้าน และเห็นว่างานที่เราทำแล้วสามารถอยู่ใกล้กับครอบครัว ดูแลพ่อแม่ได้ดีก็คือครู เตเลยเลือกทางนี้ค่ะ

ใน 1 วัน คุณครูเตทำอะไรบ้าง แล้วเตรียมการสอนยังไงบ้าง

หลายๆ คนอาจคิดว่าอาชีพครูคืองานสอนเพียงอย่างเดียว แต่จริงๆ แล้ว ในหนึ่งวันของครูไม่ได้มีแค่งานสอนค่ะ ก็ต้องเริ่มตั้งแต่เช้า นักเรียนเข้าแถว เราก็ต้องดูแลความเรียบร้อย จากนั้นก็เข้าโฮมรูมเตรียมตัวสอนแต่ละคาบ บางวันก็ต้องสอนลูกเสือด้วย บางวันก็สอนชุมนุมเต้น ปะปนกันไปค่ะ ตอนเย็นๆ ถ้าเลิกงานแล้วเตไม่เหนื่อยก็จะเต้นออกกำลังกายที่บ้านหรือไม่ก็ไปวิ่งค่ะ แต่เตจะค่อนข้างแบ่งเวลากับตัวเอง ถ้าอยู่ในเวลางานก็จะเต็มที่มากๆ ส่วนนอกเวลางานคือจะพักผ่อนเต็มที่ แทบไม่เคยเอางานมาทำต่อที่บ้านเลย

เรื่องการเตรียมการสอน เตก็จะดูก่อนว่า สิ่งที่เด็กยังขาดคืออะไร ก็จะเตรียมเนื้อหาให้เข้ากันกับเขาค่ะ จัดให้ทำกิจกรรมหลายๆ อย่าง เชื่อว่าการเรียนภาษาต้องสนุก แล้วก็คู่ไปกับวัฒนธรรมค่ะ เด็กถึงจะซึมซับได้ดีกว่าการท่องจำไปวันๆ

หลายคนสงสัยกันว่า นักเรียนมีปิดเทอม แล้วครูปิดด้วยมั้ย

บางคนอาจจะคิดว่าพอปิดเทอมปุ๊บ ครูออกเที่ยวกันปั๊บ (หัวเราะ) ไม่ใช่เลยค่ะ ช่วงที่เด็กปิดเทอม ครูก็ยังต้องไปทำงานเหมือนเดิมค่ะ ไปโรงเรียนเวลาเดิม ต่างแค่ไม่ต้องเข้าสอน แต่ต้องสะสางคะแนน ติดตามผลนักเรียนที่ติด 0 ติด อื่นๆ อีกมากมาย ก็เป็นคนละฟีลลิ่งกันค่ะ

ว่ากันว่า อาชีพครูคือแม่พิมพ์ของชาติ เตรู้สึกยังไงกับประโยคนี้

เห็นด้วยแบบไม่มีข้อโต้แย้งเลยค่ะ คำว่าแม่พิมพ์ของชาติ คือครูไม่ได้มีหน้าที่ให้แค่ความรู้ แต่มันคือการถ่ายทอดทั้งพฤติกรรม แนวคิด และการใช้ชีวิตทุกๆ อย่าง เด็กๆ มักจะซึมซับทุกอย่างจากสิ่งที่เห็นค่ะ ครึ่งวันของนักเรียนต้องอยู่ที่โรงเรียน นอกจากเลียนแบบพฤติกรรมผู้ปกครองที่บ้าน เขาก็จะเลียนแบบครูด้วย ยกตัวอย่างง่ายๆ ว่าถ้าสมมติเตแต่งตัวไม่เรียบร้อย พูดจาไม่น่ารักเป็นปกติ เด็กอีกเป็นพันชีวิตที่อยู่ในโรงเรียน ก็จะรู้สึกว่าการปฏิบัติตัวแบบนี้ก็เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ผิดอะไร ก็จะทำตามกันแบบไม่ต้องคิดอะไรเลย เพราะฉะนั้นเวลาอยู่โรงเรียนเตก็ต้องแสดงสิ่งที่ดี กริยาที่ดี ทัศนคติด้านที่ดีให้เขาเห็นและซึมซับ แต่ก็ไม่ใช่ว่าเกร็งจนไม่เป็นตัวเองนะคะ

อย่างนี้เกร็งบ้างมั้ย

หากเปรียบกับตอนก่อนเป็นครูและปัจจุบัน แรกๆ ก็ยอมรับว่าเกร็งมากค่ะ เพราะนักเรียนจะชอบสนใจและใส่ใจในครูทุกคน (หัวเราะ) วันนี้ครูใส่ชุดอะไร ครูทาลิปสีอะไร แต่เราก็ต้องแสดงให้เขาเห็นว่า ทำแบบไหนดี แบบไหนไม่ดี ถ้าพูดถึงการเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดคือการใช้ชีวิต และความรับผิดชอบที่มากขึ้นไปอีกขั้น ถึงป่วยหรือขี้เกียจก็จะลาไม่ได้ เพราะเราลาหนึ่งคน เท่ากับนักเรียนอีกเป็นร้อยชีวิตที่จะไม่ได้ความรู้ อีกอย่างคือการเล่นโซเชียลค่ะ จะพิมพ์ จะโพสต์อะไร ก็คิดเยอะกว่าเมื่อก่อนมากค่ะ

ถ้าอยากเป็นครู ต้องมีสกิลอะไรบ้าง

แน่นอนว่าคนที่จะเป็นครูต้องมีความรู้ในเรื่องที่สอนอย่างมากค่ะ แต่ในส่วนของนิสัย และทักษะ คิดว่าต้องเป็นเรื่องของแต่ละบุคคลเพราะแต่ละคนก็มีเรื่องที่ถนัดไม่เหมือนกัน ถ้าบอกว่าคนเป็นครูต้องดุ หรือสง่าเรียบร้อย กริยามารยาทดีงามเตว่ามันก็ไม่ใช่ (หัวเราะ) การแสดงกริยาสงบเงียบในชั้นเรียนไม่สามารถดึงดูดนักเรียนได้อีกต่อไปในยุคนี้ ครูทุกคนต้องมีความเป็นตัวเองค่ะ (หัวเราะ)

เรื่องท้าทายของอาชีพนี้คืออะไร

ความท้าทายของอาชีพครู คืออนาคตของเด็กค่ะ ทุกการสอน คำพูด ความช่วยเหลือ การปฏิบัติตัวต่อเขามีผลกับเขาทุกอย่าง ถ้าเราสอนดี ทำให้เขาอินไปกับเราได้ วันหน้าเขาอาจจะได้งานดีๆ มีอนาคตที่ดีหรืออย่างน้อย ถ้าเราช่วยให้เขามีกำลังใจกับการเรียน จากที่หมดหวัง ก็อาจจะกลับมาตั้งใจเรียน เรียนจบพร้อมเพื่อนได้

อยากให้เล่าเหตุการณ์ที่ประทับใจที่สุดในการทำงานให้ฟังค่ะ

ตอนนี้ทำชุมนุม cover dance ค่ะ ได้สอนเต้น คลุกคลีกับเด็กๆ ฟีลเหมือนกลุ่มที่เต้นด้วยกัน ช่วยกันแกะท่าซ้อมท่า ประทับใจมากๆ ตอนที่นักเรียนมาเปิดใจเล่าให้ฟังว่า ดีใจมากที่ว่าครูมาสอนที่นี่ ตั้งแต่ก่อนครูมา แอบเห็นว่าครูเต้นได้ คิดแล้วว่าครูจะต้องมาสอน แล้วมันก็ดีมากจริงๆ เตรู้สึกปลื้มใจ เหมือนเห็นตัวเองตอน ม.ปลายแล้วชอบเต้น ตอนนั้นไม่มีครูมาสอน ไม่มีใครมาสนับสนุนแบบนี้ด้วยซ้ำ เราถึงอยากทำร่วมกับเขาเท่าที่จะทำได้

เล่าสมัยเป็นสาวนักเต้นให้ฟังหน่อย

การเต้น cover นี่ทำมาตั้งแต่สมัยเด็กๆ เลยค่ะ สมัย จีนนี่จ๋า 2002 ราตรี จนมาถึง j-pop k-pop เตเก็บหมด (หัวเราะ) รู้สึกชอบการเต้น มันทำให้เราสนุก ยิ่งเวลาเต้นกันเป็นกลุ่ม เหมือนเราได้เชื่อมสัมพันธ์บางอย่างกับคนในทีมโดยไม่ต้องคุยกัน (หัวเราะ) ตั้งแต่ม.ปลายจนถึงมหาลัย ก็ฝึกเต้น แล้วก็ตั้งใจออกงานแข่งมาเรื่อยๆ ค่ะ แพ้บ้างชนะบ้างก็ไม่เคยซีเรียส ทั้งหมดเพื่อพัฒนาตัวเอง จนวันนึงได้มีโอกาสไปทำทีมการแสดงศิลปะวัฒนธรรมไทยตอนที่เรียนที่คุนหมิง เพราะเริ่มต้นจากการเต้นเพลงเมรี ของกระแต อาร์สยาม ก็ทำให้ทั้งคนไทยและคนจีนชอบมากๆ จึงจ้างไปออกงานแสดงต่างๆ หลายงานเลยค่ะ พอกลับไทยมาฝึกสอนก็ได้ไปสอนเต้นที่ cardio boxing gym ที่บางแสน ก็รู้สึกเหมือนได้เอาวิชาที่ร่ำเรียนด้วยตัวเองทั้งหมดมาทำมาหากินค่ะ ใครบอกเต้น cover ไร้สาระ เตค้านขาดใจเลย (หัวเราะ) จริงๆ เคยทำงานร้องเพลงด้วย งานร้องเพลง ก็มาเริ่มทำตอนช่วงที่สอนเต้นเช่นกันค่ะ ร้องตามร้านอาหาร คาเฟ่ แถมตอนนั้นยังสอนพิเศษจีนไปด้วย เรียกว่าเต็มที่กับชีวิตมากค่ะ

เอากิจกรรมที่เราชอบพวกนั้น มาปรับใช้กับการเป็นครูบ้างมั้ย

อย่างที่บอกว่าครูทุกคนต้องมีความเป็นตัวเอง ในคลาสเรียน นอกจากสอนจีน เตก็สอนร้องเพลงจีนบ้าง ได้เปิดชุมนุมเต้นให้นักเรียน งานอดิเรกพวกนี้ถึงจะไม่ได้ทำเป็นอาชีพ แต่ก็ถือว่ายังได้ทำอยู่เสมอค่ะ

สุดท้ายแล้ว ครูเตวางแผนการทำงานกับสายงานนี้ยังไงบ้างคะ

อาจจะเพราะว่าเพิ่งเข้ามาสอน ตอนนี้ก็ยังไม่ได้วางแผนอะไรจริงจัง เพราะเราก็ต้องไหลไปตามระบบของข้าราชการอยู่แล้ว แต่สิ่งที่คิดหนักคือจะสอนอย่างไรให้นักเรียนรักในภาษาจีนมากกว่า (ยิ้ม)

ก่อนลากัน แนะนำแอปหน่อยค่ะคุณครู

Daxiang dictionary เลยค่ะ ลืมอะไรไม่รู้อะไรกดปราดเดียวขึ้นเลย เตก็จะใช้เจ้านี่ประจำเลย ใครเรียนภาษาจีน แนะนำว่าโหลดเถอะค่ะ ดีงามมาก

ดาวน์โหลด

อ่านมาถึงตรงนี้ หลายๆ คนต้องรู้สึกเหมือนกันแน่ๆ ว่าครูเตสาวสวยคนนี้ นอกจากจะเต็มไปด้วยจรรยาบรรณแล้ว เธอยังมากความสามารถและเต็มไปด้วยพลังของครูรุ่นใหม่ด้วย แบไต๋เชื่ออย่างมากว่าลูกศิษย์ของครูเต จะต้องเป็นคนคุณภาพของสังคมและประเทศชาติในอนาคตแน่ๆ