รายงานสดโดย หนุ่ย พงศ์สุข ระหว่างวันที่ 31 สิงหาคม-2 กันยายน 2016 จากนครเซี่ยงไฮ้

exhibition02

หัวเว่ยใจป้ำเชิญผู้นำในแวดวงไอทีกว่า 20,000 คนจาก 120 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วมงาน “HUAWEI CONNECT 2016” จัดขึ้นภายใต้ธีม “Shape the Cloud” งานนี้จัดขึ้นเป็นครั้งแรกและถือเป็นการประชุมครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่หัวเว่ยเคยจัดขึ้น เรียกว่าล้อมทั้งเมืองเซี่ยงไฮ้ ที่ไหนจัดงานได้จะมีป้ายดอกบัวแดงหัวเว่ยหมด เพื่อแสวงหาแนวทางสร้างความสำเร็จให้เกิดขึ้นกับอุตสาหกรรมต่างๆให้ก้าวทันการปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัล ด้วยการพัฒนาเทคโนโลยีคลาวด์ 2.0 ที่ใหม่และให้การสนับสนุนต่อการสร้าง “ระบบนิเวศน์คลาวด์” เพื่อทุกๆ คนบนผืนโลก

หัวเว่ยมีวัฒนธรรมองค์กรที่จะดึงคนเก่งๆ ขึ้นมาเป็นซีอีโอหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ

มร. เคน หู Rotate CEO ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแบบหมุนเวียนตามวาระ (ขอเล่าก่อนนิดครับว่าหัวเว่ยมีวัฒนธรรมองค์กรที่จะดึงคนเก่งๆ ขึ้นมาเป็นซีอีโอหมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ โดยจะดำรงตำแหน่งไม่กี่เดือนและส่งต่อให้คนใหม่ๆต่อไปขึ้นมาดำรงตำแหน่งนี้ได้อีก ใครเคยขึ้นมาแล้วก็จะกลับไปทำงานด้านที่ตนเองสนใจ บริษัทนี้มีพนักงานถึง 1 แสน 7 หมื่นคนเลยใช้ระบบสมบัติผลัดกันชมนี้ และความน่าทึ่งอีกอย่างคือ “ถือหุ้นทั้งหมดโดยพนักงานด้วยกัน” เป็นบริษัทเอกชนที่ไม่ยอมเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์และไม่ได้ถูกถือหุ้นโดยรัฐบาล …รัฐบาลเป็นเจ้าของบริษัทคู่แข่งคนสำคัญของหัวเว่ยนั่นคือ ZTE® และใช้กลยุทธขายแบบ G2G รัฐต่อรัฐกับประเทศที่มีรัฐบาลเป็นเจ้าของเครือข่าย)

มร. เคนหูได้กล่าวในงาน HUAWEI CONNECT 2016 ถึงกลยุทธ์ของหัวเว่ยที่จะขับเคลื่อนโลกด้วยเทคโนโลยีคลาวด์ที่ใช้งานอย่างกว้างขวางขึ้น จริงจังขึ้น และทุกคนบนโลกจะใช้มันผ่านอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้ารอบตัว(แบบไม่รู้ตัว)จำนวนมากในยุค IoT ที่กำลังจะมาถึงนี้

การจัดงานครั้งนี้นับเป็นก้าวแรกที่หัวเว่ยได้แสดงให้สาธารณชนได้เห็นถึงการพัฒนาเทคโนโลยีคลาวด์ให้ครอบคลุมรอบด้านจริงๆ

“หัวเว่ยมีเป้าหมายที่จะก้าวขึ้นเป็นผู้ขับเคลื่อนและผลักดันโลกอัจฉริยะ บริษัทจะยึดมั่นในวิถีปฏิบัติขององค์กรที่ให้ความสำคัญกับลูกค้าเป็นหลัก มุ่งเน้นการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านไอซีที ให้บริการเทคโนโลยีระบบคลาวด์ 2.0 ที่คิดค้นขึ้นใหม่ หัวเว่ยมุ่งหวังที่จะเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจกับผู้ให้บริการทั่วโลกที่สามารถตอบสนองการขับเคลื่อนไปสู่การเปลี่ยนแปลงแห่งยุคดิจิทัลและคลาวด์ 2.0 โดยอาศัยหลักการดังกล่าว ควบคู่ไปกับการสนับสนุนให้เกิดระบบนิเวศคลาวด์อย่างจริงจังด้วยการเปิดกว้างทางความคิด การให้ความร่วมมือ และแบ่งปันความสำเร็จเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะเป็นเสาหลักของโลกอัจฉริยะในยุคต่อไป” มร. หู กล่าว

มร. เคนหู ได้เปรียบเทียบอุปกรณ์ต่างๆในยุคหน้าว่าเป็น “เครื่องมือถ่ายทอดความรู้สึก” (Feeler) ที่ทำให้สิ่งต่างๆ สามารถรับรู้ได้ถึงสภาพแวดล้อมรอบๆ เครือข่ายจะเชื่อมโยงทุกสิ่งเข้าด้วยกัน โดยมีระบบคลาวด์เป็นหัวใจหลักที่สร้างความอัจฉริยะให้กับสิ่งต่างๆ เหล่านั้น องค์ประกอบทั้งสามนี้ก่อให้เกิดสถาปัตยกรรมในการทำงานร่วมกันระหว่างอุปกรณ์ ช่องทางรับส่งข้อมูล และระบบคลาวด์ และยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่หัวเว่ยจะลงทุนในภายภาคหน้าอีกด้วย

S__8904712

“ในช่วงห้าถึงสิบปีข้างหน้า เราจะได้เห็นอุปกรณ์อัจฉริยะทุกชนิดที่สามารถปรับการทำงานให้เข้ากับสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ได้โดยอัตโนมัติ ทุกคนและทุกสิ่งจะสามารถรับรู้ได้ถึงสภาวะรอบข้าง โดยมีอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทำหน้าที่เป็นจุดป้อนข้อมูลเข้าสู่โลกอัจฉริยะ ทั้งเครือข่ายใยแก้วและเครือข่ายไร้สายจะสามารถให้บริการเชื่อมต่อผ่านอัลตร้าบรอดแบนด์ได้อย่างทั่วถึงทั้งโลก ในขณะเดียวกัน คอมพิวเตอร์ที่เชื่อมโยงถึงกันอยู่ทั่วโลกก็จะสามารถรวบรวมข้อมูลมหาศาล เกิดเป็น ‘มันสมองดิจิทัล’ ในระบบคลาวด์ มันสมองดิจิทัลนี้จะมีการพัฒนาแบบเรียลไทม์ และไม่มีวันเสื่อมสภาพ เพื่อสร้างความอัจฉริยะที่ผู้คนและเครื่องจักรสามารถดึงออกมาใช้เมื่อใดก็ได้เพียงเชื่อมต่อผ่านอุปกรณ์ในระบบไฮสปีด” มร. หู กล่าว

มร. หู ให้ความเห็นว่าองค์กรต่าง ๆ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในยุคคลาวด์ 2.0 เนื่องจากนวัตกรรมด้านโซลูชั่นจะปรับเปลี่ยนไปตามความต้องการใช้งานที่จำเพาะขององค์กร เมื่อพิจารณาในแง่นี้ หัวเว่ยจึงมุ่งเน้นลูกค้าเป็นสำคัญ โดยทำความเข้าใจถึงความต้องของลูกค้าอย่างเจาะลึก เพื่อสร้างสรรค์เทคโนโลยีที่ผสานนวัตกรรมได้ตรงตามความต้องการของลูกค้า หัวเว่ยให้บริการโซลูชั่นระบบคลาวด์แบบผสมผสานที่สามารถส่งมอบและใช้งานได้ง่ายตามหลักสถาปัตยกรรมแบบเปิดที่รวมเป็นระบบเดียว

โซลูชั่นสำหรับองค์กรยุคใหม่

others05

โซลูชั่นเหล่านี้เปิดให้ใช้งานในวงกว้าง มีความปลอดภัยสูง และมีประสิทธิภาพการทำงานในระดับองค์กรที่ครบวงจรในจุดเดียว ทั้งยังมีคุณสมบัติด้านการใช้งานที่ออกแบบมาให้สามารถตอบสนองจุดบกพร่องที่ลูกค้าต้องการแก้ไขได้อย่างตรงจุด นอกจากโซลูชั่นที่เน้นการใช้งานเฉพาะด้าน หัวเว่ยยังเน้นย้ำด้วยว่าระบบนิเวศคลาวด์จำเป็นต้องพัฒนาเพื่อสร้างคุณค่าให้กับลูกค้า และทุกองค์กรที่อยู่ในระบบนิเวศนี้จะต้องสร้างคุณค่าที่มีลักษณะเฉพาะขององค์กร มร. หู ย้ำด้วยว่าหัวเว่ยจะไม่เผยแพร่เทคโนโลยีคลาวด์ที่มีอยู่ในมือด้วยตนเอง ในฐานะของผู้ขับเคลื่อนระบบนิเวศน์คลาวด์ หัวเว่ยมุ่งหวังที่จะให้ความช่วยเหลือลูกค้าทุกรายสร้างสรรค์เทคโนโลยีคลาวด์ในทุกรูปแบบ

องค์กรต่าง ๆ ที่กำเนิดขึ้นในยุคเทคโนโลยีคลาวด์ได้กลายเป็นผู้นำการพัฒนายุคแรกของคลาวด์ และสร้างกระแสปั่นป่วนให้กับหลายอุตสาหกรรมทั่วโลก มร. เคน หู เชื่อว่า อีกสิบปีข้างหน้าจะเป็นยุคคลาวด์ 2.0 ซึ่งเป็นจุดรุ่งเรืองของเทคโนโลยีคลาวด์เชิงอุตสาหกรรมอันมากมายนับไม่ถ้วน

exhibition16

และในปี 2025 หัวเว่ย คาดการณ์ว่าโชลูชั่นไอทีสำหรับองค์กรทั้งหมดจะถูกเปลี่ยนโฉมให้กลายเป็นเทคโนโลยีคลาวด์ และมากกว่าร้อยละ 85 ของแอพลิเคชั่นสำหรับองค์กรจะใช้เทคโนโลยีคลาวด์เป็นพื้นฐาน ทุกบริษัทจะผสานธุรกิจของตนเข้ากับคลาวด์ และจะคอยเสาะหาโซลูชั่นคลาวด์ที่เหมาะสมกับองค์กรของตนมากที่สุด นอกจากนี้ มร. เคน หู ยังได้แชร์ประสบการณ์ของหัวเว่ยในด้านการเปลี่ยนโฉมไปสู่เทคโนโลยีคลาวด์ เน้นย้ำความสำคัญในการสร้างมูลค่าจากเทคโนโลยีคลาวด์ รวมทั้งแนะนำ 3 มาตรการสำคัญที่จะช่วยให้บริษัทต่างๆ สามารถเปลี่ยนโฉมองค์กรและสร้างมูลค่าจากคลาวด์ได้

ประการแรก องค์กรต่าง ๆ จะต้องเปลี่ยนวิธีคิดและความเชื่อที่พวกเขามีต่อบทบาทของเทคโนโลยีไอซีที และหันมามองเทคโนโลยีไอซีทีในฐานะระบบการผลิตแทนที่จะเป็นเพียงระบบสนับสนุน ตลอดจนใช้เทคโนโลยีในเชิงรุกในการออกแบบขั้นตอนการผลิตเสียใหม่ ประการที่สอง องค์กรจะต้องหันมาพิจารณาพนักงานบุคลากร และเสริมทักษะความรู้เทคโนโลยีไอซีทีพื้นฐานให้แก่พวกเขา โดยเฉพาะเมื่อเทคโนโลยีเหล่านี้ต้องปรับใช้กับเทคโนโลยีคลาวด์ ประการที่สาม องค์กรจะต้องคิดการให้ใหญ่และทำตามแผนการที่วางไว้ทีละขั้น ๆ อย่างต่อเนื่องด้วยกลยุทธ์ที่ชาญฉลาด ซึ่งจะช่วยสร้างความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีใหม่ รวมถึงความสำเร็จที่เทคโนโลยีเหล่านั้นจะนำมาให้ด้วย มร. เคน หู กล่าว

“คลาวด์กำลังเปลี่ยนโฉมทุกสิ่ง” มร. เคน หู กล่าว “เรามองความเปลี่ยนแปลงเป็นดั่งกระบวนการของการเกิดใหม่ สำหรับธุรกิจในยุคคลาวด์ 2.0 แล้ว การเปลี่ยนแปลงจะนำมาซึ่งความหวัง และเราก็จะสามารถสร้างอนาคตผ่านการลงมือทำได้”

ในงานหัวเว่ย คอนเน็ค ประจำปีนี้ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารหมุนเวียนตามวาระ ของหัวเว่ย ทั้งสามท่าน ได้แก่ มร. เคน หู มร. อีริค ซวี และมร. กัว ผิง จะขึ้นกล่าวสุนทรพจน์เปิดงานในแต่ละวัน วิทยากรท่านอื่นๆ ที่จะมาร่วมบรรยายในงานนี้ ได้แก่ ไบรอัน เคอซานิทช์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเทล คอร์ป, วิสชาล ซิคคา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินโฟซิส เทคโนโลยี, โทมัส เซาเออร์เอสสิค รองประธานอาวุโส บริษัท เอสเอพี เอจี และ แอนดรูว์ แมคอาฟี หัวหน้าทีมนักวิทยาศาสตร์และวิจัยแห่งสถาบัน MIT Sloan School of Management

 

งานหัวเว่ย คอนเน็ค 2016 เป็นงานที่บรรดาองค์กรบริษัทชั้นนำในระบบนิเวศอุตสาหกรรมไอซีทีต่างตบเท้าเข้าร่วมงานกันอย่างคับคั่ง ณ อาคารนิทรรศการแบบอินเทอร์แอคทีฟขนาด 18,000 ตารางเมตร ของศูนย์การประชุม Expo Center ในนครเซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน โดยบริเวณครึ่งหนึ่งของชั้นนิทรรศการจะจัดแสดงนวัตกรรมความก้าวหน้าของพันธมิตรในอุตสาหกรรมของหัวเว่ย ซึ่งประกอบด้วยกว่า 80 องค์กรและผู้สนับสนุนในอุตสาหกรรมของหัวเว่ยและในระบบนิเวศอุตสาหกรรมไอซีที

พันธมิตรชั้นนำที่เข้าร่วมงานครั้งนี้ ได้แก่ Intel®, HGST, SAP, Accenture, Infosys, OpenStack, และสมาคม GSMA สำหรับการประชุมสัมมนา หัวเว่ยจะพูดเน้นย้ำเรื่อง 4 เทคโนโลยีหลัก อันได้แก่ คลาวด์, บิ๊กดาต้า, เครือข่าย Software Defined Networking (SDN) และเทคโนโลยี IoT รวมทั้งเปิดตัว 8 โซลูชั่นเรือธงสำหรับสตอเรจคลาวด์ บริการคลาวด์ และคอนโทรเลอร์เครือข่าย SDN ของหัวเว่ยด้วย โซลูชั่นเหล่านี้ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยให้ระเบียบวาระดิจิทัลของลูกค้าทั้ง 9 กลุ่ม เช่น รัฐบาลและหน่วยงานรัฐ การเงิน โทรคมนาคม พลังงาน และสื่อ ให้สามารถเป็นไปได้อย่างมีประสิทธิภาพ

สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับงานหัวเว่ย คอนเน็ค 2016 สามารถเข้าไปที่เว็บ huawei.com ได้เลยครับ

หนุ่ย-พงศ์สุข รายงาน

หนุ่ย-พงศ์สุข รายงาน