งานสัมมนาการลงทุนที่น่าสนใจอีก 1 งานซึ่งจัดขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด (SCBS) ในหัวข้อ “จับเทรนด์เทคโนโลยีแห่งโลกการเงิน” ณ หอประชุมศุกรีย์ แก้วเจริญ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งงานนี้ได้เผยเทคนิคการวางแผนการเงินในยุคดิจิทัล และเคล็ดลับตัวช่วยวางแผนทางการเงินผ่านกองทุนรวมในยุคดิจิทัล

ซึ่งงานสัมมนาในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อตอบโจทย์การลงทุนที่ง่ายในยุค 4.0 ที่ปัจจุบันมีความพร้อมด้านเทคนิควิธีการวางแผนทางการเงิน เทรนด์เทคโนโลยี เทรนด์การตลาดที่ต้องจับตาในปี 2020 รวมถึงเทรนด์การบริหารเงิน-ลงทุน ของคนยุคปัจจุบัน ทั้งในและต่างประเทศ

ผู้ร่วมสัมมนาในงานนี้

  • คุณธนา เธียรอัจฉริยะ รองผู้จัดการใหญ่อาวุโส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มงานการตลาด ธนาคารไทยพาณิชย์
  • คุณเฉลิมวุฒิ ชมะนันทน์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ สายงาน Product and Platform บริษัทหลักทรัพย์ ไทยพาณิชย์ จำกัด
  • ดร.ฉัตริน ลักษณบุญส่ง Head of SCB 10X#3 ธนาคารไทยพาณิชย์
  • พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์ IT Influencer และ CEO & Founder #Beartai ร่วมแลกเปลี่ยนความคิด
  • คุณศิรัถยา อิศรภักดี นักพูด นักเขียน เจ้าของแนวคิด ใช้แรงทำเงิน ให้เงินทำงาน และผู้ก่อตั้งเพจ Wealth Me Up ดำเนินรายการ

ซึ่งงานสัมมนาในครั้งนี้ก็มีเรื่องราวมากมายที่น่าสนใจทั้งด้านเทคโนโลยีและการลงทุน ซึ่ง beartai ก็ขอสรุปให้คุณอ่านที่นี่เลย

เทรนด์ปีหน้าจะมีอะไรใหม่บ้าง?

ในปีหน้า หรือปี 2020 สิ่งที่จะเกิดขึ้นอย่างแน่นอนนั่นคือ Internet 5G ซึ่งจะเน้นไปในด้านการเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์ในทุกสรรพสิ่งหรือ IoT ซึ่งเพิ่มความสามารถในด้านอุตสาหกรรมได้สูงขึ้นมาก เพราะ 5G นั้นจะมีจุดเด่นหลัก ๆ คือ ค่าความหน่วงที่น้อยมาก ตั้งแต่ 0 – 20 มิลลิวินาที เรียกได้ว่าแทบจะไร้ดีเลย์ ซึ่งสามารถนำมาใช้ได้ในหลากหลายด้าน และนอกจากนี้ 5G จะสามารถเชื่อมต่ออุปกรณ์ได้สูงถึง 1 ล้านชิ้นต่อ 1 ตารางกิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันโลกของ 5G เริ่มเกิดขึ้นแล้วในบางประเทศ โดยเฉพาะฝั่งประเทศจีนที่มีจำนวนกว่า 10 ล้าน Subscriber และไทยก็ได้มีการทดสอบอินเทอร์เน็ต 5G ไปแล้วในหลาย Operator ผู้ให้บริการอีกด้วย และวันที่ 16 กุมภาพันธ์ 2563 นี้จะเป็น D-Day ในการประมูลคลื่นความถี่ 5G ของประเทศไทย ซึ่งมั่นใจได้ว่า เราจะได้ใช้งานอินเทอร์เน็ต 5G นี้ภายในปี 2020 หรือ 2563 นี้อย่างแน่นอน

เรื่อง Privacy Cybersecurity

ซึ่งโดยภาพของวงการ Security ปัจจุบันได้ถูกยกระดับขึ้นไปอย่างมาก โดยเฉพาะระบบการยืนยันตัวตนที่มากกว่าเดิม เช่นมี 2-step Autentication หรือระบบการสแกนใบหน้า สแกนลายนิ้วมือ ก็ถือได้ว่าเป็นการยกระดับ

แต่ที่น่ากลัวคือ กระบวนการขอ Password ผ่านการ Phishing หรือการล่อเหยื่อผ่านระบบ E-mail หรือ Link หลอกเพื่อให้คนส่ง User และ Password ให้กับคนหลอกลวง ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้เป็นการเล่นกับความโลภของมนุษย์ซะเป็นส่วนใหญ่เช่น การถูกรางวัลแปลก ๆ ก็ทำให้คนเผลอส่งข้อมูลส่วนตัว รวมไปถึงโอนเงินไปให้โดยไม่รู้ตัว

และสถิติส่วนใหญ่ผู้ที่เผยแพร่ข่าวปลอม ณ ปัจจุบัน คนที่ส่งข้อมูลข่าวปลอมนั้นมักจะเป็นกลุ่มผู้สูงอายุ เพราะพวกเขาตามเทคโนโลยีไม่ทัน และเชื่อว่าสิ่งที่หลาย ๆ อย่างที่ส่งมานั้นเป็นเรื่องจริงและส่งต่อโดยไม่ตรวจสอบให้ชัดเจน ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะต้องช่วยเหลือแนะนำผู้สูงอายุให้เข้าใจเรื่องราวเหล่านี้

Trends การตลาดปีหน้า

ปัจจุบันมีเรื่องน่าตื่นเต้นหลายอย่างในโลกของการตลาดและการลงทุน โดยเฉพาะในปัจจุบันเป็นยุคของ Attention Economy หรือเศรษฐกิจบนความสนใจของมนุษย์ ซึ่งใคร แอปฯ ไหนได้รับความสนใจมาก ได้เวลาไปเยอะที่สุด คนนั้นก็จะรวย

เช่น Facebook ก็จะส่งข้อมูลมาให้เราดูตลอดเวลา LINE ก็มีเสียงเด้งเตือน หรือ Netflix ก็จะมีหนังภาพยนตร์ที่น่าสนใจออกมาเรื่อย ๆ ซึ่งปัจจุบันมีสมาธิสั้นมาก ๆ โดยผลสำรวจการรับชมคลิปของคนไทยในปัจจุบันอยู่ที่ 1.6 วินาทีเท่านั้น

ปัจจุบันเรื่องของร้านอาหารนั้น Location แทบไม่มีค่าอีกต่อไป เพราะคนมักจะซื้อสินค้าผ่านระบบการสั่งออนไลน์เช่น Get Grabfood เป็นต้น ซึ่งเราสามารถจ่ายเงินได้ง่าย ไม่ต้องเดินทางไปกินด้วยตัวเอง

โลกทุกวันนี้ ผู้ใช้กลายเป็น Product แทน เพราะยิ่งใครอยู่ในระบบไหนมากเท่าไหร่ ระบบนั้นก็จะยิ่งขายโฆษณาได้เยอะขึ้น และระบบเหล่านี้จะมี AI ที่ถูกพัฒนาโดยนักวิทยาศาสตร์และนักการตลาด เพื่อทำให้ระบบสามารถส่งข้อมูล ยิ่งเราชอบอะไร ระบบก็จะยิ่งมอบสิ่งเหล่านั้นเข้าไป

จึงทำให้ยุคนี้กลายเป็นการเอามนุษย์เป็น Product ผ่าน Attention Economy ตัวนี้นั่นเอง

และยุคนี้มีอัตราเร่งด้านนวัตกรรมขึ้นอย่างมาก เราได้เห็นนวัตกรรมมากมายที่เกิดขึ้นมาในโลกไวกว่าเดิมหลายเท่าตัว โดยเฉพาะเทคโนโลยีด้านการใช้เงิน ซึ่งกลายเป็นยุคของ Cashless Society โลกของการเงินผ่านระบบออนไลน์ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้สะดวกสบายในการพกเงินแล้ว สิ่งที่ตามมาคือการตัดสินใจใช้จ่ายในการซื้อขายสินค้าเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็ว และนอกจากนี้ยังมีเรื่องของกิจกรรมพิเศษของร้านค้าออนไลน์อย่าง 11.11 หรือ 12.12 หรือระบบการ Tracking ติดตามความสนใจเรา เช่นเรากดดูสินค้าชนิดหนึ่งไป ระบบก็จะแนะนำว่า สินค้าตัวนี้มีราคาพิเศษในช่วงเวลานั้น ๆ

ทำให้เราใช้เงินโดยไม่รู้ตัว และรวดเร็วมาก ๆ

เรื่องการลงทุน

เมื่อมีการใช้จ่ายที่สูงแล้ว สิ่งที่หลายคนต้องทำคือ จะต้องหารายได้เพิ่มเติมจากภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นลงทุนยังไง ซึ่งการเริ่มต้นลงทุนขั้นแรกคือการตั้งเป้าหมายหรือ Goal-oriented ของเราก่อนว่า เราต้องการลงทุนในระยะไหน โดยจะมีการแบ่งเป็น 3 ระยะด้วยกันคือ

  • ระยะสั้น อย่างการลงทุนเพื่อซื้อรถยนต์ เป็นต้น
  • ระยะกลาง อย่างการลงทุนเรื่องค่าเล่าเรียน ค่าดูแลเลี้ยงดูบุตรหลาน เป็นต้น
  • ระยะยาว อย่างการวางแผนเกษียณของตัวเอง

ซึ่งจะต้องมีคอนเซปต์ Asset Allocation หรือกระจายการลงทุนไปในสินทรัพย์ต่าง ๆ

เช่น การวางแผนการลงทุนพอร์ตกองทุนรวมนี้ จะต้องกระจายความเสี่ยงไปในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น กองทุนหุ้นไทย กองทุนหุ้นนอก กองทุนตราสารหนี้ กองทุนอสังหา และกองทุนผสม เป็นต้น

เราต้องจัดพอร์ตลงทุนเหมือนกับการจัดทัพฟุตบอล

โดยต่างประเทศจะมีการแข่งขันด้านข้อมูล ถ้าใครมีข้อมูลที่ดี ก็จะมีความได้เปรียบในการลงทุนได้เป็นอย่างดี ซึ่งปัจจุบันมีระบบ AI เข้ามาช่วยเหลือในการจัดการด้านการลงทุน ซึ่งระบบจะทำการวิเคราะห์โดยหลักสถิติว่า เมื่อไหร่ควรจะซื้อที่แนวรับ เมื่อไหร่ควรจะขายที่แนวต้าน และจะต้องการลงทุนกับหุ้นที่ PE ต่ำ เป็นต้น

ดังนั้นในโลกของการลงทุนผ่านระบบ AI จะต้องมีความยืดหยุ่นที่มาก เพราะการขยับของหุ้นมีความ Dynamic สูงมาก ซึ่งระบบการเรียนรู้ของ AI จะต้องมีข้อมูลในระดับ 10 ปีขึ้นไป จึงจะมีความมั่นใจว่า AI ที่เรียนรู้นั้นฉลาดพอที่จะสามารถลงทุนได้อย่างชาญฉลาด

ROBO ADVISOR

สิ่งที่หลายคนกังวลในด้านการลงทุน โดยเฉพาะซื้อขายหุ้นแบบ Day Trade หรือซื้อขายรายวัน ถือว่ามีความเสี่ยงอย่างมากในด้านการลงทุน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้หลายคนที่ไม่มีความรู้ หรือมีการลงทุนโดยใช้อารมณ์ของตัวเองเป็นที่ตั้ง โดยไม่ใช้หลักสถิติ ก็จะทำให้เกิดความผิดพลาดอย่างที่ไม่ควรจะเป็นได้

ซึ่งบางครั้งยิ่งคนรู้เยอะเท่าไหร่ แต่ยิ่งเจอเร่งเร้า เจอคำแนะนำจากวงใน (ที่หลายครั้งมักไม่จริง) หรือไม่มีเวลาดูตลอดเวลา ก็อาจทำให้หลายคนหมดตัวได้เลยในไม่กี่วินาที เสียทั้งเงิน เสียทั้งงาน

และ Emotional เป็นจุดเสียเปรียบของด้านการลงทุน

ซึ่งบริการ ROBO ADVISOR ของ SCBS บนแอป EASY INVEST นี้จะสามารถเข้ามาช่วยเรื่องการลงทุนในกองทุนรวมให้ไม่เกิดปัญหาเหล่านี้ เพราะมีการวิเคราะห์จาก Big Data ที่มีความน่าเชื่อถืออย่างมาก ไม่มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้การจัดการเงินลงทุนของเรานั้นมีประสิทธิภาพ ลดความเสี่ยงด้านการลงทุนด้วยตัวเองอย่างมาก

ซึ่งนอกจากนี้เรายังสามารถกำหนดเป้าหมายการลงทุนได้ว่าเราจะสามารถรับความเสี่ยงได้ขนาดไหน ต่อมาบริการ ROBO ADVISOR ก็จะจัดสัดส่วนในพอร์ตลงทุนว่าจะลงทุนในกองทุนไหน เป็นสัดส่วนเท่าไร จากนั้นก็แค่กดยืนยันการสร้างพอร์ตก็เป็นอันเสร็จสมบูรณ์ ในส่วนของหน้าที่ปรับพอร์ตกองทุนตามภาวะตลาดก็ให้บริการ ROBO ADVISOR จัดการให้อัตโนมัติได้เลย โดยการเปิดบัญชีลงทุนกับ SCBS ก็ง่าย เพียงมีแอป SCB EASY ก็ใช้เวลาในการเปิดไม่ถึง 10 นาที

บริการ ROBO ADVISOR จะเลือกเฟ้นกองทุนจาก 16 บลจ. กว่า 1,700 กองทุน นำมาออกแบบเป็นพอร์ตลงทุน ซึ่งแต่ละพอร์ตลงทุนจะมี 5 – 6 กองทุนอยู่ในนั้น ซึ่ง AI ตัวนี้จะทำงานร่วมกันกับผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุน ซึ่งทำให้การลงทุนมีความปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม และเรายังสามารถเลือกความเสี่ยงของเราได้เลยโดยจะมีผลตอบแทนที่คาดหวังได้ตั้งแต่ความเสี่ยงต่ำ 1.5% – 4.5% ไปจนถึงความเสี่ยงสูงก็ได้รับผลตอบแทน 6.0% – 9.0%

มี 5 ขั้นตอนในการใช้งานบริการ ROBO ADVISOR ดังนี้

  1. เลือกและตั้งเป้าหมายการลงทุน
  2. นำเสนอแผนการลงทุน
  3. ลงทุนตามเป้าหมาย
  4. ติดตามและปรับกลยุทธ์การลงทุนให้คุณ
  5. รายงานสถานะการลงทุน

โดยการทำงานของบริการ ROBO ADVISOR เป็นการจัดพอร์ตโดยยึดหลักการ Asset Allocation คือการเลือกลงทุนให้สินทรัพย์ที่หลากหลายเพื่อกระจายความเสี่ยงของพอร์ตลงทุน โดยอาศัยเทคโนโลยี AI ร่วมกับทีมผู้เชี่ยวชาญ เข้ามาช่วยคิดและตัดสินใจโดยอาศัยการวิเคราะห์เชิงคุณภาพ ที่ไม่ใช่เพียงแค่สถิติ แต่ยังมีหลายปัจจัยในการประมวลผล เพื่อช่วยในการลงทุนอย่างมีประสิทธิภาพ และช่วยปรับพอร์ตอัตโนมัติเมื่อพบสัญญาณการเปลี่ยนแปลงผิดปกติได้อย่างทันท่วงที โดยเลือกรับความเสี่ยงได้ถึง 5 ระดับ

แต่อย่างไรก็ตาม การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุนนะครับ

บริการ ROBO ADVISOR เหมาะกับใคร?

SCBS ดำเนินการให้ทุกขั้นตอนโดยไม่ได้เก็บค่าธรรมเนียมในการใช้บริการ ROBO ADVISOR เลย ซึ่ง SCBS ตั้งใจทำให้คนไทยหันมาให้ความสนใจในเรื่องของการลงทุนเพื่อเป้าหมายกันมากขึ้น เพราะวินัยการลงทุนและเวลาเป็นเรื่องสำคัญมาก และยิ่งลงทุนไวเท่าไหร่ ก็จะได้รับผลการลงทุนที่ดีขึ้นเท่านั้น และขอทิ้งท้ายไว้ด้วยคำคมสั้น ๆ ว่า

เวลาที่ดีที่สุดในการปลูกต้นไม้คือ 20 ปีที่แล้ว แต่เวลาดีที่สุดอันดับที่ 2 คือวันนีั

พิสูจน์อักษร : สุชยา เกษจำรัส